CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    อยู่อย่างเกย์ไทย (ให้รอด) ในเยอรมัน ตอนที่ 3 "เดือนแรกในเยอรมัน"

    หลังจากเกย่าเดินทางถึงบ้านคุณป้า คุณลุงแล้ว เกย่าก็พักผ่อนอยู่คืนหนึ่งนะฮะ พอเช้าวันรุ่งขึ้น เกย่าก็ออกไปสำรวจรอบ ๆ บ้านทันที ก็แหม ใบไม้เปลี่ยนสีต้นฤดูเหมันต์นี่มันสีสันจัดจ้า ตรึงตาตรึงใจดีเหลือเกินนะฮะ แต่ในบรรดาใบ้ไม้หลายหลากมากพรรณนั้น เกย่าให้ความสนใจกับใบเมเปิลเป็นพิเศษ ทำไมน่ะเหรอฮะ ล้อมวงเข้ามาใกล้ ๆ นะ หนุ่ม ๆ วงใน สาว ๆ วงนอก ส่วนพวกพ้องชาวเรา วงไกลสุดนะฮะ คริ คริ  

    สมัยที่เกย่าเรียนชั้น ม. 4 ก็มีเพื่อนสาวอยู่นางนึง เวลาเกย่าใช้คำเพื่อนสาวเนี่ย เกย่าหมายถึงพวกสปีชี่ส์เดียวกันกับเกย่านะฮะ ถ้าพูดถึงสาวแท้เกย่าจะเรียกว่าเพื่อนหญิง โอเคนะฮะ เพื่อนสาวนางนี้ เธอเป็นคู่แข่งของเกย่าในสายศิลป์ ฝรั่งเศสฮะ เกย่าไม่ได้โม้แบบสมรักษ์ คำสิงหฺ์ แต่วิชาภาษาฝรั่งเศส เกย่าได้ เอ ช้วน ทุกเทอมนะฮะ พอถึงช่วงปิดเทอมหน้าร้อน คุณเธอก็ได้ไปร่วมโครงการแลกเปลี่ยนระยะสั้นที่ประเทศนิวซีแลนด์ รู้สึกว่าจะสามอาทิตย์นะ ถ้าเกย่าจำไม่ผิด บ้านเธอเป็นผู้ดีจีนเก่า มีที่ให้เช่าแถวร้านตลาด ฐานะจัดว่าล่ำซำเลยล่ะฮะ เธอกลับมาตอนวันเปิดเรียนขึ้นชั้น ม. 5 ด้วยถุงพลาสติกที่ใส่ลูกสนมาเต็ม และสมุดที่ข้างในติดใบเมเปิลไว้เต็มไปหมด ก็ตามธรรมดานะฮะ ที่ใคร ๆ ก็กรี๊ดกร๊าดรุมมุงดูอัลบั้มรูปกว่าสิบแฟ้มที่เธอหอบมา เกย่าก็อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย แต่ที่เกย่าสนใจมากกว่าคือใบเมเปิลฮะ เกย่าว่าสีมันสวยมาก ๆ เลย  
    ัส่วนลูกสน เกย่าไม่สนใจเท่าไร ลูกสนทะเล ชายหาดเมืองไทยก็มีให้ดูเยอะแยะ  

    เกย่าเอ่ยปากขอใบเมเปิลจากเธอ ไม่ได้มากมายนะฮะ ขอแค่ใบเดียว แต่เธอไม่ให้ฮะ เธอบอกว่าเธอติดกาวไว้ดีแล้ว ถ้าเธอดึงมันออกมา กระดาษสมุดภาพของเธอก็จะเสีย แต่หลังจากนั้นเกย่าแอบได้ยินมาว่า เธอไปนินทาเกย่าว่าเกย่าอยากได้ใบเมเปิลจนตัวสั่น แต่ไม่มีปัญญาบินไปเก็บเอาเองที่ต่างประเทศ เกย่าโกรธมากเลยนะฮะ แต่จะไปตำหนิเธอก็ไม่ได้ ก็เกย่าอยากได้จริง ๆ อีกอย่าง เราก็เป็นคู่แข่งกันในการเรียน  
    เราไม่ได้เป็นเพื่อนซี้กันเสียหน่อย  

    เช้าวันนั้น รอบ ๆ ตัวเกย่ามีแต่ใบเมเปิล ที่พื้น ตามยอดหญ้า ตรงม้านั่ง เต็มไปหมดเลย เวลาเกย่าไปนั่งใต้ต้นเมเปิล ในวันแดดดี ๆ ที่ฟ้าสีครามใส แสงที่ส่องลอดใบเมเปิลสีเหลืองจัด สาดลงมา เงาใต้ต้นนั้นจะเป็นรูปดาวแฉก ๆ นับร้อยนับพัน สวยเหลือเกิน สวยมาก เกย่าเดินเลือกเก็บใบเมเปิลสวย ๆ ด้วยความรื่นเริงใจ เก็บมาใส่สมุดทับไว้ พอแห้งดีก็ส่งไปให้คุณแม่ ให้คุณปู่ คุณย่า ให้ญาติ ๆ ที่เมืองไทยดู ส่งไปให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนที่มหาวิทยาลัยซึ่งสนิทกับเกย่าดูด้วย เกย่าเก็บมามากมาย แต่ก็ดูเหมือนว่า ทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก ก็จะมีใบเมเปิลสวย ๆ ที่สภาพสมบูรณ์ ร่วงหล่นลงมาให้เก็บอีก จนหิมะแรกเริ่มลงนั่นแหละ เกย่าถึงหยุดเก็บ เพราะใบเมเปิลจะช้ำไม่งดงามเหมือนก่อนต้องความเย็นเยือกแข็ง เกย่านำใบไม้ที่แห้งดีแล้วมาใส่เฟรมติดกระจก แล้วก็แขวนไว้ที่ผนังห้อง พอถึงวันเกิดใคร เกย่าก็จะมอบเฟรมที่มีใบไม้หลากสีนี้ให้ ถึงเกย่าจะไม่ได้ซื้อ ไม่ได้หามา แต่เกย่าก็ใส่ใจทั้งหมดลงไป ในเฟรมเหล่านั้นทุก ๆ อัน  
    ...............................................................
    ชีวิตของเกย่าระหว่างสัปดาห์แรกในเยอรมันก็ตื่นตาตื่นใจดีนะฮะ อะไร ๆ ก็น่าดู น่าชม น่าศึกษา น่าค้นหาไปหมด และเนื่องจากเกย่าชอบทำอาหารเป็นชีวิตจิตใจ เกย่าจึงขออนุญาตคุณป้าโชว์ฝีมือในเย็นวันที่สอง ของชีวิตบนแผ่นดินเยอรมัน คุณป้าก็แสนจะใจดีเหลือหลาย บอกว่าได้เลยจ้ะหลาน ตามสบาย คุณลุงก็กุลีกุจอพาเกย่าไปซื้อของฮะ ซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งแรกที่เกย่าไปย่างเหยียบ ชื่อ PLUS นะฮะ อยู่ไม่ไกลจากบ้านนัก จากหัวมุมถนน เดินเลี้ยวต่อไปแค่สามสี่ร้อยเมตรก็ถึงแล้ว พอเดินผ่านประตู และแผงกั้นเข้าไป จุดแรกที่เกย่าเห็นก็คือแผงผักกับผลไม้ เห็นแล้วเกย่าอยากจะกรี๊ดมากฮ่ะ เพราะ

    1. เกย่าโตมาในบรรยากาศตลาดสดนะฮะ พืชผักบ้านเราก็อุดมสมบูรณ์ มีให้เลือกมากมาย ไม่หวาดไม่ไหว  
    แต่ที่ PLUS นี่ สิ่งที่เกย่าเห็นคือ พริกยักษ์ แครอท กะหล่ำปลี บรอคโคลี่ หอมหัวใหญ่ มะเขือเทศ มันฝรั่ง
    หัวผักกาด และก็ผักฝรั่งอีกสองสามอย่าง แค่นั้นฮ่ะ และราคา พอเกย่าบวกลบคูณหารเป็นเงินบาทแล้ว เกย่าก็อยากกลับบ้านไปปลูกผักเองฮ่ะ เพราะที่ดินตรงหลังบ้านคุณลุงว่างอยู่  

    2. เกย่าชอบทานกล้วยมากฮ่ะ อย่าคิดลึกนะฮะ เกย่าว่าไม่มีเกย์คนไหนไม่ชอบทานกล้วยชิมิคะ โฮะ โฮะ เพราะกล้วยมีธาตุกำมะถัน บำรุงผิวโฉมโนมพรรณให้งดงาม จริงไหมจ๊ะ

    แต่กล้วยที่นี่ก็แพงแสนแพง ราคาที่จำหน่ายต่อหนึ่งกิโล เกย่าซื้อกล้วยที่บ้านได้เป็นเครือเลยมั้งฮะ แถมไม่อร่อยอีกต่างหาก เพราะเป็นกล้วยบ่มแก๊ส ไม่กี่วันที่มาผ่านมา เกย่าได้ดูสารคดีตีแผ่เรื่องการเดินทางของกล้วย จากดินแดนบานาน่ารีพับลิค ถึงเยอรมัน เกย่าถึงได้รู้ว่าชาวสวนปลูกกล้วยที่นั่น ได้ราคาต่อกิโลแค่ 6 เซ็นต์ เท่านั้น แต่มูลค่าเพิ่มระหว่างการขนส่ง จนมาถึงมือผู้บริโภคที่นี่ ได้เพิ่มขึ้นกว่า
    20เท่า ขออภัยถ้าใช้ศัพท์แสงไม่ถูกต้องนะฮะ ถึงเกย่าจะได้ เอ วิชาเศรษฐศาสตร์เบื้องต้น แต่อาจารย์อนุญาตให้เด็กคณะสายสังคมศาสตร์อย่างเกย่า เปิดดูกราฟได้ฮ่ะ ตอนทำข้อสอบ  

    จากที่เกย่าวาดหวังไว้ว่าจะโชว์ฝีมือการปรุงอาหารอย่างเลิศเลอ พอมาเจอความอัตคัดขาดแคลนทั้งในแง่ปริมาณ และความหลากหลายทางชีวภาพของพืชผัก ในเยอรมันเข้า เล่นเอาเกย่ามึนตึ๊บฮ่ะ ท่านผู้อ่านที่รัก  
    แล้วเกย่าจะทำอะไรกินล่ะเนี่ย ผักไม่ค่อยมี กินอาหารทะเลก็ได้ เลยบอกคุณลุงว่า งั้นทำต้มยำโป๊ะแตกทานดีกว่านะฮะ โชะ โชะ คุณลุงถามว่าต้องใส่อะไรบ้าง พอเกย่าเริ่มสาธยาย คุณลุงก็ทำตาปริบ ๆ ก่อนจะพาเกย่าเดินไปที่ตู้แช่แข็ง ซึ่งมีกล่องปลาสองสามชนิดที่เกย่าไม่รู้จัก และกล่องกุ้งที่คาดว่าน่าจะนึ่งแล้วอยู่ในนั้น ปะปนกับอาหารปรุงสำเร็จแช่แข็งมากมายละลานตา อึ้ง อึ้ง อึ้ง กิมกี่ เป็นปี่ไม่มีลิ้นเป่า

    สรุปว่าวันนั้นคุณลุงกะคุณป้าเลยต้องรับประทาน ผัดกุ้งนึ่ง ใส่ แครอท หอมใหญ่ พริกยักษ์สามสี ฮ่ะ ยังดีที่เกย่างัดเอากระปุกเครื่องผัดพริกขิง จะของแม่อะไร ก็ไม่ต้องบอกในที่นี้นะฮะ เกย่าไม่ได้ค่าโฆษณา อิอิ ออกมาผสมด้วย รสชาติเลยแซ่บขึ้นมานิดหนึ่ง คุณป้าออกตัวว่า ที่ไม่มีเครื่องปรุงไทย ๆ อยู่ในครัวเลยนั้น เพราะคุณป้ากะคุณลุงทานง่าย เลยฝากท้องไว้อาหารสำเร็จรูปตลอด เพราะแค่เข้าเตาไมโครเวฟ แป๊บเดียวก็ได้ทานแล้ว ลูกเล็กเด็กแดงก็ไม่มี เลยไม่อยากเรื่องมาก เกย่าล่ะแสนเสียดายกะอุปกรณ์เครื่องครัวอันครบครัน ในห้องครัวที่ทันสมัยของท่านทั้งสองเสียเหลือเกิน  

    แต่ว่าก็ไอ้เจ้าอุปกรณ์ทำครัว ทันสมัยไฮโซ เนี่ยแหละที่สร้างความยุ่งยากให้เกย่ายิ่งนัก สมัยที่เกย่าอยู่หอพักมหาวิทยาลัย มีดทำครัว 1 เล่ม อีโต้อีกหนึ่ง เขียง และ กระทะไฟฟ้า แค่นี้ก็อยู่ ทำอาหารได้สารพัดอย่าง แต่ที่นี่ ตาลายสุด ๆ มีดอันนี้หั่นผัก อันนี้หั่นเนื้อ อันนี้ใช้สำหรับแล่ปลา อันนี้....จิปาถะ จะล้างผัก ต้องใช้ภาชนะนี้ จะปอกมันฝรั่งต้องใช้ที่ปอกอันโน้น จะทำแกงต้องหมอนี้ จะต้มซุปต้องหม้ออีกใบหนึ่ง และเครื่องอำนวยความสะดวกอีกสารพัดอย่าง สรุปว่าจะปรุงอาหารสักมื้อหนึ่ง มีอุปกรณ์ให้ต้องล้างเต็มห้องเลยฮ่ะ ถึงแม้จะมีเครื่องล้างจานอัตโนมัติ ก็ใช่ว่าจะใส่ทุกอย่างเข้าไปได้ซะที่ไหนกัน ปวดหมองจริงน้าาา ถึงจะไม่ใช่อิ๊กคิวซังก็เหอะ

    เกย่าขออนุญาตไปแปะแตงกวาบนดวงตาน้อย ๆ สัก 20 นาทีนะฮะ เดี๋ยวกลับมาพิมพ์ต่อให้จบ ....


    อ้อ อาหารวันนั้น รสชาติฝืด ๆ ชอบกลฮ่ะ เพราะผสมมั่วไปนิดนึง แต่ตามมารยาทคุณลุงคุณป้า ก็ชมว่าอร่อยมากนะฮะ เกย่า พออยู่ว่าง ๆ ก็ชอบดูโทรทัศน์นะฮะ รายการสารคดีที่นี่น่าสนใจทั้งนั้นเลย ถึงแม้ใจเกย่าจะเอนเอียงไปด้านหญิงสาว แต่ก็สาวห้าวนะฮะ รายการที่เกย่าชอบดู จึงเป็นพวก Medical detective, สารคดีช่อง Discovery สารคดี BBC พวกสืบสวน สอบสวน และธรรมชาติวิทยานี่จะชอบเป็นพิเศษฮะ  

    แต่ปัญหาก็คือ มีรายการมากมายที่ดูภาพเคลื่อนไหวแล้วน่าสนใจมาก ๆ แต่เกย่านั่งเป็นใบ้เบื้อ เพราะฟังภาษาเยอรมันไม่เข้าใจเลย จะให้คุณลุง คุณป้า มาคอยแปลให้ฟังตลอดก็เกรงใจ เพราะคุณลุงก็สนใจชมแต่ช่องข่าว ส่วนคุณป้า แทบไม่ดูโทรทัศน์เลยฮะ เธอสนใจแต่น้องหมาที่เลี้ยงไว้ เรื่องหมา ๆ นี่ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ให้เกย่าปวดหัวในภายหลังนะฮะ ซึ่งเราจะได้คุยกันเรื่องนี้ในลำดับถัด ๆ ไป

    ก่อนที่เกย่าจะมาเยอรมัน เกย่าไม่ได้มีโอกาสเตรียมตัวเรียนภาษาเยอรมันแต่อย่างใด นอกจากซื้อเทปเรียนเยอรมันเบื้องต้น กับหนังสือคู่มือเล่มเล็ก ๆ มา ถาม ๆ เด็กมัธยมปลาย สายศิลป์ เยอรมัน แถว ๆ บ้าน ว่าภาษานี้เป็นยังไง แต่ละคนก็ส่ายหน้าบอกว่ายากมาก ๆ พอขอให้ช่วยลองออกเสียงประโยคในหนังสือให้ฟัง ก็ได้ยินแต่เสียง เอ้น ๆ อุ้ม ๆ ฟังแล้วมันหนักโสตเสียเหลือเกิน เลยถอดใจ คิดว่าไปเริ่มที่เยอรมันตั้งแต่ศูนย์เลยจะดีกว่า  

    ปรากฏว่า พอได้มายินสำเนียงจริง ๆ ของเยอรมันชนในโทรทัศน์ หรือเวลาคุณลุงพูดเยอรมันทางโทรศัพท์เร็ว ๆ ยิ่งพิศวงงงงวยฮะ แยกคำไม่ได้เลย ฟังดูเหมือนเสียงน้ำเวลากดชักโครก คือมัน ระรัวเป็นเนื้อเดียวกันไปทั้งหมด บอกกับตัวเองว่า ตายแหงแก๋ เกย่าเอ๋ย เราไม่มีวันเรียนภาษานี้เข้าใจแน่ ๆ อยู่ดีไม่ว่าดี หาเรื่องใส่ตัว ถ่อมาตายถึงนี่ กลับไปเรียนโทที่เมืองไทยจะดีกว่าไหม เครียดมากนะฮะ รู้สึกเหมือนคนใบ้อยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะตอนออกไปเดินเล่นข้างนอกคนเดียว

    เกย่าต้องรอคอร์สภาษาเยอรมันอยู่หนึ่งเดือนเต็ม ๆ นะฮะ เพราะคุณลุงกับคุณป้า ความเห็นไม่ตรงกัน คุณป้านั้นอยากให้เกย่าไปเรียนที่ Hartnackschule ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนภาษาเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในแบร์ลิน แต่คุณลุงบอกว่า เด็กที่มาเรียนที่นี่ส่วนใหญ่ ไวยากรณ์แน่นสุด ๆ แต่พูดจาไม่ได้เรื่อง คุณลุงอยากให้เกย่าไปเริ่มที่ VHS ซึ่งก็เปรียบคล้าย ๆ กับโรงเรียนศึกษาผู้ใหญ่ของบ้านเราน่ะฮะ ที่ VHS จะเน้นทักษะการพูด การฟัง มากกว่าไวยากรณ์ คุณลุงเห็นว่า เด็กไม่ว่าชาติไหน ๆ ก็เริ่มทักษะความรู้ทางภาษาจากการฟัง การพูดก่อนทั้งนั้น ไม่มีใครเรียนไวยากรณ์ หรืออ่าน เขียนก่อน เกย่าฟังแล้ว ก็คล้อยตามคุณลุง  

    ดังนั้นเกย่าจึงไปสมัครที่ VHS และรอคอร์สอยู่เดือนหนึ่ง ตามที่กล่าวไปแล้ว หลายท่านอาจสงสัยว่าทำไมไม่ไปเรียนที่เกอเธ่ คำตอบก็คือ ถึงแม้หลักสูตรเกอเธ่ที่เมืองไทย กับที่เยอรมันจะไม่ต่างกันมาก แต่ค่าเรียนที่เกอเธ่ในเยอรมันนั้นสูงถึง คอร์สละ เกือบสองพันยูโร ต่อเจ็ดอาทิตย์ แน่นอนว่าคุณภาพนั้นดีเลิศสมราคา แต่ว่าเกย่าไม่มีปัญญาจ่ายค่าเรียนหรอกฮ่ะ

    ตอน 1  กะ 2 ฮะ

    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4135460/W4135460.html

    ตอนที่ 4
    http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K4162141/K4162141.html

    ตอนที่ 5
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4163971/W4163971.html

    แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 49 18:05:24

    แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 49 18:03:31

    แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 49 02:04:44

    จากคุณ : เกย่า - [ 4 มี.ค. 49 02:02:51 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป