CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ความหลัง ความจำ ความรัก

    ภายในห้องรับแขกขนาดกว้างขวางแห่งหนึ่งซึ่งตกแต่งในแบบยุโรปสมัยใหม่ ด้านซ้ายเป็นตู้หนังสือที่ถูกเรียงเต็มไว้ด้วยตำราภาษาอังกฤษอย่างเรียบร้อย ในขณะที่ทางฝั่งตรงข้ามถูกวางไว้ด้วยโซฟาหนังขนาดใหญ่ซึ่งมีชายหนุ่มผู้หนึ่งอายุราวยี่สิบเจ็ดนอนหลับตาพริ้ม ใบหน้าของเขาดูราวกับหนุ่มเจ้าสำอาง  คุณหนูผู้ไม่เคยลำบาก เรื่องแต่งกายก็ดูเนียบพิถีพิถันอีกทั้งชุดที่สวมอยู่ก็แบรด์เนมชื่อดังทั้งสิ้นซึ่งบ่งบอกถึงฐานะได้เป็นอย่างดี แต่ที่ดูขัด ๆ ก็เห็นจะเป็นตรงที่มีผ้าพันแผลพันอยู่รอบหน้าผากเสมือนคล้ายพึ่งประสบอุบัติเหตุมา

    ในขณะที่ข้างกายของเขานั้นมีชาวยุโรปสูงวัยผมสีขาวโพลนแต่งกายภูมิฐานซึ่งกำลังนั่งเก้าอี้ไม้เนื้อสวยอยู่ใกล้ ๆ และห่างออกไปอีกไม่มากคือหญิงสาวผมดำยาวในวัยยี่สิบห้ายี่สิบหก ใส่แว่น แต่งกายในชุดคนทำงานตัดกลับใบหน้าที่ยังอ่อนวัยนัก

    “ขอให้คุณกลับไปในวันที่เกิดเหตุ” ชายยุโรปสูงวัยกล่าวด้วยภาษาอังกฤษอย่างหนักแน่น พูดเน้นยำทีละคำ ในขณะที่ชายหนุ่มได้แต่หลับตาคล้ายดั่งหลับไหล แต่ปากกลับขมุขมิกเหมือนพูดกับตัวเองอย่างไรสติ และเมื่อเวลาผ่านไปอีกไม่นานนักชายแก่ก็กล่าวต่อไปอีกว่า

    “คุณเห็นอะไรบ้าง” ชายแก่ซึ่งดูคล้ายนักจิตแพทย์กล่าว

    “วิวทิวทัศน์ ที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน” ชายหนุ่มหรือคนไข้ตอบ

    “ตอนนั้นคุณกำลังทำอะไรอยู่” ชายแก่กล่าวพร้อมทั้งยื่นหน้าเข้าไปหาคนไข้ใกล้ยิ่งขึ้น

    “ผมกำลังขับรถอยู่” ชายหนุ่มตอบน้ำเสียงเรียบ ๆ คล้ายไม่มีสติ

    “ขอให้คุณย้อนกลับไป ก่อนหน้านั้น” ชายหนุ่มหลังฟังคำกล่าวคุณหมอได้ครู่หนึ่งจึงค่อยกล่าวตอบไปว่า

    “ผมออกจากบ้านหลังหนึ่งด้วยอาการโมโหสุดขีด พร้อมทั้งหยิบกุญแจรถ….” ชายหนุ่มพร่ำพรรณาไม่ทันจบนายแพทย์ก็แทรกขึ้นมาว่า

    “ขอให้คุณมองย้อนกลับไปอีก ย้อนกลับไปอีก” นายแพทย์อาวุโสกล่าวพร้อมทั้งเหงื่อที่ไหลรินจากหน้าฝากอย่างไม่ตั้งใจ

    “ผมทะเลาะกับหญิงสาวคนหนึ่ง อย่างรุนแรง” อยู่ ๆ ชายหนุ่มก็หน้าตาเคร่งเครียดคิ้วขมวดปม ใบหน้าพลันเปลี่ยนเป็นฉุนเฉียวอย่างที่สุดพร้อมกับตะโกนเสียงดังว่า

    “ถ้าอยากเลิกกันมากนักก็ได้ อย่าคิดว่าผมจะง้อคุณนะ” ชายหนุ่มกล่าวคล้ายพาตัวเองกลับไปอยู่ในเหตุการณ์อีกครั้งจน จิตแพทย์ต้องรีบกล่าวแทรก

    “ขอให้คุณหยุด หยุด หยุด หยุด” สิ้นเสียงนายแพทย์ คนไข้ก็เหมือนกลับค่อย ๆ สงบลง จึงเปิดโอกาสให้จิตแพทย์กล่าวยิงคำถามต่อไปอีกว่า

    “ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”

    “ผมไม่รู้ ผมไม่เห็น”

    “ขอให้คุณมองไป มองไป ที่ผู้หญิงคนนั้น”

    “ผมไม่เห็น ผมไม่รู้ ผมไม่เห็น ผมไม่รู้” ชายหนุ่มได้แต่กล่าวซ้ำ ๆ ไปมาด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ จนน่าตื่นกลัวมากแล้ว จนใจที่นายแพทย์จะแก้ไขสืบสาวอะไรต่อไป ได้แต่รีบคลี่คลายสถานการณ์

    “ถ้าผมนับหนึ่งถึงสามให้คุณกลับมา ๆ” นายแพทย์อาวุโสกล่าว

    “หนึ่ง สอง สาม” จิตแพทย์กล่าวพร้อมกับปรมมือ และก็เป็นวินาทีนั้นทันทีที่ชายหนุ่มก็พื้นคืนสติเสมือนแค่หนึ่งฝันไปแล้วมีคนมาปลุก

    “คุณหมอค่ะ” หญิงสาวกล่าวเป็นเชิงคำถาม

    “คุณปริศนา นี้เป็นครั้งที่สามแล้วที่ไม่สำเร็จและผมไม่คิดว่าวิธีของผมสามารถรักษาโรคความจำเสื่อมของคุณนาวีได้” นายแพทย์กล่าวด้วยน้ำเสียงท้อใจ

    “อะไรของคุณ นี้ผมเสียเงินไม่ใช่น้อยนะ ไม่ใช่แค่จะมานอนเล่น” นาวีกล่าวขึ้นเสียงต่อนายแพทย์อาวุโส

    “คุณนาวีค่ะ” ปริศนากล่าวขึ้นเสียงสูงเป็นเชิงตักเตือนจึงทำให้ชายหนุ่มสงบปากลงไปได้บ้าง ชายแก่จึงได้โอกาสกล่าวต่อไปว่า

    “แต่ผมก็พอรู้ที่มา และทางแก้สำหรับคุณนาวีแล้วครับ”

    “รีบพูดมาหมอ” นาวีชิงกล่าวทันที

    “ที่คุณนาวีความจำเสื่อมนั้นส่วนหนึ่งมาจากคุณต้องการจะหนีความเป็นจริงบางอย่าง และน่าจะเกี่ยวกับผู้หญิงคนที่คุณนาวีไม่สามารถจำใบหน้าคนนั้นได้”

    “คุณหมอจะบอกว่าคนอย่างผมเนี้ยนะโดนหักอก เลยทำให้ไม่อยากจำเรื่องในอดีตเหรอ” นาวีกล่าวเสียงดัง

    “เป็นไปได้ครับ และทางรักษามีทางเดียวก็คือคุณต้องจำเธอคนนั้นให้ได้” จบคำกล่าวคุณหมอ ชายหนุ่มก็สบถโต้ตอบทันควัน

    “บ้าบอ เหลียวไหล” และก่อนที่เขาจะสบถคำหยาบคายไปมากกว่านี้ ปริศนาก็รีบมาคว้าตัวดึงเขาออกจากห้องคุณหมอไป

    หลังจากชายหนุ่มและหญิงสาวออกจากห้องคุณหมอไปได้ไม่ไกลนัก ชายหนุ่มผู้กำลังฉุนเฉียวก็อ้าปากกล่าวสบถอย่างไม่สบอารมณ์ต่อเนื่อง จนหญิงสาวทำหน้าเอือมระอา

    “ไม่พอใจผมเหรอ ทำหน้าแบบนั้น” นาวีกล่าวห้วน ๆ ต่อปริศนา

    “เปล่าค่ะ คุณเป็นเจ้านายดิฉัน ฉันจะกล้าเหรอ”

    “รู้ตัวก็ดี ว่าแต่คุณเลขาช่วยบอกหน่อยได้ไหมว่ากำหนดการของเย็นนี้ที่ผมเคยวางไว้ก่อนจะความจำเสื่อมคืออะไร” จบคำพูดชายหนุ่ม ปริศนาก็รีบหยิบสมุดโน๊ตขึ้นมาดูก่อนจะกล่าวต่อไปว่า

    “เย็นนี้คุณมีนัดพบกับคู่หมั้นของคุณ”

    “ผมมีคู่หมั้นด้วยเหรอ” ชายหนุ่มกล่าวสีหน้าตกใจไม่น้อย


    ยามเย็น ณ ภัตคารของโรงแรมห้าดาวหนึ่งในเมืองไทย

    ชายหนุ่มนั่งรอที่โต๊ะภายในห้องของแขกระดับวีไอพี พร้อมกับเลขาฯ สาวที่ถูกดึงมาร่วมด้วยอย่างไม่เต็มใจนัก เธอมองหันรีหันขวาไปทั่วเสมือนคล้ายไม่เคยมาห้องอาหารที่หรูหราเชกเช่นนี้มาก่อน และเมื่อเวลาผ่านไปไม่นานนักคู่นัดหมายก็ปรากฏตัวพร้อมคำทักทาย

    “ไม่น่าเชื่อคุณมาก่อนเวลา นี้คุณนาวีคู่หมั้นตัวจริงของฉันรึเปล่า” หญิงสาวผู้มาดูเป็นคุณหนูผมสั้นใบหน้าสระสวย ผิวขาวนวล อีกทั้งแต่งกายดูดีมีชาติตระกูลยิ่ง อากัปกิริยาก็ดูสง่างาม และแฝงความเยิ่อหยิ่ง

    “อย่าพูดมาก ผมน่ะจำอะไรเกี่ยวกับคุณไม่ได้หรอก”

    “หยาบคาย อะไรเช่นนี้” หญิงสาวตัดพ้อ ก่อนที่ปริศนาจะกล่าวแทรกขึ้นมาว่า

    “คุณสลิตาค่ะ คือคุณนาวีเขาความจำเสื่อมจริงๆ จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ค่ะ” สิ้นคำกล่าวของเลขาสาวก็เป็นสลิตาที่มองเธอเพียงหางตาแล้วกล่าวต่อนาวีไปว่า

    “ถ้างั้นคุณก็คงจำไม่ได้สิว่านัดฉันมาที่นี้ทำไม”

    “จำไม่ได้” ชายหนุ่มกล่าวเรียบ ๆ

    “คุณจะคุยกับฉันเรื่องแต่งงานยังไงล่ะค่ะ” สลิตากล่าวพร้อมกับยื่นมือข้างซ้ายโชว์แหวนเพชรเม็ดงามที่นิ้วนาง

    “จริงเหรอ” นาวีกล่าวพร้อมทั้งมองไปยัง ปริศนาอย่างงงงวยยิ่ง

    “ยินดีด้วยค่ะคุณนาวี” ปริศนากล่าวเรียบ ๆ ยิ่งทำเอาชายหนุ่มทั้งอึ้งทั้งตะลึงงัน ในหัวพลันว่างเปล่าพูดอะไรไม่ออก

    “ถ้าเป็นอย่างนั้น….” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับจ้องมองไปยังสลิตา และเป็นความงามของเจ้าหล่อนที่แทบจะทำให้เขาละลาย แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดจบก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากทางด้านหลังแทรกขึ้นมาว่า

    “ขอโทษค่ะคุณวี รอพัชชานานไหมค่ะ” พัชชาเป็นสาววัยรุ่นดูสดใสแต่งกายน่ารักในชุดรัดรูปกระโปรงสั้น และพอมาถึงก็เข้าโอบกอดนาวีจากทางด้านหลังทันที จนร้อนถึงสลิตาต้องรีบกล่าวขึ้นว่า

    “ยัยเด็กกะโปโล รีบปล่อยมือจากคุณนาวีเดียวนี้” แต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เป็นพัชชาที่กลับยิ่งกอดแน่นพร้อมทั้งยื่นหน้าแก้มชนแก้มกับนาวี

    “คุณชื่อพัชชาใช่ไหม ปล่อยผมแล้วมาคุยกันดี ๆ” นาวีพยายามกล่าวเสียงแข็งทั้งที่หน้าแดงไปหมดแล้ว

    “ว่าแต่คุณวี เรียกพัชชามามีธุระอะไรคะ”

    “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” ชายหนุ่มกล่าว

    “ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงพัชชาก็อยากมาหาคุณวีอยู่แล้ว ว่าแต่ยายแก่อีกสองคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นเป็นใครค่ะ”

    “ใครกันยายแก่” สลิตากล่าวขึ้นเสียงสูงด้วยความไม่พอใจ ในขณะที่ปริศนาถึงกับทำตาขวางเลยทีเดียว

    “คุณพัชชา ผมความจำเสื่อมคงจะจำไม่ได้หรอกว่าทำไมนัดคุณมา แต่ถ้าคุณจะบอกผมก็อยากฟัง” นาวีพยายามกล่าวเสียงหนักแน่น แต่สายตาซุกซนก็อดไม่ได้ที่จะแอบมองไปที่หน้าอกหน้าใจของเด็กสาว

    “จะมีอะไรพิเศษล่ะคะ คุณวีก็นัดพัชชามาเดทกันที่นี้ไงล่ะค่ะ” เด็กสาวกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

    “เออออ เดี๋ยวก่อนนะ” นาวีอึ้งไปเล็กน้อยกับคำตอบที่ได้ จนต้องเหลือบมองยังเลขาสาวเป็นเชิงขอความเห็นแล้วกล่าวไตร่ถามไปว่า

    “ปริศนา คุณเคยเจอน้องพัชชาคนนี้ไหม”

    “ไม่เคยค่ะ” ปริศนาตอบน้ำเสียงเบื่อ ๆ

    “น้องพัชชาครับคือพี่ความจำเสื่อม จำอะไรไม่ได้…” แต่ก่อนที่นาวีจะกล่าวจบ พัชชาก็รีบกล่าวแทรกว่า

    “แต่คุณวี คงไม่ลืมความหลังและสัญญาที่เราจะเจอกันที่ร้านอาหาร Le Paris ทุกสิ้นเดือนนะค่ะ” สิ้นเสียงพัชชา เลขาสาวก็เหมือนประติประตอเรื่องราวได้พร้อมกล่าวเสริมว่า

    “คุณนาวีค่ะ ดิฉันทราบแล้วค่ะว่าคุณพัชชาเป็นใคร” นาวีถึงกลับหูพึ่งรอฟังคำตอบ

    “คุณพัชชาที่แท้คือ ลูกค้าคนสำคัญที่คุณนาวีให้ดิฉันจองโต๊ะให้ทุกเดือนในนาม คุณสมชายไงค่ะ” เมื่อความลับโดนเปิดโปง ทำเอาคู่หมั้นสาวโกรธหน้าแดงลุกขึ้นชี้หน้าใส่พัชชาพร้อมกล่าวตะคอก

    “ที่แท้เป็นแก”

    “ทำไม มีปัญหาอะไร” เด็กสาวก็ซ่าไม่น้อยลุกขึ้นยืนสองมือเท้าสะเอวท้าทาย เหตุกาณ์เริ่มวุ่นวายหนักข้อจนชายหนุ่มได้แต่ท้อใจ

    “นรก จริง ๆ เลย” ชายหนุ่มสปถในใจ

    แต่ความวัวยังไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรก หญิงสาวอีกนางหนึ่งก็ได้เดินเข้ามาร่วมวงไพบูรณ์โดยกล่าวอย่างสนใจศึกระหว่าง สลิตาและพัชชา

    แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 49 09:07:11

    จากคุณ : Bluejade - [ 13 มี.ค. 49 08:40:10 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป