CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ๏ ๏ ๏ ระเบียงไม้ ๏ ๏ ๏

                   


                      เสียงดังกุกกักๆจากระเบียงไม้ด้านข้างของตัวบ้านทำให้ศิวะขยับตัวลุกจากเก้าอี้เดินตรงมายังหน้าต่างสอดส่ายสายตาหาต้นตอที่มาของเสียง  เขาเปิดประตูห้องทำงานออกมายืนตรงระเบียงไม้เพื่อค้นหาตัวการที่มาของเสียงดังนั่น    แต่ก็หาพบไม่  

                       พอหันหลังกลับเข้ามาในห้องตัวการที่มาของเสียงเมื่อสักครู่ก็สวมรอยนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่เขานั่งอยู่เมื่อครู่ซะแล้ว   ศิวะเดินสาวเท้าเข้ามาในห้องพร้อมกับคิดหาวิธีการจัดการ  สุดท้ายมือยาวก็เลือกคว้าหางม้าที่ทั้งยาวและดกดำของเธอไว้   ก่อนที่เจ้าตัวการจะเจ้ากี้เจ้าการกับการบ้านของเขาซะบ่นปี้เพราะความหวังดีช่วยทำ(ราย)   ความแรงของผู้ชายที่ไร้ความนุ่มนวลเป็นปกติทำเอาเจ้าตัวการร้องลั่นห้องของเขา

                      “เจ็บนะเจ้าโอ๊กปล่อยนะ    หัวคนนะโว้ยเที่ยวได้มาดึงเล่นอยู่ได้   ดูสิผมฉันร่วงไปกี่สิบกี่ร้อยเส้นแล้วเนี่ย หมดกันๆผมของฉัน ” ศิวะปล่อยมือจากผมของเธอ แล้วทรุดตัวลงบนโต๊ะตรงหน้าเธอ

                      “เออ...ก็รู้นะสิว่าเป็นหัวคน   ถ้าเป็นแมวหรือไอ้ปังปอนวายร้ายพ่อถีบส่งลงหน้าต่างโน้นแล้วแม่คู้ณ” เมริสาเผลอค้อนศิวะทีหนึ่ง  หนอย....ไอ้ที่เขากระชากผมเธอแทบจะหลุดติดมือเขาเมื่อสักครู่เนี่ยนะ...ถือว่าขั้นเมตตาปราณีของพ่อเจ้าประคุณแล้ว

                      “คิดว่าพูดโอเวอร์ไปมั้ยเนี่ย   แล้วคิดบ้างมั้ยเนี่ยว่าคนที่นั่งตรงนี้เป็นผู้หญิง  ดูดิหนังหัวแทบหลุดออกมาเป็นชิ้นๆ ” เมริสาบ่นหน้าคว่ำ   แต่ศิวะไม่ได้ว่าอะไรเพียงแต่ยิ้มๆ

                       “มืดค่ำแล้วมาที่นี่ทำไม   ปีนขึ้นมาบนนี้ไม่กลัวตกลงไปแข้งขาหักบ้างเหรอ   ห้องนี้มันชั้นสองของบ้านนะจะบอกให้แม่คุณรู้ไว้” ศิวะเตือนด้วยความหวังดี   คนถูกต่อว่ากลับหันมามองด้วยความไม่พอใจ

                      “ทำเป็นมาดุมาว่า   ฉันปีนขึ้นมาห้องนี้ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว   ครั้งนี้ก็ใช่ว่าเป็นครั้งแรก    นายนี่ยิ่งนานวันยิ่งพูดมาก  จุกจิกจู้จี้ขี้บ่นทำเหมือนฉันเป็นเด็กทั้งที่อายุก็เท่าๆกัน    เดี๋ยวดุเรื่องนั้น   เดี๋ยวดุเรื่องนี้ไม่จบไม่สิ้นสักที   เฮ้อ......รำคาญกลับบ้านดีกว่าเรา”  เมริสาหรือเม่น  ออกไปยืนตรงระเบียงไม้ซึ่งยื่นออกมาจากตัวบ้านหลังสีฟ้าอ่อนหลังข้างๆบ้านของเธอ     ทำท่าจะปีนกลับไปบ้านอีกหลังซึ่งเป็นบ้านไม้สีขาวที่อยู่ฟากหนึ่งซึ่งก็มีระเบียงไม้เหมือนกัน     แต่ไม่ทันที่เมริสาจะปีนข้ามไปศิวะรีบห้ามเธอไว้เสียก่อน

                       “เดี๋ยวสิเม่น    มาแล้วทำไมรีบกลับ   ไม่เอายังไม่ให้กลับ   เข้ามาคุยกันก่อนสิ  ไหนๆ ก็มาแล้ว   นะๆเดี๋ยวจะไปหาขนมมาให้กิน  เอาเยอะๆเลยวันนี้ได้ยินว่าแม่จะทำสาคูไส้หมูกับข้าวเปียกลำใยด้วยล่ะ”

                       ศิวะหรือโอ๊กเดินเข้าไปจูงมือเมริสาเข้ามาในห้อง    เมริสาทำหน้ามุ่ยอยู่ได้ไม่นานก็ต้องลอบยิ้มออกมา ไม่ใช่เพราะคำเชิญชวนหรอกนะที่ยอมเดินกลับเข้ามาในห้อง  แต่เพราะข้อความสุดท้ายนั่นต่างหากที่ทำให้เธอยอมเดินกลับเข้ามาในห้องนี้อีกครั้งอย่างเสียไม่ได้   ไม่ได้เห็นแก่กินหรอกนะ  แต่ที่ยอมเดินตามเข้ามาในห้องนี้อีกครั้งเพราะเสียดายของที่แม่นายศิวะทำเอาไว้ต่างหากล่ะ   แม่นายศิวะทำกับข้าวอร่อยมากๆ อร่อยทุกอย่าง   ยิ่งทำขนมด้วยแล้วยิ่งอร่อยเป็นที่สุด  ทำอะไรเธอก็ชอบๆ  ชอบกินไปซะทุกอย่าง   ชอบจนอยากจะเป็นลูกสาวของแม่นายศิวะซะเองนะล่ะ

                       “งั้นสิ    แบบนี้จึงจะถือว่าเป็นเพื่อนกันจริง  เคยได้ยินมั้ยบ่อยๆในหนังจีนพวกกำลังภายในนะ  ไดอะลอคสุดฮิตที่เขาชอบพูดบ่อยๆ   มีสุขร่วมเสพ  มีของกินอะไรอร่อยๆก็ต้องแบ่งเพื่อนกิน  มันถึงจะคบหากันต่อไปได้ “  ศิวะให้มะเหงกบนหัวของเมริสาทีหนึ่ง   ก่อนจะเดินจากห้องทำงานนั้นไปจัดการหาเสบียงที่ว่ามาให้จอมตะกละ    

                       พอศิวะกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งหลังจากเดินออกไปรับโทรศัพท์จากเพื่อนที่โทร.มา  ปรากฏว่าสาคูไส้หมู  ข้าวเปียกลำใย   และน้ำสมคั้นที่วางอยู่บนโต๊ะซึ่งเป็นของเขาถูกแม่เจ้าประคุณจัดการซะเกือบเรียบแปล้   ศิวะขยับตัวลุกขึ้นเพื่อไปเอามาเพิ่มให้เธออีก   เมริสารีบเรียกเอาไว้ก่อน

                       “จะไปไหนน่ะโอ๊ก”

                       “ก็จะไปเอามาเพิ่มให้อีก  ยังไม่อิ่มไม่ใช่เหรอทุกทีเห็นเบิ้ลสองจาน  ”

                       “เฮ้ย...บ้า  เห็นฉันเป็นคนตะกละไปได้   จะอิ่มแล้ว   ขอบคุณมาก” ศิวะทรุดตัวลงนั่งบนเตียงตามเดิม สายตาจ้องเขม็งมายังเมริสาที่กำลังนั่งทานของว่างอยู่บนพรมใกล้ตู้หนังสือ

                       “ไปตายอดตายยากจากที่ไหนกันมา  กินซะแทบไม่เหลือ   แต่ก็ต้องขอบใจนะที่เหลือจานไว้ให้แม่ได้ใช้งานต่อไป    ไม่งั้นคงแย่    และถ้าจะกรุณาช่วยเลียให้สะอาดก็จะดีมากๆเพราะจะได้ประหยัดน้ำล้างจานไปด้วย “  ศิวะยักคิ้วล้อเลียน

                        “ไม่ตลกเลยนะเจ้าโอ๊ก   รู้มั้ย   เนี่ยกว่าฉันจะเอาชีวิตรอดจากค่ายฝึกมหาโหดออกมาได้นี่ปางตายเชียวนะจะบอกให้”

                         “ไปเข้าค่ายอะไรมาทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่อง”

                        “อ้อ.. ฉันไปเข้าค่ายฝึกวอลเล่ย์บอลของฉัน  โค้ชเขาเก็บตัวนักกีฬาวอลเล่ย์บอลกันมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว   ฉันไม่ได้บอกนายเพราะมันคงไม่สำคัญอะไร   ลืมแล้วเหรอว่าฉันเป็นนักกีฬาวอลเล่ย์บอลของโรงเรียน  แล้วนี่ก็ใกล้ช่วงแข่งกีฬาของเขตแล้ว    ฉันไปเป็นเดือนพอกลับมาบ้านไม่รู้ที่บ้านไปไหนกันหมด   บ้านงี้เงียบเป็นป่าช้าเชียว  ที่โหดสุดๆ ก็คือกระเป๋าตังค์ฉันหาย   ไม่รู้หายไปตอนไหน   นี่ฉันก็ลงทุนเดินตั้งแต่ปากทางยันท้ายบ้านเลยนะ    คิดว่าจะโทรศัพท์ให้นายออกไปรับ   แต่โทรศัพท์ฉัน  ไอ้กระบอกไฟฉายเครื่องนี้มันไม่เหลือตังค์สักสลึง   ตอนนี้รับได้ แต่โทร.ออกไม่ได้อะนะ   ที่เดินเข้ามาถึงบ้านได้เนี่ยก็เหนื่อยแทบขาดใจแล้วเจ้าโอ๊กเอ้ย  เฮ้อ....มีเพื่อนบ้านก็จะโทร.ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันบ้างก็ไม่มี  ดูสิคนเรา”

                      “อ้าวๆ  ฉันจะไปรู้กับเธอเรอะ  ตอนดีๆไม่มีนึกถึง  พอแย่มาจะเที่ยวมาโทษกันแบบนี้ไม่ได้นะ  แล้วที่ไอ้กระบอกไฟฉายของเธอไม่เหลือตังก์นะโทร.คุยกับใครไม่ทราบ  คุยกับใครทำไมไม่โทษคนนั้นล่ะ  มากล่าวโทษกันแบบนี้ไม่ถูกนะเจ้าเม่น    บุญเท่าไรแล้วที่อุตส่าห์เหลือแรงปีนขึ้นมาบ้านฉันได้   ที่มาหานี่ก็เพราะมีธุระแค่หิวใช่มั้ย   หมดธุระของเธอแล้วฉันจะได้ทำงานของฉันต่อ   ช่วงนี้ยิ่งการบ้านเยอะๆอยู่ด้วย” พูดเสร็จศิวะก็ลุกเดินมาประจำที่โต๊ะทำงานของตนเอง

                        “อาจจะยิ่งเยอะหนักเข้าไปอีกก็ได้      ถ้าเพื่อว่าจะ.....รวมการบ้านของฉันเข้าไปอีกหนึ่ง” เมริสาพูดทีเล่นทีจริง   ศิวะหรี่ตามองอย่างไม่ไว้ใจในพฤติกรรมของเพื่อนสาว

                       “นี่.......นี่คงไม่ได้หมายความว่าจะวานให้ฉันทำงานให้เธอหรอกนะ”

                        “ก็.......คงต้องเป็นแบบนั้นละ แหม่.. นายนี่เก่งนะโอ๊ก   มิเสียแรงที่เรียนอยู่ห้องคิง  ฉันพูดนายก็เข้าใจทะลุปรุโปร่งแล้ว   ดีจริงๆงั้นไม่เสียเวลานะนายจะได้ทำการบ้านเสร็จเร็วๆ   ช่วยแปลเอกสารภาษาอังกฤษปึกนี่ให้ฉันหน่อย  เอาแบบละเอียดหน่อยนะเพราะฉันต้องแนบเอกสารฉบับนี้ไปกับรายงานที่จะส่งอาจารย์วันพุธนี้ ” ก่อนที่ศิวะจะตอบรับหรือปฏิเสธเมริสาก็รีบวางเอกสารที่เธอถ่ายออกมาจากเจอนัลต่างประเทศที่ต้องการให้ศิวะแปลให้ลงบนโต๊ะทำงานของศิวะ

                       “เอาจริงเหรอเม่น “  ศิวะทำท่าไม่อยากจะเชื่อว่าเมริสาจะให้เขาช่วยแปลเอกสารให้จริงๆ

                       “ก็เอาจริงนะสิ   เรื่องเร่งด่วนแบบนี้ถ้าไม่จวนตัวใครที่ไหนเขาจะมาพูดกันเล่นๆ   หรือว่านายจะไม่ช่วยฉัน  เพื่อนกันก็ให้มันรู้ไปสิว่าเพื่อนจะไม่ช่วยเพื่อน  นี่ถ้าไม่จวนตัวไม่ขอให้ช่วยหรอกนะ  ไม่ได้มีแค่รายงานชิ้นนี้ชิ้นเดียวนะที่ต้องรีบทำให้เสร็จ  อย่างน้อยก็อีกราวๆสามชิ้น  ถ้านายไม่อยากให้ฉันเรียนจบม. 6 พร้อมนาย  ไม่ต้องช่วยก็ ได้  เรียนจบช้ากว่าเพื่อนสักเทอมจะเป็นไรไป  ”  เมริสานั่งขัดสมาธิตรงกลางห้องมือกอดอกนิ่งไหวติง  เหมือนกำลังนั่งประท้วงศิวะอยู่กลายๆ  เจอไม้นี้มีเหรอศิวะจะใจแข็งอยู่ได้

                       “ไม่ต้องมานั่งประท้วงกันหรอก   ใครบอกกันล่ะว่าจะไม่ช่วย   เดี๋ยวจะหาเวลาทำให้ก็แล้วกันนะ”  ในที่สุดศิวะก็ใจอ่อนจนได้  และนั่นละคือจุดอ่อนของศิวะที่เมริสารู้ดี

                       “ขอบใจนะโอ๊ก   อือ....เห็นจะต้องกลับแล้ว  ที่บ้านเปิดไฟล่ะคิดว่าพ่อกับแม่คงมากันแล้ว   เออ..เกือบลืม   ย้ำอีกทีการบ้านนะต้องส่งวันพุธเช้านะ   กรุณารีบๆทำให้ด้วยล่ะเดี๋ยวไม่ทันส่งอาจารย์"   พูดเสร็จเม่นก็เดินตรงไปที่ประตูอีกประตูหนึ่งซึ่งไม่ใช่บานที่เธอเปิดเข้ามาในคราวแรก

    (มีต่อ)

    แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 49 14:03:58

    แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 49 12:31:40

    แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 49 02:20:08

    แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 49 02:18:14

    แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 49 01:34:08

    จากคุณ : พยาบาลเกเร - [ 3 มี.ค. 49 01:30:36 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป