ค่ำวันเสาร์ ผู้คนมากมายในเมืองใหญ่ต่างพากันแสวงหาวิธีการบริโภคความสุขอันฉาบฉวย ในโลกแห่งลัทธิสุขนิยมนี้
บ้างก็สรรหาบุฟเฟท์อาหารมาเติมเต็มท้องให้เกินอิ่ม แม้จะรู้ว่าท้องที่อิ่มแน่นไม่ได้ช่วยลดความว่างโหวงในหัวใจได้แม้แต่น้อย
บ้างก็ดื่มแอลกอฮอล์เพียงเพื่อให้ "สติ"มีความสามารถในการรับรู้ความจริงบนโลกอันแสนน่าเบื่อได้ไม่ชัดเจนจนเกินไปนัก
บ้างก็เสพสุขกับการจับจ่ายซื้อของราคาแพงมาครอบครอง เพียงหวังว่าคุณค่าในตัวตนที่ตกต่ำจะสูงขึ้นได้ ชีวิตคนเมืองนั้นแสนน่าสมเพช แต่ยังมีอีกชีวิตน้อยๆที่น่าสะเทือนใจยิ่งกว่า
บนสี่แยกใหญ่กลางใจเมือง เด็กสาวตัวเล็กเพียงจุดเมื่อเทียบกับรถราและอัตตาของผู้คนที่ติดอยู่บนสี่แยกนั้น ขณะที่ฉันกำลังปลดปล่อยอารมณ์ไปกับบทเพลงแจ๊ซ และครุ่นคิดถึงราคาหุ้นที่ตกลงราวกับดิ่งเหว
"ก๊อก ก๊อก" เสียงเคาะกระจกดังพอที่จะทำให้ฉันตื่นจากภวังค์
ฉันหันไปสบตากับเด็กสาวผู้รุกรานพื้นที่สงบส่วนตัวภายในรถของฉัน
ดวงตาดำกลมโตจ้องเขม็งมาที่ตาฉัน ในมือของเด็กสาวมีพวงมาลัยเหี่ยวๆอยู่หนึ่งพวง เธอขยับปากขมุมขมิบ แม้จะไม่ได้ยินเสียง แต่ฉันก็เดาได้ว่าเธอต้องการอะไร
ฉันยิ้มบางๆ ทำปากขมุบขมิบตอบกลับไปว่า ไม่เอาค่ะ
เด็กสาวไม่ยอมลดละง่ายๆ สายตาของเธอกลับแข็งกร้าวมากยิ่งขึ้น เธอจ้องมองฉันตาแทบไม่กะพริบ จนฉันรับรู้ได้ถึงพลังความรู้สึกบางอย่างอันแรงกล้าที่ถูกส่งออกมา ฉันรู้สึกได้ถึง ความเจ็บปวด ความเปลี่ยวเหงา ความเหนื่อยล้า ที่ปะปนระคนกันภายในหัวใจดวงน้อยของเจ้าของดวงตาคู่นั้น
ฉันเบือนหน้าหนี
"ก๊อก ก๊อก ก๊อก" ครั้งนี้ เสียงกระจกดังกว่าครั้งก่อนมากมายนัก
ฉันหันกลับไปมองดวงตาคู่เดิมอีกครั้ง สายตาของเธอเริ่มแสดงความไม่พอใจ เช่นเดียวกับสายตาของฉัน จริงอยู่ หากฉันยื่นเงินเพียงสิบหรือยี่สิบบาทให้ไปเพื่อแลกกับมาลัยเหี่ยวๆพวงนั้น ฉันก็คงไม่ต้องทนกับสายตาคู่นั้นอีก
แต่ฉันคิดว่ามันเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ประชากรเด็กที่จะต้องออกจากโรงเรียนก่อนวัยอันควร เพื่อมาขายสิ่งของต่างๆแทนผู้ใหญ่ โดยใช้ความน่าสงสารเป็นจุดขายก็จะมากขึ้น โดยเฉพาะการขายพวงมาลัยตามสี่แยก ซึ่งมีอันตรายทั้งจากรถยนต์และควันพิษ
ดังนั้น สำหรับฉัน การซื้อเพราะความสงสาร ก็คือการเติมฟืนให้กับไฟปัญหานั่นเอง
ฉันยิ้มให้กับเด็กสาว เธอมองหน้าฉันอย่างไร้ความรู้สึกใดๆ เกราะที่เธอสร้างขึ้นนั้นช่างหนาจนน่ากลัว ฉันไม่อาจรู้ได้ว่าเธอผ่านอะไรมาบ้างหรือกำลังเผชิญกับปัญหาอะไรอยู่ แต่ฉันรับรู้ว่าเธอคือเด็กสาวที่บอบช้ำซ่อนตัวคุดคู้อยู่ภายใต้เกราะที่แข็งกร้าว
ฉันอยากจะลดกระจกรถลง แล้วเริ่มบทสนทนากับเธอ ฟังเรื่องราวในชีวิตเธอ อาจจะพาเธอไปเลี้ยงข้าวให้อิ่มสักมื้อ ซื้อรองเท้าให้เธอสักคู่ เพื่อเธอจะได้ไม่ต้องมาเดินเท้าเปล่ากลางสี่แยกอย่างนี้ จริงๆแล้ว ฉันมีเงินมากพอที่จะส่งเสียให้เธอได้เรียนหนังสือจนจบมหาวิทยาลัยเลยด้วยซ้ำไป
แต่ฉันก็ไม่มีความกล้าพอ แม้แต่จะลดกระจกลง ฉันยังคงเป็นมนุษย์ที่ขลาดเขลาที่เลือกจะใช้ชีวิตไปตามครรลอง เสพสุขในสังคมจอมปลอม ทั้งที่รู้ว่ามีชีวิตเล็กๆที่หิวโหยและลำบากอยู่มากมายรายล้อมรอบตัว
และเธอกับฉันก็เป็นเพียงคนแปลกหน้า ที่มีกระจกรถกั้นโลกของเราทั้งสองออกจากกัน
ไฟเขียวแล้ว
ฉันรีบซับน้ำตาที่ไหลลงแก้ม ก่อนที่มันจะกัดกร่อนจนเกราะของฉันหลอมละลาย ฉันไม่แน่ใจ ว่าเด็กน้อยคนนั้น หรือฉัน ที่น่าสมเพชมากกว่ากัน
And you know and you know
Cos my life's a mess
And I'm trying to grow so before
I'm old I'll confess
You think that I'm strong you're wrong
You're wrong
I'll sing my song my song my song
แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 49 15:41:44
จากคุณ :
Cafe_noir
- [
20 ก.พ. 49 15:16:53
]