งานเก่าๆ แก้เซ็ง
กับบรรยากาศทางการเมือง
โคลงโอบฉันท์
๔.
๑. อยุธยาร่วงจากฟ้า..........ฝากดิน นานเนอ
คงซากปูนอิฐหิน................หักกลิ้ง
ม่านล่มเกียรติพังภินท์.........ภายก่อน
ปล่อยรกร้างทอดทิ้ง...........ท่ามยิ้มชาวสยาม ฯ
๒. ยอดปรางค์เคยปลาบเรื้อง...สุริยัน
ทองประกายเฉิดฉัน...............ช่อฟ้า
หอไตร/โบสถ์/เรื้องพรร-.........โณภาส
ธรรมจักรหมุนเหวี่ยงหล้า.........เลื่อนคล้อยมิจฉะสมัย ฯ
๑๔.
๓. เพ่งพิศก็คิดวิตกะย้อน
เพราะสะท้อนอดีตไทย
เพ่งภาพก็ภาพบุพะไสว
ปะทุให้คะนึงหา
๔. โน่น..วัง ณ ครั้งบุพะกษัตริย์
ถิระรัฐะสีมา
รวมไทยฤทัยสหะสถา-
ปนะราชะธานี
๕. เวียงวังประดังดุริยะศัพท์
เสนาะรับมโหรี
เริงร่ายสยายวระสรี-
ระสตรีชม้ายตา
๖. อาวาสพระศาสนะสถาน
สิริปานจะปันปรา-
กฎธรรมะย้ำปฏิปทา
ทะนุภาวะอารมณ์
๗. เกริกกิตติอิสริยะยศ
พิเราะพจน์ก็แผ่พรม
เพียบเตชและเมตต์คุณะผสม
ธรรมะบ่มหทัยไทย
๘. ไพร่ฟ้าประชาอุระเขษม
ผัสสะเขมะถ้วนใคร
ก้องนามสยามสุขะไผท
ปุระไกลก็กล่าวขาน
๙. แดดทอดตลอดตละผนัง
ชะภวังคะล่วงวาร
อิฐก้อนสะท้อนอัคระสถาน
พิสดารก็บันดล
๑๐. โน่น...แถวทะแกล้วพระจักรพรรดิ
ทะนุรัฐะมณฑล
ช้างม้าพลาสมรรถะพล
ระดะหนสิห้าวหาญ
๑๑. ปลิวปัดสะบัดธวัชะผืน
กละคลื่นอุทกธาร
แห่ห้อมตะล่อมพิสุทธิ์สาร
อนุบาละคู่เมือง
๑๒. โอ่อ่าพระบารมิและคัม-
ภิรภาพะรุ่งเรือง
เผ่าพิษะริษยะก็เคือง
มุหะเนื่องและอุดหนุน
๑๓. กลองศึกผนึกทุษะจริต
ก็ประชิดจะชมกุญ-
ชรเพศเศวตสถิตะสุน-
ทริยะบุญะราชันย์
๑๔. แสนยาก็บ่าลุชนบท
ทุรพจน์ก็รำพัน
ไมตรีบ่มีก็จะผจัญ
ยุทธะมั่นจะเอาเมือง
๑๕. มวลม่านทะยานลุนคเรศ
ระบุเลศะขุ่นเคือง
สิบทิศประสิทธิ์กิติเมลือง
พละเขื่องประโคมขาน
๑๖. ครั้งนั้นตะวันนิระระรอง
ดุจะหมองเพราะผองมาร
ดั่งรอระย่อรณะปหาร
พิสดาระแดนดิน
๑๗. นั่น.!..ง้าวสกาวรัศมิแสง
ประลุแล่งก็เลือดริน
ซบร่างเพราะขวางอริอรินทร์
ธรณินก็กันแสง
๑๘. ศรีศรี..พระศรีพระสุริโย-
ทยะโผก็เพียบแพง
โปรยโปรย..ประโปรยลุหิตะแดง
ฤจะแห้งจะเหือดหาย
๑๙. ครวญคร่ำระส่ำทุขะเทวษ
ขณะเกศะกำจาย
โอ้แก้ว..ละแล้วชิวะมลาย
เฉพาะหมายจะป้องเมือง
๒๐. ร่วงหล่น ณ บนอุระสยาม
สุตะนามะนองเนือง
โลมแหล่งผิว์แสงสุริยะเรื้อง
เลาะประเทืองหทัยไท
๒๑. ศรีศรี..สตรีศิระประเทศ
ระบุเพศะเกริกไกร
งามล้วนเหมาะควรนคระไกล
ปุระใกล้ชุลีกร
๑๙.
๒๒. โอ้ชายชาญ..หัตะผู้บ่รู้ผิวะสมร
อดสูบ่รู้รอน..........อรินทร์
๑๑
๒๓. ฟ้าส่องประกายเศร้า
ชละเล่าบ่ไหลริน
ฝูงนกบ่ผกผิน
วัลย์ถิ่นบ่ทอดเถา
๒๔. ลำลมบ่โลมพัด
คณะสัตว์ก็เร้นเงา
ตฤณสรรพะอับเฉา
ดุจะเศร้าบ่สร่างซา
๑๔
๒๕. โอ้..งามสง่ารัฐะประเทศ
พระนเรศกษัตรา
องอาจพระราชะจริยา
ดุจะฟ้านะฝากฝัง
๒๖. ห้าวหาญ ณ กาลรณะประยุทธ
ปิยะบุตร ณ บัลลังก์
เด็ดขาดเพาะอาชญะประนัง
ตละครั้งก็ควรขาน
๒๗. กร้าวแกร่งผิว์แรงรัศมิรัง-
สิมะปลั่งประโลมกาล
ดังเหยี่ยวเลาะเลี้ยวหัตะปหาร
ทวิลาญ ณ ยามเหิน
๒๘. แว่วเพียงแสะเสียงพยุหยาตร
อริชาติก็ยับเยิน
ปราบสิ้นอรินทร์ผิวะเผชิญ
สรเสริญก็ไพศาล
๒๙. หวั่นไหวกระไรพระอุปราช
เพราะขยาดสินับนาน
กริ่งเกรงเตลงอุระสะท้าน
ทรมานและหม่นหมอง
๓๐. ถ้อยยกชนกก็เยาะและเย้ย
ตละเผยก็แผดพอง
ชายชาติขยาดรณะสยอง
เหมาะจะครองกำไลแขน
๓๑. อดสูบ่รู้จะละจะล้าง
จิตะคว้างและคลอนแคลน
หน่วงหนักก็ศักยะจะแหงน
ประลุแกนวิบากกรรม
๓๒. ครั้งนั้นสวรรคะนิรมิต
ขณะนิทระองค์ดำ
สัตว์ร้ายสยายภัยะณน้ำ
ธ ก็ห้ำปหัตหาย
๓๓. โหราพยากรณะมอบ
ศิระนอบและทำนาย
ไพรินทร์จะสิ้นชิวะสลาย
รณะพ่ายพระภูบาล
๓๔. จึ่งแถวทะแกล้วคณะก็เคลื่อน
ทะลุเถื่อนและถิ่นธาร
ล่วงลำสุพรรณทกะละหาน
ยุทธการณ์ก็จำนง
๓๕. ธงม่านสะท้านวตะสะบัด
ปะทะฉัตระหักลง
ลางร้ายฤหมายชิวะจะปลง
ฤประสงคะจากสรวง
๓๖. ครั้งนั้นประจันอนุชะ-เชษฐ์
นิระเลศะเร้นลวง
ท่ามแกล้วคชาอัศวะปวง
ธ ก็ทวงก็ทายท้า
๓๗. ห้าวหาญประการะพจนารถ
อุปราชก็มองมา
ยินหยันก็พลันขัต์ติยะมา-
นะสภาวะเพียบพาน
๓๘. เราสองประลองยุทธ์หัตถี
บ่จะมี ณ ชั่วกาล
ชนช้างมล้างยศะสะท้าน
ฤจะผ่านจะพบเห็น
๓๙. แล..!..ง้าววะวาวสุริยะแสง
ประลุแล่งก็ลำเค็ญ
แดงโร่ก็โลหิตะกระเซ็น
ระดะเส้นบ่เร้นสาย....
๔๐. แก้วเอย..จะเลยจะละจะลา
ก็เพราะวาระวอดวาย
ขวัญพี่..ฤดีผิวะจะหมาย
นิระคลายถวิลถึง
๔๑. สิ้นชาติจะมาดอธิษฐาน
ผิวะพานจะตราตรึง
เพียงเห็นบ่เร้นภพะคะนึง
จะระรึง ณ ดวงมาน
๔๒. โอ้..ภาวะอาดุระดรง-
คะก็ส่งลุซมซาน
ห่างแล้ว..เพราะแนวภพะขนาน
อวสานและเลือนสูญ
๔๓. ชาติใดหทัยก็จะกระหวัด
ปฏิพัทธะเพียบพูน
เห็นพลันถวัลย์รติวิบูลย์
อนุกูละเกื้อกัน
๑๑.
๔๔. เจื้อยปี่ชวาแจ้ว
เสนาะแว่ว ณ ไพรวัลย์
กล่อมผู้บ่รู้ผัน
จะจรัลจรดรอย
๔๕. สิ้นอาชญาการณ์
อวสาน ณ ดงดอย
โศกล้วนก็นวลน้อย
จะละห้อยระโหยเห็น
๔๖. สิ้นรัศมีสู-
ริยะผู้ประภาพเพ็ญ
สิ้นดับสำหรับเข็ญ
จะละเล่นระเริงล้อ
๒๐.
๔๗. ผึ้ง-พบูคละเคล้าพะเน้าพะนอ
ณรงคะที่สุรียะทอ
ลออไข
๔๘. ต่างฤเกียรติศักดิ์ฉลักฤทัย
ประยุทธะการณ์สะท้านไผท
สมัยนั้น
๑๔
๔๙. ก้องนามะท่ามอริวิเทศ
อนุ-เชษฐะโรมรัน
อำนาจและอาชญะถวัลย์
ระบุวันทนากร
๕๐. ท่ามเถื่อนเสมือนมยุระยาตร
อธิราช ณ นาคร
ท่ามฟ้าสถานะรวิวรณ์
ศศิธร ณ ค่ำคืน
๕๑. รอบด้านบ่ทานยุคละบาท
ยุรยาตระเหยียบยืน
เขตใดฤทัยขบถะขืน
พละฝืนบ่อาจฝัน
๕๒. เยี่ยงสูรย์พิบูลยะจรัส
ระอุรัดระรุมวัน
ย่อมแม้นกะแสนยะพละนั้น
ระบุมั่น ณ ใจเมือง
๕๓. นั่น..!..ปรางค์ระหว่างธรรมะสถาน
ดุจะคานกะขุ่นเคือง
ปลาบปนพระมณฑิระเมลือง
รุจะเยื้องระยับสี
๕๔. เพียบภาวะอารยะประเทศ
ประลุเวทย์และวาที
เพียบศักดิอักขระกวี
เสนาะมีระเมียรหมาย
๕๕. โคลงกานท์ประสารบทะประดิษฐ์
นิรมิตะมากมาย
เพียบภาษะปราชญะสยาย
อภิปรายะเปรมปรีดิ์
๕๖. งามคำเพราะคัมภิระประพจน์
มธุรสะวาที
หญิงชายละลายศักยะลี-
ละประนีประนอมนัย
๕๗. ศรีศรี..กวีลิขิตะภาษ
นยะปราชญะเกริกไกร
พากย์กล่อมตะล่อมยุคะสมัย
พิเราะให้คระโหยหา
๕๘. ศรีศรี..วจีเสนาะสนอง
อุระต้องก็ตรึงตรา
ซ่านซึ้งระรึงสุขะสถา-
ปนะภาวะอาวรณ์
๕๙. บรรโลมกะโสมนัสภาค
อภิวากยาทร
บรรสมภิรมยะประอร
ก็สะท้อน ณ ท่วงที
๖๐. สมดังพลังอรรถะแถลง
ระบุแจ้ง ณ ธาตรี
ถ้วนเมืองกระเดื่องสุภะพจี
ระบุชี้ระบัดชม.....
๔.
...อยุทธยายศยิ่งด้าว.........ใดปูน เปรียบฤๅ
เทียมเทพสฤษดิไอสูรย์......เศกสร้าง
ไตรรัตน์รุ่งเรืองจรูญ...........เจรอญสาส นานา
เกรอกพระเกียรติราชอ้าง....หน่อเนื้อพุทธภูมิ ฯ
...ปราสาทสูงเทริดฟ้า.........ฟูโพยม
จรูญรัตน์จำรัสโสม.............สุกแพร้ว
พ่างไพชยนต์ประโลม.........จิตรโลกย์ เล็งเฮย
สิงหาสน์มาศกอบแก้ว.........ก่องหล้าเลอสวรรค์ ฯ
...สมบูรณ์สมบัติอ้าง............ไอศวรรย์ อินทร์เอย
ร้อยโอษฐฤๅรำพรรณ...........พร่ำถ้วน
สิบสองพระคลังอนันต์..........อเนกราช ทรัพย์แฮ
สรรพสิ่งศฤงฆารล้วน............เลอศพื้นแผ่นภู ฯ.....
๑๔.
๖๑. ภิญโญสโมสระกวินทร์
ธรณินก็ร่ำรมย์
พริ้งพรายสยายทิฐิวิกรม
เสนาะพรมฤทัยผอง
๖๒. รื่นเริงเถลิงยุคะสมัย
ปุระไกลก็เกี่ยวดอง
ร่วมภาวะพานิชะสนอง
ธนะ-ทองก็ไพศาล
๖๓. การยุทธประดุจจะละจะเลือน
และเสมือนจะหย่อนยาน
พากย์พร่ำก็คำเสนาะสนาน
รณะการณ์ก็เกรงกลัว
๖๔. นารีวจีปะเหลาะฉะอ้อน
ดนุร้อนอุรารัว
เนตรฉายละม้ายจะเยาะจะยั่ว
ระอุทั่ว ณ ถิ่นฐาน
๑๑.
...ตอบรสพจน์วาที
ตัวเจ้านี้อหังการ
ไม่เกรงพระภูบาล
ทั้งภัยพาลในอบาย
ถึงเป็นชายชาญสกา
ไม่เจตนาอย่าพักหมาย
ฝ่ายเจ้าก็เลิศชาย
สายสุริยวงศ์พงศ์เทวัญ
เสวยทิพยพิมานทอง
ฝูงนางน้องล้วนสาวสวรรค์
ไม่ควรมาผูกพัน
จะพากันตกนรกกานต์...
๑๔.
๖๕. รำพันกระสันรสะสวาดิ
ระอุพาดหทัยพาล
วาบหวามเพราะกามภวะสะท้าน
ประลุผ่านและแผดเผา
๖๖. ลิ่วคว้างระหว่างรตินิวรณ์
ฤจะถอนจะบรรเทา
ร่วงร่าง ณ กลางรสะเฉลา
ระอุเร้าฤดีหลง
๑๙.
๖๗. บัดดลเสียงเสนาะศัพทะรับชละดรงค์
พร้องพายจะคล้ายลง..........วลี
แก้ไขเมื่อ 17 มี.ค. 49 05:32:19
จากคุณ :
สดายุ...
- [
15 มี.ค. 49 21:50:28
]