CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    สามก๊ก ฉบับหัดเขียน 18 โจโฉยึดเกงจิ๋ว และศึกเซ็กเพ็ก

    ปี Jian’an ที่ 13 208 AD
    (4 กุมภาพันธ์ 207– 21 กุมภาพันธ์ 209)

    ในฤดูใบไม้ผลิ เดือนแรก Zhao Wen ซึ่งเป็นซือถู ได้แนะนำโจผีให้เข้ารับราชการ โจโฉรายงานว่า Zhao Wen ได้แนะนำคนในครอบครัวข้า ความเห็นของเขาจึงไม่สามารถเชื่อถือได้อีกต่อไป เขาจึงให้ฮ่องเต้ปลด Zhao Wen จากตำแหน่ง

    โจโฉกลับไปที่เมือง Ye เขาได้ขุดหนองน้ำ Xuanwu เพื่อใช้ในการฝึกซ้อมทหาร

    ก่อนหน้านั้น กำเหลงได้นำพรรคพวกแปดร้อยคนเข้ารับใช้เล่าเปียว เล่าเปียวเป็นคนอ่อนแอและไม่เตรียมการสำหรับสงคราม กำเหลงเชื่อว่าเล่าเปียวจะไม่สามารถทำการใหญ่ได้ เขากลัวว่าเมื่อลูกน้องของเล่าเปียวกระจัดกระจายไป เขาจะต้องร่วมชะตาเดียวกันด้วย เขาจึงต้องการไปยังตะวันออกยังเมืองง่อ (กำเหลงในวัยหนุ่มเคยเป็นโจรแล้วกลับตัวมากลายเป็นบัณฑิต เขาเคยก่อกบฏต่อเล่าเจี้ยงแล้วล้มเหลว)

    หองจอในตอนนั้นอยู่ที่ แฮเค้า กองทัพกำเหลงจึงไม่สามารถผ่านไปได้ เขารับใช้อยู่กับหองจอถึงสามปี โดยที่หองจอปฏิบัติต่อเขาเหมือนทหารทั่ว ๆ ไป

    แล้วซุนกวนก็ได้โจมตีหองจอ กองทัพหองจอพ่ายแพ้และหนีไป เล่งโฉขุนพลของซุนกวนนำทหารไล่ตามโจมตี กำเหลงเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องการยิงธนู เขาคุมคนของเขาเป็นทัพหลังของหองจอ เขายิงธนูใส่เล่งโฉและฆ่าเล่งโฉได้ หองจอจึงหลบหนีได้สำเร็จ

    เมื่อกลับถึงค่าย หองจอก็ปฏิบัติต่อกำเหลงเหมือนเช่นเดิม โซหุย หัวหน้าขุนนางของหองจอได้แนะนำหองจดให้แต่งตั้งกำเหลงหลายครั้ง แต่หองจอปฏิเสธที่จะมอบตำแหน่งให้เขา กำเหลงต้องการจะจากไป แต่กลัวว่าเขาจะหลบหนีไม่สำเร็จ แล้ว โซหุยจึงพูดกับหองจอ แล้วกำเหลงก็ถุกแต่งตั้งเป็นนายอำเภอ Zhu ดังนั้นเขาจึงหนีไปรับใช้ซุนกวน

    จิวยี่และลิบองสนับสนุนให้ซุนกวนรับเขา ซุนกวนปฏิบัติต่อเขาเป็นอย่างดี เหมือนดั่งเขาเป็นขุนนางที่ติดตามมานาน

    กำเหลงเสนอแผนการให้แก่ซุนกวนว่า ความรุ่งเรืองของราชสำนักฮั่นถดถอยลงทุกวัน และโจโฉจะแย่งชิงบัลลังค์ในที่สุด ทางใต้ของมณฑลเกงจิ๋วมีภูเขาและแม่น้ำเป็นปราการธรรมชาติ ซึ่งจะคอยป้องกันดินแดนทางตะวันตกของท่าน ข้ารู้ว่าเล่าเบียวไม่สามารถวางแผนทำการใหญ่ได้ และบุตรของเขาก็ไร้ความสามารถ พวกเขาไม่สามารถรักษาดินแดนตัวเองได้ ท่านควรจะรีบวางแผนจัดการพวกเขาก่อนโจโฉจะโจมตีพวกเขา

    สิ่งแรกคือการจัดการหองจอ หองจอแก่ชรามากแล้ว ทรัพย์สมบัติและเสบียงอาหารก็ขาดแคลน ผู้คนรอบตัวเขาต่างโลภมากและไม่มีวินัย ขุนนางและทหารของเขาต่างไม่พอใจ ทหารในกองทัพของเขาล้วนแต่บาดเจ็บและอาวุธของทัพเขาก็เสียหาย อาวุธไร้ความคมและขาดการซ่อมแซม เขาไม่สนใจในการเพาะปลูก และกองทัพของเขาก็ไม่มีระบบหรืออำนาจ ถ้าท่านโจมตีเขาตอนนี้ เขาต้องพ่ายแพ้แน่นอน

    ทันทีที่ท่านทำลายกองทัพหองจอ ก็สั่งให้ทัพมุ่งหน้าไปตะวันตกและยึดด่าน Chu อำนาจของท่านก็จะเติบโตและขยายไป และท่านก็จะสามารถยึดดินแดน Ba และ Shu ได้

    ซุนกวนประทับใจกับแผนนี้มาก แต่เตียวเจียวซึ่งอยู่ในการประชุมนั้นด้วย ได้แย้งว่า ผู้คนในง่อยังไม่สงบ ควรที่กองทัพจะยกไปแล้วหรือ ข้ากลัวว่าจะมีการก่อกบฏขึ้น

    กำเหลงพูดกับเตียวเจียวว่า นายท่านของเราได้มอบตำแหน่งให้ท่านเหมือน ฮ่องเต้ฮั่นโกโจมอบให้แก่ Xiao He ถ้าท่านทำได้เพียงนิ่งเฉยและห่วงแต่เรื่องกบฏ แล้วท่านจะยกตัวเองเทียบกับคนในอดีตได้อย่างไร

    ซุนกวนชูจอกเหล้าขึ้นแล้วมอบให้แก่กำเหลงพูดว่า ปีนี้ กำเหลง ข้าจะยกทัพไปโจมตี เหมือนดั่งจอกเหล้านี้ ข้าตัดสินใจมอบให้แก่เจ้า จงเตรียมแผนการที่จะโจมตีหองจออย่างเดียวก็พอ ไม่มีความจำเป็นที่จะไปแย้งคำพูดทุกคำของเตียวเจียว

    แล้วซุนกวนก็ยกทัพไปตะวันตกเพื่อโจมตีหองจอ หองจอเตรียมเรือสองลำที่หุ้มด้วยหนังวัวมาป้องกันเส้นทางต่าง ๆ ของ Miankou ใช้เชือกขนาดใหญ่ที่ถักมาจากใบต้นปาล์มมาติดหินเข้าไปใช้เป็นสมอเรือ เรือทั้งสองลำสามารถบรรทุกคนพันคนพร้อมธนู หนังวัวที่หุ้มเรือสามารถป้องกันพลธนูฝ่ายหองจอจากไฟและสิ่งต่าง ๆ ได้ดี ทำให้ฝ่ายหองจอได้เปรียบยิงลูกธนูใส่ทัพซุนกวนดั่งสายฝน จนกองทัพซุนกวนไม่สามารถเคลื่อนที่ไปได้

    ตังสิดและ เล่งทองคุมทหารเป็นกองหน้า ทั้งสองคุมทหารกล้าตายร้อยคนใส่เกราะเพิ่มเป็นเท่าตัว พวกเขาใช้ไม้กระดานเป็นที่กำบังบนเรือ แล้วให้เรือพุ่งเข้าชนเรือหองจอ ตังสิดตัดเชือกสมอเรือทั้งสองด้วยตัวเอง จนเรือหองจอลอยไปตามลำน้ำ แล้วทัพใหญ่ของซุนกวนก็มุ่งหน้าต่อไป

    หองจอสั่งให้ ตันจิ๋วนำทหารเดินเท้าเข้าต่อสู้ แต่ลิบองแม่ทัพผู้ปราบปรามทิศเหนือได้นำทัพหน้าด้วยตัวเองและตัดหัว ตันจิ๋วได้ และถือโอกาสจากชัยชนะนี้นำทัพเคลื่อนไปทั้งทางบกและทางน้ำ พวกเขามาถึงกำแพงเมือง โจมตีอย่างถึงที่สุด พวกเขาจึงสามารถยึดเมืองได้

    หองจอหลบหนีไป แต่พวกเขาก็ไล่ตามและสังหารหองจอได้ ประชาชนหลายหมื่นคนถูกจับเป็นเชลย

    ก่อนหน้านั้น ซุนกวนมีกล่องสองใบเตรียมไว้เพื่อบรรจุหัวของหองจอและโซหุย เมื่อซุนกวนจัดงานเลี้ยงฉลองชัยชนะ กำเหลงมาคุกเข่าที่เบื้องหน้าที่นั่งเขา เลือดและน้ำตาเขาไหลผสมกัน เขาพูดกับซุนกวนว่า โซหุยเคยช่วยเหลือข้าในอดีต ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ข้าคงตายไปกลายเป็นกองกระดูกในป่า และข้าคงไม่ได้มารับใช้ท่าน แม้ว่าความผิดของโซหุยจะสมควรแก่โทษประหาร แต่ข้าขอร้องท่านให้ไว้ชีวิตเขา

    ซุนกวนประทับใจแต่เขาพูดว่า ถ้าข้ามอบเขาให้ท่าน แล้วอะไรจะเกิดขึ้นถ้าเขาหนีไป

    โซหุยได้รอดพ้นจากความตายได้ กำเหลงตอบ เขาย่อมถือว่าได้รับชีวิตใหม่ แม้ว่าเราจะไล่เขา เขาก็ไม่ไป ทำไมเขาต้องวางแผนหลบหนี ถ้าเขาหลบหนีไป ขอให้หัวข้าไปอยู่แทนที่เขาในกล่องนั้น

    ดังนั้นซุนกวนจึงอภัยให้โซหุย

    เล่งทองนั้นโกรธแค้นที่กำเหลงฆ่าเล่งโฉบิดาเขา เขาต้องการที่จะฆ่ากำเหลงอยู่เสมอ แต่ซุนกวนสั่งเขาว่าอย่าก่อปัญหา แล้วซุนกวนก็ส่งกำเหลงและทัพของเขาไปอยู่ที่อื่น

    ในฤดูร้อน เดือนที่หก ตำแหน่งซานก๋งถูกยกเลิก และตำแหน่ง Imperial Chancellor และ Imperial Counsellor ถูกนำมาใช้อีกครั้ง วันที่ 9 มิถุนายน โจโฉถูกแต่งตั้งเป็น Imperial Chancellor เฉิงเซี่ยง(ตำแหน่ง Imperial Chancellor เป็นตำแหน่งอัครเสนาบดี ซึ่งอยู่เหนือขุนนางทุกคน ไม่เหมือนซือคง ตำแหน่งเก่าของโจโฉที่มีขุนนางที่มีอำนาจเทียบเท่าอีกสองคน)

    โจโฉแต่งตั้ง ซุนต่ำ นายทหารคนสนิทแห่งมณฑลกิจิ๋วเป็นขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายตะวันตกสังกัด Imperial Chancellor (ฝ่ายตะวันตกมีหน้าที่ดูแลการแนะนำแต่งตั้งขุนนางในส่วนกลาง ส่วนฝ่ายตะวันออกมีหน้าที่จัดการงานเอกสารและตำแหน่งนายทหาร) มอกาย ซึ่งเป็นอดีตขุนนางผู้หใญ่ฝ่ายตะวันออกในสังกัดซือคงได้รับตำแหน่งที่เท่าเทียมกับ ซุนต่ำ ในสังกัดเฉิงเซี่ยงเช่นกัน นายอำเภอ Yuancheng สุมาหลัง ได้รับแต่งตั้งเป็น Master of Records ส่วนน้องชายของเขาสุมาอี้กลายเป็นขุนนางผู้ใหญ่สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านตำราหนังสือและ Master of Records มณฑลกิจิ๋ว Lu Yu เป็นที่ปรึกษาฝ่ายแรงงานในสังกัดการบริหารด้านกฏหมาย Lu Yu เป็นบุตรของโลติด

    ซุนต่ำ และ มอกาย นั้นมีหน้าที่แต่งตั้งเลื่อนขั้นให้แก่ขุนนาง บุคคลที่พวกเขาเสนอให้แต่งตั้งล้วนแต่เป็นบัณฑิตที่จิตใจดีงามและซื่อสัตย์ มีขุนนางมากมายที่มีชื่อเสียงดีงามแต่ขาดคุณธรรม พวกเขาไม่มีใครได้รับการเลื่อนขั้น ซุนต่ำ และ มอกาย คัดเลือกแต่คนที่ซื่อสัตย์และถูกต้องพร้อมกับปลดคนที่หน้าไหว้หลังหลอกและหลอกลวง พวกเขาสนับสนุนความสงบและความอ่อนน้อม พวกเขาต่อต้านพวกไม่จริงใจและเล่นการเมือง ด้วยเหตุนี้ บัณฑิตทั้งหมดของแผ่นดินจึงอ่อนน้อมและพยายามทำดีอย่างสุดความสามารถ

    แม้ว่าเสนาบดีจะซื่อสัตย์และคุณธรรม แต่เขาก็ไม่กล้าใช้รถม้าที่ดีขึ้นหรือเสื้อผ้าที่หรูหรามากไปกว่าที่กฏอนุญาต เมื่อขุนนางผู้ใหญ่กลับมาจากหน้าที่ของพวกเขา หน้าตาพวกเขาเต็มไปด้วยเหงื่อไคล เสื้อผ้ามอมแมมและนั่งบนเกวียนไม้ และเมื่อผู้บัญชาการกองทัพมาเยี่ยมที่ทำการพวกเขาแต่งตัวด้วยชุดขุนนางและไปตรวจโดยการเดิน ขุนนางพากันซื่อสัตย์และประชาชนต่างเชื่อฟังคำสั่งทางการ

    โจโฉรู้ข่าวเข้า เขาถอนใจด้วยความชื่นชมพูดว่า ถ้าขุนนางทั้งหมดเป็นเช่นนี้ แล้วผู้คนทั้งแผ่นดินสามารถปกครองตัวเองได้ ข้าก็ไม่มีอะไรต้องทำอีก

    เมื่อสุมาอี้ยังเด็ก เขาเป็นคนที่ฉลาดมาก เขามีแผนการที่ทะเยอะทะยาน ซุนต่ำ พูดกับ สุมาหลัง พี่ชายเขาว่า น้องชายของท่านฉลาดหลักแหลม และมีจิตใจใฝ่คุณธรรม มีการตัดสินใจที่แน่วแน่และความกล้าหาญที่โดนเด่น ท่านเองไม่มีความสามารถเช่นเขา

    โจโฉรู้เรื่องของสุมาอี้จึงแต่งตั้งเขาให้เข้ารับราชการ แต่สุมาอี้พยายามขออภัยบอกว่าตัวเขาเป็นโรคปวดในข้อกระดูก โจโฉโกรธมากและตั้งใจจะจับเข้าคุมขัง สุมาอี้ตกใจกลัวจึงยอมรับตำแหน่ง (เรื่องนี้ค่อนข้างประชดประชัน เหมือนจะไม่ใช่เรื่องจริง เพราะสุมาอี้คนที่ล้มล้างราชวงศ์วุยที่ก่อตั้งโดยโจโฉ ถูกโจโฉบังคับให้เข้ารับราชการเอง)

    โจโฉส่งเตียวเลี้ยวมาตั้งค่ายที่ Changshe แค่เพียงเขาตั้งค่ายสำเร็จ ทหารบางคนต้องการจะก่อกบฏ ในยามค่ำพวกเขาตีระฆังเตือนภัยและจุดไฟเผาค่าย ทั้งกองทัพสับสนอลหม่าน แต่เตียวเลี้ยวพูดกับพวกเขาว่า อย่าได้เคลื่อนไหว ทหารทั้งกองทัพไม่ได้ก่อกบฏ มีเพียงทหารไม่กี่คนพยายามทำเสียงดังเพื่อให้คนอื่นตกใจกลัว

    แล้วเขาสั่งการไปทั้งกองทัพว่า ใครที่ยังภักดี ให้เงียบและอย่าเคลื่อนไหว เตียวเลี้ยวนำทหารองครักษ์สิบสองคนนำเขาไปยังตรงกลางค่าย เมื่อทุกอย่างสงบ พวกเขาจับตัวหัวหน้ากบฏและฆ่าพวกเขา

    ในขณะที่เตียวเลี้ยวตั้งค่ายที่ Changshe อิกิ๋มอยู่ที่ Yingyin และ งักจิ้นอยู่ที่ Yangdi ทั้งหมดกระทำการตามที่พวกเขาเห็นเหมาะสม และพวกเขาปฏิเสธการร่วมมือกัน โจโฉส่ง เอียวงัน Master of Records ในสังกัดซือคง มาเป็นคนกลางระหว่างสามกองทัพและให้คำแนะนำในกรณีต่าง ๆ แล้วแม่ทัพทั้งสามคนจึงตกลงร่วมมือกันได้

    ก่อนหน้านั้น แม่ทัพหน้า ม้าเท้ง และแม่ทัพผู้นำความสงบมาสู่ตะวันตก หันซุยเป็นพี่น้องร่วมสาบาน แต่ต่อมาลูกน้องของพวกเขาเกิดทะเลาะกัน พวกเขาเลยกลายเป็นศัตรูกัน ทางการจึงส่งขุนพลรักษาเมืองหลวง จงฮิวและผู้ตรวจการมณฑล เลียงจิ๋ว Wei Duan มาทำให้พวกเขาสงบศึกกัน และม้าเท้งถูกเรียกตัวไปตั้งค่ายที่ Huaili

    โจโฉวางแผนโจมตีมณฑลเกงจิ๋ว เขาส่ง เตียวเจ มาชักชวนม้าเท้งให้จากลูกน้องของเขามาที่ราชสำนัก ม้าเท้งสัญญาว่าจะทำเช่นนั้น แต่ต่อมาก็เกิดลังเลใจ เตียวเจ กลัวว่าเขาอาจเปลี่ยนใจ ดังนั้นเขาจึงสั่งการให้ทุกหัวเมืองเตรียมการต้อนรับม้าเท้งและให้ผู้นำแต่ละหัวเมืองออกมาต้อนรับเขาด้วยตัวเองที่นอกเมือง ม้าเท้งจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องไปยังตะวันออก

    จากคุณ : kazama - [ 14 มี.ค. 49 13:10:34 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป