ความคิดเห็นที่ 2
2)... The person Im waiting for, how distance is he in my future?...
ท้องถนนยามเย็นคลาคล่ำไปด้วยยวดยานต่างๆมากมาย แสงนีออนสารพัดสีจากร้านรวงต่างๆกลับมาเพิ่มเติมสีสันให้กับถนนสายนี้อีกครั้ง ผู้คนมากมายเริ่มทยอยออกมาจากสำนักงาน เสียงอึกทึก จ้อกแจ้ก จอแจ ทั้งจากเด็กขายพวงมาลัยบริเวณสี่แยก แม่ค้าแม่ขายที่ต่างส่งเสียงเรียกร้องความสนใจจากลูกค้า พนักงานสาวออฟฟิศที่กำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่อย่างสนุกสนาน
ทุกสิ่งรอบด้านล้วนแล้วแต่ดูสับสน วุ่นวาย หากแต่ท่วงทำนองแผ่วหวานที่ขับแว่วออกมาจากภัตตาคารหรูในย่านนั้นคล้ายต้องการจะบรรเทาความเร่งรีบให้ดำเนินไปในจังหวะที่ช้าลง
แต่จะมีซักกี่คนกันที่จะหยุดยืน นิ่งฟัง และปล่อยอารมณ์ให้เคลิ้มไหวตามไปด้วย
...I knew I loved you before I met you I think I dreamed you into life I knew I loved you before I met you I have been waiting all my life...*
บริเวณจุดจอดรถประจำทางถูกจับจองด้วยฝูงชนกลุ่มใหญ่ซึ่งล้วนแล้วดูจะกระวนกระวายกลุ้มใจ ยกนาฬิกาขึ้นดูบ่อยครั้ง อาจเพราะกังวลว่าจะกลับถึงบ้านช้าหรือนัดหมายที่มีไว้อาจคลาดเคลื่อนไปหากรถประจำทางสายที่ต้องการยังคงมาไม่ถึง
แต่ชายหนุ่มคนหนึ่งกลับมีท่าทีตรงข้าม เพราะยามนี้เพลงบทนั้นกำลังสั่นสะเทือนอารมณ์อ่อนไหวในหัวใจให้แผ่ซ่านไปทั่วทั้งตัวอีกครั้ง พร้อมกับคำถามบางอย่างที่ผุดขึ้นมาในใจ
.. แล้วเมื่อไหร่กันล่ะที่จะได้เจอ เมื่อไหร่กันที่คนคนนั้นจะเดินทางมาถึง ..
หลายครั้งหลายคราวที่เขารู้สึกว่าชีวิตเหมือนจะยังไม่สมบูรณ์ แม้จะมีหน้าที่การงานที่ดี ได้ทำในสิ่งที่รักที่ฝัน มีเพื่อนที่พูดจาถูกคอ คุยภาษาเดียวกัน เป็นเจ้าของอพาร์ทเมนท์หรูกลางเมืองพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในห้องที่มีอยู่อย่างพร้อมสรรพ
แต่เขายังคงรู้สึกเสมอว่า ชิ้นส่วนบางอย่างในชีวิตยังไม่ถูกพบ และอีกนานแค่ไหนกันกว่าเขาจะได้พบเจอ
แล้วก็ต้องยิ้มให้กับตัวเอง เพราะนึกถึงเนื้อความในจดหมายที่ส่งตรงจากไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ที่เขาเพิ่งอ่านเมื่อครู่
... เหตุผลที่ฉันชอบมองดาวอาจฟังดูไร้สาระอยู่สักหน่อยนะคะ คือฉันเชื่อว่าดวงดาวสามารถรับฟังคำอธิษฐานได้ ในค่ำคืนที่ท้องฟ้าพราวพร่างไปด้วยดวงดาว ฉันจึงหลับตาวอนขอ ให้คนบนฟ้าช่วยนำพาใครสักคนที่ฉันเฝ้ารออยู่และเขาก็อาจจะกำลังรอฉันอยู่เช่นเดียวกันได้มาพบเจอกันเสียที
ฟังดูเพ้อฝันใช่มั้ยคะ คุณจะหัวเราะกับความคิดแปลกๆนี้ก็ได้นะ แต่ฉันคิดว่าชีวิตมันเงียบเหงาและว่างเปล่าเกินไป ถ้าเหลียวมองไปข้างกายแล้วไม่พบเจอใครส่งยิ้มให้กำลังใจแก่กัน
ว้า แย่จัง เห็นทีฉันคงไปช่วยคุณนับจังหวะการกะพริบของดวงดาวไม่ได้แล้วล่ะ เพราะฉันน่ะเป็นพวกสมาธิสั้นเหลือทน แค่นับเจ้าลูกแกะที่กระโดดรั้วก่อนนอนทุกคืนฉันยังนับได้ไม่เคยเกินครึ่งร้อย แล้วนับประสาอะไรอะไรกับดาวนับหมื่น นับพันดวงบนฟ้ากว้างล่ะคะ
แต่ถ้าคุณต้องการเพียงเพื่อนซักคนไปนั่งข้างๆตอนดูดาวล่ะก็ ฉันยินดีค่ะ และรับรองว่าจะไม่ส่งเสียงภาวนาต่อดวงดาวรบกวนการนับจังหวะกะพริบดาวของคุณแน่นอนค่ะ ... - - ตารกา
และรอยยิ้มนั้นดูจะกว้างยิ่งกว่า เมื่อนึกถึงเนื้อความในคอลัมน์ที่เขาเพิ่งจะเขียนเสร็จ
.. โธ่ คุณเด็กน้อยผู้รอคอยครับ ผมขอตอบคุณว่า เรื่องแบบนี้รีบร้อนไปก็ดูจะไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยนะครับ เพราะคนบนฟ้าคงกำหนดมาให้เราแล้วว่าคนนั้นของเราควรปรากฏกายให้เราได้พบเจอเมื่อไหร่ คุณเคยได้ยินคำกล่าวนี้รึเปล่าครับ The right man comes in the right time ถึงเวลานั้นเราก็จะเจอเองล่ะครับ
ถ้าจะให้แนะนำนะครับ ผมว่าคุณลองส่งความห่วงใยถึงคนที่คุณรอคอยไปทางสายลม พร้อมกับฝากความคิดคำนึงไปกับดวงดาว ให้ช่วยย้ำเตือนคนคนนั้นหน่อยว่าให้ดูแลตัวเองให้ดี ไม่ใช่เพื่อตัวของเขาเพียงคนเดียว แต่เพื่อตัวคุณด้วย
เพราะนั่นเป็นวิธีที่คุณได้ถนอมคนที่คุณรักไว้จนกว่าจะถึงเวลาที่คุณจะได้ดูแลเขาด้วยตัวของคุณเอง
ลองดูนะครับ มันรู้สึกสบายใจจริงๆ ที่กล้าแนะนำก็เพราะผมก็กำลังทำสิ่งที่ว่าอยู่ประจำเลยล่ะครับ
จากคุณ :
ธีร์วรา
- [
21 ก.พ. 49 19:38:35
]
|
|
|