CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ความเชื่อ

    ***คำเตือน: เรื่องนี้เป็นความเชื่อของตัวละครในเรื่อง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน***
    +++++++++++++++++++
           เย็นย่ำใกล้ค่ำ พ่อแบกจอบกลับมาจากถางหญ้าไร่อ้อย มี”ไอ้กว้าง”ควายเฒ่าเดินนำหน้ามาอย่างเชื่องช้า  บางครั้งก็หยุดเล็มหญ้าอ่อนริมทาง หางของมันแกว่งไกวไล่ยุงเหลือบ ที่หวังจะสูบเลือดจากมัน

            พ่อรักและผูกพันกับไอ้กว้างมาก มันลากคันไถให้พ่อทำนาทำไร่ตั้งแต่มันยังหนุ่มยันแก่ มีครั้งหนึ่งผมจำติดตา มันลากคันไถแล้วล้มฟุบลงไป พ่อรีบตรงเข้าปลดแอกออกจากคอไอ้กว้าง ลูบหน้าลูบหัวตบไหล่มันเบาๆเพื่อให้กำลังใจ มันพยายามอยู่ครู่ใหญ่ถึงลุกขึ้นได้ จากนั้นผมไม่เห็นพ่อใช้งานไอ้กว้างอีกเลย หันไปใช้”ควายเหล็ก”แทน พ่อปลดเกษียณมัน แถมบำนาญให้มันกินๆนอนๆไม่ต้องทำอะไร

            มีคนในเมืองแวะเวียนมาขอซื้อไอ้กว้างอยู่บ่อยๆ  ให้ราคาสูงเท่ากับควายหนุ่มใช้งาน พ่อกับแม่ยืนกระต่ายขาเดียวว่าไม่ขาย ผมเองแอบลุ้นตัวโก่ง ไม่อยากให้พ่อกับแม่ขายมันไปเลย ถึงผมจะเป็นเด็กอยู่ แต่ผมก็รู้สึกว่าไอ้กว้าง เป็นหนึ่งในครอบครัวของผม
                           
            “พ่อเชื่อว่ามันมีบุญคุณกับเรา ให้เรามีอยู่มีกิน ลืมตาอ้าปากได้ก็เพราะมัน พ่อกับแม่ขายมันไม่ลงหรอก ลูกไม่ต้องกลัว พ่อจะเลี้ยงมันจนแก่ตาย แล้วจะฝังมันด้วยมือของพ่อเอง” พ่อลั่นวาจากับผมในเช้าวันหนึ่งขณะเตรียมไปไร่ ผมจะไปโรงเรียน ส่วนแม่กำลังเตรียมเสบียงลงย่ามใบเก่งของพ่อ มีข้าวมื้อกลางวันห่อด้วยใบบัวมัดด้วยตอก น้ำฝนกรอกใส่ขวดไว้เต็ม และที่ขาดไม่ได้ ยาเส้นใบจากพร้อมไฟแช็กรุ่นเก่า

              “ทำไมเขาถึงอยากได้ตัวไอ้กว้างกันนักล่ะแม่” ผมหันไปทางแม่ “แก่ก็แก่ ลากไถไม่ไหวแล้ว”

            “พวกเขาไม่อยากได้ตัวมันหรอกลูก เขาอยากได้หัวมันเขามันมากกว่า สมมติพ่อกับแม่ขายไป มันต้องถูกเอาไปฆ่า ถูกตัดหัวเอาไปขายต่อ เขาสวยๆหายากแบบไอ้กว้างได้ราคาดีเชียวนะ นักเล่นเขาควายเขาซื้อขายกัน”

              อย่างนี้นี่เอง หัวกระไดบ้านผมถึงไม่แห้งสักที หมุนเวียนเปลี่ยนหน้ากันมาไม่ขาด ผมเหลียวมอง
    ไอ้กว้างยืนรอพ่ออยู่ มันคงอยากออกไปกินหญ้าอ่อนที่เพิ่งแทงยอด หลังฝนมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เขาของมันแผ่กว้างออกไปด้านข้างเป็นแนวนอน ยาวออกไปร่วมๆเมตรทั้งสองข้าง ก่อนจะโค้งขึ้นเป็นพระจันทร์เสี้ยว พ่อเคยว่าเขาของไอ้กว้างเหมือนเขาควายโบราณ  

            ผมรับจอบจากพ่อเอาไปเก็บ พ่อส่งไอ้กว้างเข้าคอก สุมไฟไล่ยุงให้ แล้วมานั่งพักบนแคร่หน้าบ้าน เล่นกับไอ้แดงอีเขียว สุนัขที่พ่อเลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน ยามออกไปไร่ไถนากับแม่ มันสองตัวทำจมูกฟุตฟิต คงสากลิ่นบางอย่างในย่ามของพ่อ

              “เอกมานี่ พ่อมีอะไรจะให้ลูก” พ่อล้วงเอาลูกสุนัขตัวน้อยออกมาจากย่าม มันมองผมตาแป๋ว พ่อบอกได้ยินเสียงร้องแว่วๆกลางไร่อ้อย จึงออกเดินหาอยู่นานถึงพบมันอยู่ในโพรงดิน กับพี่น้องอีกสามตัวแต่ตายหมดแล้ว เหลือมันรอดเพียงตัวเดียว พ่อให้ผมเข้าครัวขอน้ำข้าวจากแม่มาให้มัน พร้อมตั้งชื่อให้เดี๋ยวนั้น…”ไอ้รอด”

              “ลูกเห็นมั้ย ขาหลังมันมีนิ้วโป้งเหมือนคนเลย นานๆจะเจอสักตัว” พ่อชี้ให้ผมดูติ่งเล็กๆที่งอกออกมา แล้วพูดถึงความเชื่อของปู่ผู้ล่วงลับ “มันเข้าตำราของปู่ลูกที่บอกพ่อไว้ หมายี่สิบนิ้ว ขนสามสี หางตีหลัง”

              ผมไม่เข้าใจ ให้สงสัยไปอีกว่า ไอ้แดงอีเขียวทำไมมันไม่มี ผมเก็บความอยากรู้สงสัยนั้นรอจนกินข้าวมื้อเย็นเสร็จ เอาไอ้รอดไปขังไว้ในสุ่มไก่ใต้ถุนบ้าน กันไอ้แดงอีเขียวไปรังแกเพราะยังไม่คุ้น พ่อถึงอธิบายให้ผมฟัง

            “ที่ปู่ของลูกบอกพ่ออย่างนั้นปู่เชื่อว่า หมามันเกิดมาเพื่อเรียนรู้ชีวิตของคน เพราะเป็นสัตว์ที่คนนิยมเลี้ยงและใกล้ชิดมากที่สุด พอมันตายหมดชาติที่เกิดเป็นหมาแล้ว มันจะไปเกิดเป็นคน และจะเอาสิ่งที่มันเรียนรู้จากคนตอนที่มันเกิดเป็นหมา ไปใช้กับชีวิตของมัน ส่วนที่พ่อพูดไว้ตอนแรก หมายี่สิบนิ้วมันใกล้จะไปเกิดเป็นคนแล้วหละ ขนสามสีอย่างไอ้รอดบอกถึงความฉลาดแสนรู้ของมัน ส่วนหางตีหลังปู่ว่ามันดุ”
                                   
              “แล้วไอ้แดงอีเขียวล่ะครับพ่อ”

              “ไอ้สองตัวนี่ไม่ไหว พ่อพยายามสอนมันแล้วแต่มันไม่ค่อยรู้เรื่อง คงจะเกิดเป็นหมาเรียนรู้อีกหลายชาติ” พ่อหัวเราะหึๆ ส่วนผมเกาหัวแกรกๆ ไม่ค่อยเข้าใจนักในวัยเจ็ดขวบตอนนั้น
    ++++++++++++++++++
             สามเดือนให้หลัง ไอ้รอดโตขึ้นเข้ากับไอ้แดงอีเขียวได้แล้ว มันวิ่งเล่นไล่กันคึ่กๆ ผมไม่เห็นมันส่อแววฉลาดแสนรู้อะไรเหมือนอย่างที่พ่อบอก วันๆเที่ยวซุกซนไล่ไก่ไล่เป็ดจนเป็ดไก่ไข่หด แม่ยังบ่นว่าขาดรายได้ตรงนี้ไปเยอะ

              แล้วมาถึงเช้าวันที่ผมโกรธสุดๆ รองเท้าแตะของผมเหลือแค่ซากอยู่กองฟาง รองเท้านักเรียนขาดวิ่น มันกำลังเคี้ยวหมับๆอยู่นั่น ผมวิ่งลงบันไดเพื่อจะไปเอารองเท้าคืน มันกลับวิ่งหนีพร้อมคาบไปด้วย ประมาณว่า “จับให้ได้ถ้านายแน่จริง” ผมวิ่งไล่มันวิ่งหนี ผมหยุดมันหยุด กว่าจะลากคอมาได้ เล่นเอาทั้งเหนื่อยทั้งโกรธอีกเท่าตัว แต่ปากของมันยังคาบรองเท้าอยู่ ผมตบปากมันไปแรงๆสามที  คราวนี้ร้องบ้านแทบแตก ไอ้แดงอีเขียววิ่งหางตกไปไหนไม่รู้

            “ผมไม่เลี้ยงมันแล้ว จะเอาไปปล่อยวัด” ผมประกาศก้อง ฝากไปถึงพ่อแม่ได้รับรู้

            “แล้วลูกจะได้อะไรกลับมา บุญหรือบาปล่ะ” พ่อเดินเข้ามาถาม ในหัวของผมรู้เพียงว่า ถ้าไม่มีไอ้รอด รองเท้าผมก็ไม่ขาด แต่ผมไม่ได้พูดออกไป

            “ถ้าเอกไม่รู้พ่อจะตอบแทนให้ ลูกจะได้บาปกลับมา เพราะวัดเป็นที่ทำบุญไม่ใช่ที่ทำบาปและไม่ใช่ที่ทิ้งขยะ” พ่อทิ้งคำพูดให้คิด หันจูงไอ้กว้างออกไปกินหญ้า ผมพูดอะไรไม่ออก จริงของพ่อ…

              วันนั้นผมต้องไปโรงเรียนด้วยเท้าเปล่า ถูกเพื่อนล้อทั้งวัน พกอารมณ์โกรธกลับมาอีก ผมเห็นไอ้รอดมานั่งรออยู่ทางเกวียน ปากทางเข้าบ้านเหมือนเคยทำ เช้ามาส่งเย็นมารับผมยังกับรู้เวลา แต่มันไม่รู้หรอกอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป

              ควับ…ควับ…ควับ…

            กิ่งฝรั่งแถวนั้นถูกหักมารูดใบออก ผมกระหน่ำตีไม่นับด้วยโทสะ แต่แปลก…ไอ้รอดไม่วิ่งหนีอย่างที่ผมคิด มันหมอบนิ่งให้ตีโดยไม่ร้องสักแอะ ผมชะงักไม้ค้างมองดูมัน คล้ายยังมีสายใยบางๆผูกพันอยู่ ผมโยนไม้ทิ้งไป หันหน้าเดินเข้าบ้านขึ้นไปบนชาน รองเท้าแตะกับรองเท้านักเรียนคู่หใม่วางนิ่งอยู่ที่นั่น

                แม่กลับจากไร่อ้อยก่อนพ่อ เพื่อเตรียมติดไฟหุงข้าว ผมไหว้และขอบคุณแม่ที่ซื้อรองเท้าใหม่ให้

              “เมื่อเอกได้รองเท้าใหม่แล้ว แม่ขอ…อย่าตีไอ้รอดอีกเลยนะสมเพชมัน หมาก็เป็นอย่างนี้เวลามันคันเขี้ยว แม่ว่ามันกำลังเปลี่ยนเขี้ยวใหม่ จากเขี้ยวน้ำนมเป็นเขี้ยวแท้ ไอ้แดงอีเขียวก็เคยเป็น”

              ผมก้มหน้าหลุบตาลงพื้นซ่อนพิรุธ แม่ไม่รู้มันเพิ่งโดนไปครู่ใหญ่ๆ ผมเลี่ยงออกมานั่งเล่นอยู่หน้าบ้านทบทวนเหตุการณ์ แล้วไอ้รอดก็เดินเข้ามาหาผมอีก ด้วยอาการหางตก ตาเศร้า ร้องงื้ดๆ มันนั่งลงยกขาหน้าสะกิดผม ราวกับว่ามันสำนึกผิดและมาขอโทษ

              “ลูกจะไม่ดีกับมันหน่อยหรือจ๊ะ อุตส่าห์มาง้อแล้ว” เสียงแม่ดังมาจากบนชาน ถือทัพพีตักข้าวยืนยิ้มอยู่

              ผมเอื้อมมือไปลูบหัวมัน ก่อนจะกอดมันไว้พรางกระซิบ “เอ็งอย่าจำวันเลวๆของข้าเอาไว้เลยไอ้รอด”

    +++++++++++++++++++

    จากคุณ : พรพชร - [ 2 มี.ค. 49 19:58:34 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป