ผมมาจากครอบครัวชั้นกลางในกรุงเทพ โตมากับแม่และ (พ่อ) ได้เรียนหนังสือที่โรงเรียนที่ดี จบปริญญาโทจากสถาบันที่ดี ทำงาน มีเมีย มีลูก ดูๆ ไปก็น่าเป็นชีวิตที่ดี แต่ผมรู้สึกเหงาจังเลย ไม่ค่อยภูมิใจในตัวเองด้วย
ตอนเรียนจบวิศวะ ผมเริ่มทำงานที่โรงงานแถบชานเมือง น่าเบื่อมาก มีแต่คนงานจบ ม.3 ม.6 จากต่างจังหวัดมาทำงานกัน ทุกๆ ช่วงวันหยุดเทศกาล คนงานจะกลับบ้านกันเยอะมาก โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์ หรือทอดกฐิน ทอดผ้าป่า ก็มักจะมาขอให้ช่วยทำบุญ บอกรวบรวมเงินไปทำบุญที่บ้าน ไปสร้างวัดที่บ้าน ตอนนั้นไม่ได้นึกว่า ทำไมกูไม่เคยทำอะไรแบบนี้กับแถวบ้านกูบ้างวะ ก็เลยถามว่าทำไมเอาเงินไปสร้างวัด หลายคนบอกว่า ที่บ้านแล้ง ไม่มีงาน มาทำงานกรุงเทพ ปีนึงได้กลับบ้าน ไหว้พ่อ ไหว้แม่ ครั้ง 2 ครั้ง คิดถึงบ้าน คิดถึงเพื่อนที่โตมาด้วยกัน อยากเอาเงินไปช่วยทำบุญที่วัด โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์ ได้เจอพี่น้องทุกคน รถไฟคนแน่นแค่ไหนก็จะกลับ ผมเริ่มคิด เออ กูเจอแม่ทุกวัน ไม่รู้สึกอะไร ทำไมคนงานพวกนี้ถึงได้ต้องจากบ้าน เสียน้ำตา เจอกับสิ่งที่ไม่คาดคิด ไม่ว่า ห้องเช่าเล็กๆ อาหารการกินมื้อละไม่ถึง 10 บาท ขโมยละแวกห้องเช่า อยู่บ้านนอกยังสบายซะกว่า อะไรทำให้เค้าเข้ามากรุงเทพ
ผมเคยได้ยินคนพูด แม้จะอยู่ในหมู่บ้านที่หรูหราเพียงใด มีรั้วรอบขอบสูงเพียงใด ถ้ารอบหมู่บ้านเป็นสลัม เต็มไปด้วยความยากจน การถูกทอดทิ้ง ไม่นานคนที่ถูกทอดทิ้งเหล่านั้นก็จะปีนกำแพงเข้ามาขโมยของในหมู่บ้าน บางคนอาจบอกก็ย้ายไปสิ ไปอยู่หมู่บ้านอื่น คนกรุงเทพที่เป็นนักธุรกิจหรือทำงานประจำอาจย้ายได้ ไม่รู้สึกอะไร ไม่เหมือนคนชนบทที่ใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ ทำไร่ ทำนา ไม่ต้องมีเงินในบัญชีเยอะๆ แต่ทำงานไปเรื่อยๆ มีน้อยก็กินน้อย มีเยอะก็เก็บออม อาศัยผืนดินเป็นทุน รุ่นแล้วรุ่นเล่า ตาถึงหลาน หลานถึงโหลน ผูกพันและรักในผืนดิน คงย้ายไม่ได้ง่ายๆ เพราะทำเป็นอยู่อย่างเดียว แต่ก็มีหลายครั้งที่คนบ้านนอกเหล่านี้ ต้องย้ายออกจากถิ่นฐานบ้านเกิด เพราะสิ่งที่รัฐเรียกว่า การเวนคืน หรือการพัฒนาชาติ หรือเลิกอาชีพเดิม เพราะสิ่งที่เรียกว่า เปิดเสรีทางการค้า
ขณะที่เพื่อนผมบางคน อยู่กรุงเทพ วันดีคืนดี มีบริษัทก่อสร้างของคนไทย แต่ชื่อเป็นอิตาลี มาสร้างคอนโดข้างบ้าน ทำให้บ้านเพื่อนร้าว แต่เพื่อนไม่ยอมหนีกลับฟ้องศาลให้ยุติการก่อสร้างชั่วคราว ทำให้บริษัทคนไทย ชื่อเป็นอิตาลีต้องยอมชดใช้ค่าเสียหายให้ หลายคนบอก บริษัทนี้ทำมานานแล้ว แต่ไม่มีใครอยากยุ่ง ถือว่า ถ้าเกิดกับตัวก็ยอมทน หรือหนีไป ถ้าไม่เกิดกับตัว ก็ไม่ต้องยุ่ง
เราคนชั้นกลางในกรุงเทพทั้งหลายถูกเลี้ยงมาให้เรียนหนังสือ ทำงาน มีครอบครัว ชีวิตตัดขาดออกจากคนไทยทั้งประเทศ เราจึงไม่รู้สึกอะไร เวลาเกิดเหตุการณ์ที่ 4 จังหวัดภาคใต้ ที่ทหาร หรือคนบริสุทธิ์ต้องตายด้วยน้ำมือคนไทยด้วยกันเอง หรือการสร้างโรงไฟฟ้า โดยทำลายทะเล รวมถึงอาชีพประมง และวิถีชีวิต ของชาวบ้านกรูด และชาวบ่อนอก หรือการเปิดเสรี ทำให้สินค้าเกษตรราคาถูกจากจีนมาแย่งตลาด ทำให้ชาวนา ชาวไร่ ที่ปลูกหอม กระเทียม หรือกระทั่งส้ม ฉิบหาย ต้องเลิกอาชีพ ขณะที่ชาวบ้านอยู่ในท้องถิ่น ตั้งแต่ปู่ทวดยันหลานๆ มีขนบธรรมเนียม ร่วมความทุกข์ยาก ความสุข มีความรักกัน รักในถิ่นเกิด เราชาวกรุงเทพกลับมีชีวิตที่เปลี่ยวเหงา และแปลกแยก แม้แต่กับญาติ ซึ่งไม่เคยเจอกันนอกจากช่วงเทศกาล อะไรที่ไม่ใช่ความทุกข์ของเรา เราก็ไม่สน หรือบางทีเพราะว่าเราแปลกแยก เราเปลี่ยวเหงา เราจึงต้องหาสิ่งอื่นมาเติมช่องว่าง แม้สร้างความทุกข์ให้คนอื่นเราก็ไม่สน เพราะเราอยู่เป็นส่วนๆ คนทำไม่ดีจึงทำไม่ดีต่อไป ตราบที่ไม่กระทบถึงตัวเอง บางคนยังอ้างกลไกรัฐ สร้างความชอบธรรมในการ เบียดเบียนคนอื่น จึงมีคนอย่าง ถนอม สุจินดา ทักษิณ และคงมีอีกตราบที่เรายังแปลกแยกและเปลี่ยวเหงาอยู่
ไม่ต้องพูดถึง ทักษิณ ว่าโกงเก็บ คือยึดทุกอย่างเป็นของตัวเอง โกงไปเก็บให้ได้มากที่สุด ในที่สุด เราเหมือนวัวควายที่หยุดทำงานไม่ได้ ได้ผลตอบแทนแค่พออยู่ ผลของแรงงานเป็นของพวกเค้า ไม่ต้องห่วง เค้าจะไม่ให้เราตายหรอก เพราะจะไม่มีใครทำงานให้เค้า
ผมรักชีวิต รักครอบครัว มีผู้หญิงที่รัก อยากอยู่กับพวกเค้านานๆ แต่ผมอยากรู้สึกเป็นคนไทยคนหนึ่ง อยากมีความภูมิใจได้ทำเพื่อคนอื่น อยากเดินตามรอยเท้าพ่อ ไม่อยากตายอย่างเปลี่ยวเหงาและแปลกแยก
26 กพ นี้ ผมจะไปกู้ชาติ
จากคุณ :
ต้นเฉยๆ
- [
23 ก.พ. 49 21:30:07
]