CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    Life in a Week : ปลายทางของชีวิต

    ปลายทางของชีวิต


    สัปดาห์ที่ผ่านมาผมรู้สึกกับตนเองว่าช่างเป็นช่วงระยะเวลาอันยาวนาน และหนักหน่วง  ด้วยภาระหน้าที่การงาน  รวมถึงเรื่องราวต่างๆได้แผ่วผ่านเข้ามาสัมผัสประสาทรับรู้ - ความรู้สึก  ก่อให้เกิดอารมณ์หดหู่  เศร้าหมอง และตรอมตรมอยู่ภายในจิตใจแต่เพียงลำพัง

    ข่าวเหตุการณ์การเมืองของบ้านเมืองยังคงทยอยเข้าโสตประสาทอยู่ทุกวัน--แม้ว่าผมจะปิดหูปิดตาไม่ต้องการรับข้อมูลใดๆเพิ่มเติมจากที่เห็นทราบอยู่แล้วก็ตามที  ก็ยังมิวายหลีกหนีไม่พ้น  ทั้งที่สำนักงาน  ที่สาธารณะ  แม้กระทั่งที่บ้าน

    หลายเสียงต่างจับกลุ่มคุย-วิพากษ์กันเป็น Talk of the town  ไม่จำกัดว่าต้องเป็นเวลายามเช้า สาย บ่าย เย็น ค่ำ ดึก  ไม่จำกัดวงสนทนาต่างก็หยิบยกกันมาบ่นสนทนากันได้ทุกเมื่อ...  นายกฯหมดความชอบธรรมในการบริการประเทศ?  นายกฯสมควรลาออก?  นายกฯบกพร่อง (โดยทุจริต) อีกแล้ว?...  คงเป็นเรื่องที่ดีหากว่าผู้ที่สนทนาร่วมกันจะมีความเห็นเป็นในแนวทางเดียวกัน--เหมือนได้เพื่อนคุยถูกคอ  ยิ่งคุยยิ่งได้รสชาติ  แต่จะเป็นเรื่องร้ายในทันที  หากผู้ร่วมสนทนาต่างมีมุมมอง-ความเห็นแตกต่างกันออกไป  เลือกแบ่งฝักแบ่งฝ่าย  สนทนาโจมตีบลัฟแหลกใส่กันด้วยอารมณ์ชอบ-ไม่ชอบมากกว่าเหตุผล

    เกิดความแตกแยกทันที!

    คนในครอบครัวแตกแยกทางความคิด  แบ่งแยกออกเป็นสองฝ่าย--ฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายคัดค้านขับไล่  จากการเมืองระดับภาคสังคมลุกลามมาสู่การเมืองระดับภาคครอบครัว

    "หากนายกฯลาออก  ใครจะมาขึ้นมาเป็นแทน?"  คำถามจากผู้สนับสนุนอยากทราบ!  และเป็นคำถามที่ฝ่ายขับไล่ยังไม่มีคำตอบ!

    เห็นทีจะต้องต้องรอดูและติดตามสถานการณ์นี้กันต่อไป  เพราะยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงได้ง่ายๆ  แว่วๆข่าวมมาว่า  วันที่ 26 กุมภาพันธ์ นี้จะมีการนัดรวมชุมนุมแสดงพลังประชาชน (อีกแล้ว) กันอีกครั้ง  เพื่อขับไล่  หรือจะเรียกว่า 'การเรียกร้อง' ให้นายกฯลาออก  ด้วยการคาดการณ์กันว่าจะมี 'กลุ่มคน' ออกมาร่วมในการณ์นี้จำนวนเรือนแสน!

    วันนั้นจะเป็น 'ปรากฏการณ์' ทางการเมืองอีกครั้ง--อีกวันหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองของประเทศ

    ผมเองก็หวังให้เป็นเช่นนั้น--ปรากฏการณ์ที่เป็นการชุมนุมอย่างสงบ  ไม่นองเลือด  ไม่รุนแรง  ไม่มีการเสียชีวิต




    ข่าวการเสียชีวิตของนักเขียนนามอุโฆษ - กนกพงศ์ สงสมพันธุ์  เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ทำให้ผมบังเกิดความหดหู่  อาลัยกับการจากไปยังแผ่นดินอื่นอย่างไม่หวนกลับ...  คงเหลือแต่เพียงผลงานอันทรงค่าสำหรับวงการวรรณกรรม และ 'ความดี' ส่วนบุคคลไว้สืบสานและสรรเสริญ

    แน่ละ...  กับคนบางกลุ่ม--กลุ่มอื่น  อาจไม่รู้จักชื่อเสียงนักเขียนนามนี้  มิใช่เรื่องแปลกหากเขาจะเอ่ยถามผมว่า 'กนกพงศ์' คือใคร?  และผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องอรรถาธิบายให้เขาฟังมากความ  ไม่รู้จัก...  อย่างไรเสียเขาก็ไม่รู้จัก  และไม่คิดเคืองขุ่นเจ็บแค้นแต่อย่างใด  เพราะอย่างไรก็ตามคนในแวดวงวรรณกรรมก็ยังรู้จักเขาเป็นส่วนมาก--แม้ว่ามันจะเป็นส่วนน้อยในสังคมนี้ก็ตาม

    ในนาม กนกพงศ์ สงสมพันธุ์...  ไม่ใช่ผู้มีมีชื่อเสียงโด่งดังก้องคับฟ้าเฉกเช่นดารา-นักร้องนักแสดงวัยรุ่นทั้งไทย  ฮ่องกง  ไต้หวัน  ญี่ปุ่น และเกาหลี  หรือประเทศในซีกโลกตะวันตก,  ไม่ใช่นักการเมืองผู้มีชื่อเสียงยิ่งใหญ่คับฟ้าเมืองไทย  แต่เขาเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในวงการวรรณกรรมไทยด้วยปากต่อปากจากเหล่านักเขียนและกลุ่มผู้อ่าน,  ด้วยผลงานซึ่งกลั่นกรองจากมันสมองและปัญญาโลดแล่นสู่ปลายนิ้ว  ทั้งขีดเขียน  ทั้งจิ้มดีดเครื่องพิมพ์เรียงถ้อยร้อยคำออกมาเป็นตัวอักษร...  ทุกประโยคและถ้อยคำคือเรื่องจริง  ชีวิตจริง  มิได้เสแสร้งสร้างมายาภาพลวงตาลวงใจเฉกเช่นผู้มีชื่อเสียงดังก้องคับฟ้าทั้งหลายที่ปฏิบัติ และกำลังกระทำกันอยู่--การกระทำที่สร้างภาพได้  หลอกลวงได้แม้กระทั่งกับตนเอง!

    สองถึงสามวันผ่านไปหลังจากทราบว่าเขาจากไปอย่างไม่มีวันกลับ...  ผมยังคงเศร้า  หดหู่ และอาลัยอาวรณ์  สารภาพด้วยความสัจจริงว่าแทบไม่อยากคิด  อยากจับปากกาเขียนอะไรต่อมิอะไรทั้งสิ้น  ผมจึงใช้เวลาในห้วงยามนั้นติดตามอ่านเรื่องราวข่าวคราวต่างๆที่มีผู้เขียนถึงเขา - กนกพงศ์  ทั้งจากนิตยสารสองสามฉบับ  เว็บไซต์วรรณกรรมต่างๆจากสื่ออินเตอร์เน็ท...  ยิ่งได้อ่าน  ยิ่งได้รับรู้ข้อมูลที่ผู้คนสรรเสริญ  ยกย่อง  พลันความปลาบปลื้มใจก็บังเกิดเปี่ยมล้นร่วมด้วย

    "ความตายของกนกพงศ์เป็นความตายที่สวยสดงดงาม" - คือหนึ่งในข้อความที่ผมได้พบอ่าน  ซึ่งผมก็เห็นดีเห็นงาม และเห็นจริงไปตามนั้น  ใช่...  แล้วไยผมจึงต้องจมจ่อมอยู่กับความเศร้า  กับการจากไปของเขาอีก  ในเมื่อความตายนั้นเป็นปลายทางของชีวิตทุกชีวิต--เป็นสิ่งที่สรรพชีวิตหลีกหนีไปไม่พ้น*

    ผมจึงเลิกซึมเศร้า และหันมาชื่นชมกับความสวยงามนั้น  ในขณะที่บางผู้ยังไม่คิดหันมาสนใจ-ใส่ใจกับความงามแห่งชีวิตของตนในขณะที่ยังมีลมหายใจ,  ไม่คำนึงว่าหลังจากวายชนม์จะมีคนแต่งแต้มระบายสีชื่อเสียงตนเองให้หม่นหมองเพียงใด...  แต่มันก็มิใช่เรื่องแปลกมิใช่หรือ  ในเมื่อคนเราตายไปแล้วจะมาสามารถรับรู้สิ่งใดๆบนบรรณพิภพนี้ได้อีก!

    ความตายจะเป็นสิ่งที่สวยงามสำหรับคนผู้นั้นหรือไม่นั้น  ไม่ใช่เรื่องที่น่าใส่ใจมากกว่าเขาจะทำอย่างไรเพื่อได้มาทุกสิ่งที่ปรารถนาโดยไม่คำนึงถึงวิธีการแห่งการเข้าครอบครอง...




    ปิดท้ายสัปดาห์ด้วยความยินดีกับความสุขของมิตรสหายเก่าแก่ผู้หนึ่ง

    เขาได้โทรศัพท์ฝากข้อความไว้ว่าให้ผมโทร.กลับหาด่วน!...  เสียงปลายสายบอกว่าเขาจะแต่งงานต้นเดือนหน้า

    ความงามแห่งชีวิตกำลังจะบังเกิดกับคนสองคนอีกในไม่ช้า  @



    ด้วยมิตรภาพ
    20 กุมภาพันธ์ 2549




    * "ความตายนั้นเป็นปลายทางของชีวิตทุกชีวิต"  - คำพูดของแม่ซึ่งกล่าวกับ Forrest ในวาระสุดท้ายของชีวิต...  จากภาพยนตร์เรื่อง Forrest Gump หนึ่งในภาพยนตร์ที่ผมชื่นชอบ

    จากคุณ : อานันท์-โจนาธาน - [ 21 ก.พ. 49 00:34:43 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป