CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ Nobody ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

    ผมรู้จักเธอครั้งแรกในวันฝนตกของต้นเดือนมิถุนายน ผมเห็นเธอนั่งตากฝนคนเดียวที่หน้าคอนโดหรูแห่งหนึ่ง ดวงตากลมโตที่แฝงไปด้วยความเศร้าสร้อยได้ตรึงให้ผมต้องหยุดจ้องมองเธอเนิ่นนาน ผมรู้สึกราวกับว่าสิ่งที่รอบๆตัวกำลังหยุดนิ่ง สิ่งมีชีวิตบนโลกนี้เหลือเพียงแค่ผมกับเธอเท่านั้น ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าเธอกำลังร้องไห้ น้ำฝนที่ไหลลงมากำลังชะหยาดน้ำตาที่อาบอยู่สองข้างแก้ม ผมตัดสินใจเดินเข้าไปนั่งข้างๆเธอแล้วยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ ชั่วขณะเธอหันมามองผม เราสองคนสบตากัน ผมรู้สึกถึงแรงดึงดูดมหาศาล มวลพลังอันยิ่งใหญ่ในตัวผมได้ก่อกำเนิดขึ้นเพียงชั่ววูบ และได้ถูกขัดจังหวะเมื่อเธอเอ่ยคำขอบคุณและรับผ้าเช็ดหน้าที่ผมยื่นให้

    “ทำไมมานั่งตากฝนคนเดียวล่ะครับ”

    เธอนิ่งแทนคำตอบ แล้วใช้ดวงตากลมโตที่บัดนี้น้ำตาได้หยุดไหลแล้วจ้องสบตากับผม ชั่ววินาทีผมรู้สึกตื่นเต้น ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ แล้วเธอก็โผเข้าซบกับหน้าอกของผม ตอนนี้ร่างกายของผมร้อนรุ่มดั่งไฟที่อยู่ดีๆก็มีสาวสวยที่ไหม่รู้จักมักจี่มาก่อนเข้ามาแนบชิดกายถึงเพียงนี้

    “ฉันเพิ่งถูกไล่ออกจากงาน”

    เสียงของเธอที่อยู่ในอ้อมกอดผมเบาราวกับเสียงกระซิบแต่ผมกลับรู้สึกได้ยินมันชัดเจนราวกับเธอกำลังพร่ำบ่นอยู่ชิดริมหู

    “ฉันไม่เข้าใจทั้งๆที่ฉันตั้งใจทำงานที่สุดในทีม แต่ทำไมเพื่อนๆถึงไม่ชอบฉัน เจ้านายก็ไม่เคยเห็นผลงานของฉัน พอเด็กใหม่เข้ามาฉันก็ถูกเขี่ยทิ้งราวกับเศษกระดาษที่ใช้แล้วก็ไม่ปาน ทำไมนะ ทำไมฉันถึงโชคร้ายขนาดนี้”

    ขณะที่เธอกำลังคร่ำครวญชะตากรรมที่ดูไม่เป็นธรรมกับเธอนัก ผมเพิ่งสังเกตเห็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังของเธอกำลังกางร่มเพื่อมิให้เธอต้องเปียกปอนไปมากกว่านี้

    “เข้าไปข้างในเถอะพลอย ทำไมมานั่งตากฝนแบบนี้”

    เธอหันไปมองชายหนุ่มที่เรียกเธอว่าพลอย แล้วหันมามองหน้าผมอีกครั้ง เธอคืนผ้าเช็ดหน้าให้ผมแล้วลุกขึ้นยืนราวกับได้ปลดเปลื้องความทุกข์ไปกับน้ำฝนจนหมดสิ้น

    ชั่วขณะผมรู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอกด้านซ้ายเมื่อเห็นเธอเกาะแขนของชายหนุ่มคนนั้นเดินเข้าไปด้านในของคอนโด ทิ้งให้ผมยืนตากฝนอย่างเดียวดาย เธอคงไม่รู้ว่าเธอได้ทำให้หัวใจวัยหนุ่มที่เปล่าเปลี่ยวของผมได้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง แต่แล้วก็เหมือนกับมีใครผลักผมให้ตกลงจากที่สูงเมื่อร็ว่าหัวใจของเธอได้มีเจ้าของครอบครองไปเสียแล้ว

    ใครจะรู้ว่าชะตาชีวิตได้เล่นตลกกับผม สิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้เจอก็ได้เจอ ไม่นานนักหลังจากวันที่ผมพบเธอครั้งแรกวันนั้น ผมก็ได้พบกับเธออีกครั้งในหนึ่งอาทิตย์ถัดมา ผมเห็นเธอกำลังนั่งทานข้าวคนเดียวเลยอดไม่ได้ที่จะไม่เดินเข้าไปทักทาย ผมเดินเข้าไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเธออย่างเงียบๆมองดูเธอใช้ช้อนเขี่ยอาหารในจานเล่นราวกับเด็กๆ

    เธอรู้สึกตัวไม่นานนักว่าได้มีแขกไม่ได้รับเชิญถือวิสาสะนั่งร่วมโต๊ะด้วย เธอเพียงแค่มองหน้าผมแล้วยิ้มให้บางๆเท่านั้น ผมรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุน สรรพสิ่งได้สูญสลายเหลือเพียงแค่ผมกับเธอเท่านั้นเหมือนตอนที่ผมเจอกับเธอครั้งแรกที่หน้าคอนโด

    “ทำไมคุณต้องโผล่มาตอนที่ฉันมีความทุกข์ทุกครั้งด้วยนะ”

    ผมรู้สึกเจ็บปวดกับคำต่อว่าต่อขานของเธอ แต่อย่างไรเสียผมก็โกรธเธอไม่ลง โดยเฉพาะดวงตาของเธอ ผมรู้สึกถึงความทุกข์แสนสาหัสที่เธอกำลังเผชิญ ผมอยากเป็นที่พักผิงใจของเธอเหมือนคราวก่อน ผมอยากปลอบประโลมเธอให้หายเศร้า อยากให้เธอโผเข้าซบกับหน้าอกของผมอีกครั้ง

    “พ่อฉันเพิ่งตายจากโรคมะเร็งปอด ตลกดีมั้ยล่ะ ทั้งๆที่ฉันเตือนพ่อตั้งหลายครั้งแล้วว่าให้เพลาๆบุหรี่ลงหน่อย แต่สุดท้ายเจ้าบุหรี่ที่ฉันเกลียดนักหนาก็ได้พรากเอาคนที่ฉันรักไป”

    พอพูดจบน้ำตาเธอก็ไหลรินราวกับเขื่อนทะลัก สิ่งที่ผมพอจะทำเพื่อเธอได้ก็มีเพียงแต่ยื่นผ้าเช็ดหน้าเท่านั้น ผมมองผ้าเช็ดหน้าสีน้ำเงินที่ยื่นให้เธอแล้วหวนรำลึกถึงวันนั้น ผมก็ได้ยื่นผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ให้เธอเช่นกัน

    “ขอบคุณ”

    เธอรับผ้าเช็ดหน้าจากมือผมอย่างไม่ถือตัวว่าผมเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเธอสักนิด ผมได้แต่ฝืนยิ้มเมื่อคิดว่าเธอนั้นเหมือนเด็กที่เชื่อคนง่าย ไม่เกรงกลัวภัยอันตรายจากคนแปลกหน้า

    หลังจากวันนั้นผมก็รู้จักเธอดียิ่งขึ้น เธอแจกเบอร์โทรศัพท์ให้ผมราวกับแจกลายเซ็นต์ แต่นั่นไม่สำคัญสำหรับผมเพราะถ้าผมอยากเจอเธอเมื่อไหร่ก็มักมีเหตุการณ์ให้ผมได้พบกับเธอทุกครั้งไป และทุกครั้งที่ผมพบเธอ เธอมักถูกรุมล้อมด้วยความทุกข์เหมือนกับว่าผมเป็นคนนำพาความทุกข์ไปให้เธอ

    “พรุ่งนี้ฉันต้องไปโรงพยาบาล ธนาเขาจะพาฉันไปเอง”

    เธอพูดถึงผู้ชายคนนั้นที่กางร่มให้เธอในวันฝนตก เขาชื่อธนาเป็นสามีของเธอที่เพิ่งแต่งงานกันเมื่อปีก่อน ผมเสียดายเวลาที่ผมมาช้าไป ถ้าผมได้พบเธอเร็วกว่านี้ คนที่จะได้เคียงข้างเธอยามสุขและทุกข์คงจะเป็นผม

    “ฉันไม่อยากไปเลย แต่ธนาเขาอยากให้ฉันไป เขาอุตส่าห์ลางานวันพรุ่งนี้เพื่อฉัน ฉันจะทำยังไงดี ช่วยคิดทีสิ”

    เธอกระชากแขนเสื้อผมราวกับเด็กถูกขัดใจที่ไม่ได้ของเล่น แต่ผมไม่ได้ถือสาการกระทำของเธอ กลับรู้สึกเอ็นดูเธอเสียด้วยซ้ำไป ยิ่งผมรู้จักเธอมากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งหลงรักเธอมากขึ้นเท่านั้น ผมชอบนิสัยที่เหมือนเด็กของเธอ ผมอยากเป็นผู้ปกครองที่คอยดูแลเธอทุกฝีก้าว แต่ทว่าผู้ปกครองธนาของเธอคนนั้นคงไม่ยอมให้ผมได้มีสิทธิ์นี้

    “ถ้าคุณไม่อยากไปก็ไม่เห็นต้องไปเลย”

    เธอยิ้มขึ้นทันทีราวกับเด็กที่ได้ของเล่นถูกใจ แต่แล้วรอยยิ้มก็หุบฉับ

    “ไม่ได้หรอก ธนาเขาอุตส่าห์ลางาน”

    ผมฝืนยิ้มทั้งๆที่หัวใจเจ็บปวดราวกับถูกกรีดด้วยใบมีดนับสิบแผล ถ้าเป็นผมจะไม่มีวันบังคับหรือฝืนใจคนที่รักเด็ดขาด ผมจะทนุทนอมเอาอกเอาใจไม่ให้ความทุกข์ใดๆเข้ามากล้ำกรายแม้แต่น้อย ผมกำลังตำหนิธนาคนที่ไม่สามารถดูแลเธอให้ดี คนที่ปล่อยให้เธอต้องเผชิญความทุกข์บ่อยครั้ง

    จากคุณ : หมูน้อยแก้มแดง - [ 22 ก.พ. 49 21:40:03 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป