CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    สามก๊ก ฉบับหัดเขียน 18

    ปี Jian’an ที่ 14 209 AD
    (22 กุมภาพันธ์ 209 – 11 กุมภาพันธ์ 210)

    ในฤดูใบไม้ผลิ เดือนที่สาม โจโฉนำทัพมาที่ Qiao

    ซุนกวนล้อมหับป๋า กองทัพของซุนกวนล้อมหับป๋าเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่สามารถยึดเมืองได้

    ซุนกวนจัดหน่วยทหารม้าเคลื่อนที่เร็วเพื่อเตรียมนำเข้าโจมตีศัตรูด้วยตัวเอง แต่เตียวเหียนค้านว่า อาวุธนั้นเป็นสิ่งชั่วร้าย การศึกเป็นกิจอันตราย ถ้าท่านปรารถนาจะทำตามใจเพื่อแสดงความกล้าหาญของท่านโดยไม่ระแวงถึงความแข็งแกร่งและความโหดร้ายของศัตรู ท่านจะทำให้ทั้งกองทัพเป็นกังวลในตัวท่าน แม้ว่าท่านจะสามารถตัดหัวแม่ทัพฝั่งตรงข้ามและสามารถยึดธงศึกมาได้ แม้ว่าความกล้าหาญของท่านจะทำให้ทหารของท่านประทับใจ แต่นั่นเป็นงานของนายทหารผู้น้อย ไม่ใช่สิ่งที่ผู้บัญชาการกองทัพควรทำ ข้าขอร้องให้ท่านอย่าได้กล้าหาญเหมือน Meng Ben และ Xia Yu แต่ให้ประพฤติตัวเหมือนดั่งเช่นกษัตริย์ ซุนกวนจึงเลิกล้มความคิดนั้น

    โจโฉส่งแม่ทัพ Zhang Xi นำทัพเพื่อทำลายวงล้อม แต่เป็นการเดินทัพใช้เวลานาน เจียวเจ้ นายทหารคนสนิทของมณฑลยังจิ๋ว ได้ติดต่ออย่างลับ ๆ กับผู้ตรวจการมณฑล แสร้งทำเป็นเหมือนว่าเขาได้รับจดหมายจาก Zhang Xi ว่ากองทัพสี่หมื่นได้มาถึง Xulu แล้ว

    ขุนนางอาลักษณ์ถูกส่งไปรับตัว Zhang Xi และพลนำสารสามชุดได้ถูกส่งไปแพร่ข่าว โดยนำจดหมายไปบอกนายทหารที่รักษาการณ์ที่หับป๋า มีเพียงชุดเดียวที่สามารถเข้าเมืองได้ อีกสองชุดโดนทัพของซุนกวนจับได้ ซุนกวนเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง เขาจึงเลิกทัพกลับ

    ในฤดูใบไม้ร่วง เดือนที่เจ็ด โจโฉนำทัพจาก Ge ไปที่ Huai เขาเดินทัพตายแม่น้ำ Fei ไปหับป๋า และตั้งค่ายหทารที่ Shaopi

    ในฤดูหนาวเดือนที่สิบ เกิดแผ่นดินไหวในมณฑลเกงจิ๋ว

    ในเดือนที่สิบสอง กองทัพโจโฉกลับคืนสู่เมือง Qiao

    ตันหลัน และ Mei Cheng ได้ยึด Qian และ Liu เพื่อก่อกบฏ โจโฉส่งเตียวเลี้ยวไปโจมตีและสังหารพวกเขา แล้วเตียวเลี้ยวก็ส่งงักจิ้นและลิเตียนพร้อมทหารเจ็ดพันคนรักษาการณ์ที่หับป๋า

    จิวยี่ถูกโจมตีโจหยินที่เมืองกังเหลงมากกว่าหนึ่งปี ทหารจำนวนมากถูกฆ่าตายไม่ก็บาดเจ็บสาหัส ในที่สุด โจหยินก็ทิ้งเมืองหนีไป

    ซุนกวนตั้งให้จิวยี่เป็นเจ้าเมือง Nan และให้เขาครองเมืองกังเหลง เทียเภาเป็นเจ้าเมืองกังแฮ และควบคุม Shaxian ลิห้อมเป็นเจ้าเมือง Pengze ลิบองเป็นนายอำเภอ Xunyang

    เล่าปี่แนะนำให้ซุนกวนทำตัวเป็นเหมือนแม่ทัพราชรถและทหารม้าพร้อมด้วยตำแหน่งผู้ปกครองมณฑลชีจิ๋ว แล้วเล่ากี๋ก็เสียชีวิตลง ซุนกวนให้เล่าปี่เป็นผู้ปกครองมณฑลเกงจิ๋ว จิวยี่มอบดินแดนทางใต้ของแยงซีทั้งหมดให้แก่เล่าปี่ เล่าปี่สร้างที่มั่นของเขาที่ Youkou และเปลี่ยนชื่อเป็น Gongan

    ซุนกวนมอบน้องสาวของเขาให้เป็นภรรยาเล่าปี่ น้องสาวซุนกวนคนนี้เฉลียวฉลาดและกล้าหาญ มีจิตใจเข้มแข็งเหมือนดั่งพี่ชายของนาง นางมีสาวใช้มากกว่าร้อยคน แต่ละคนพกดาบติดตัว เล่าปี่รู้สึกหวาดกลัวทุกครั้งที่จะต้องไปพบนาง

    โจโฉส่ง เจียวก้านแห่งกิวกั๋งโดยมอบหมายหน้าที่ให้มาเกลี้ยกล่อมจิวยี่อย่างลับ ๆ ในฐานะนักพูดฝีปากเอก เจียวก้านนั้นไร้คนที่จะต่อกรด้วยในดินแดนแยงซีและ Huai เขาใส่เสื้อผ้าหยาบ ๆ และหมวกลินิน เขามาพบจิวยี่เหมือนว่าเป็นการมาเยี่ยมส่วนตัว

    จิวยี่ออกมาต้อนรับเขา และพูดกับเขาทันที ท่านคงจะเหนื่อยมากนะท่านเจียวก้าน ที่เดินทางเป็นระยะทางไกลข้ามแม่น้ำทะเลสาบมากมาย มันไม่ถือว่ามากเกินไปหรือในฐานะกระบอกเสียงของท่านโจโฉ

    แล้วเขาก็นำเจียวก้านพาไปชมรอบค่าย ดูที่เก็บเสบียง คลังอาวุธต่าง ๆ พวกเขากลับมาที่พักและดื่มกินด้วยกัน เขาเรียกขุนนางเขามาพบเจียวก้านและเครื่องประดับล้ำค่าต่าง ๆ

    แล้วจิวยี่ก็พูดว่า คนที่ยิ่งใหญ่ในโลกนี้เมื่อได้พบนายที่จะเห็นคุณค่าในตัวเขา ภายนอกนั้นพวกเราปฏิบัติต่อกันเหมือนนายและบ่าว แต่จริง ๆ แล้วพวกเขาเหมือนดั่งพี่น้องร่วมอุทร เขาอนุมัติทุกอย่างตามที่ข้าแนะนำ เขามักจะยอมรับแผนการของข้าเสมอ ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข เราต่างเผชิญร่วมกัน ถ้า Su Qin หรือ Zhang Yi เกิดใหม่อีกครั้ง พวกเขาจะเปลี่ยนความรู้สึกข้าได้หรือไม่ (นักยุทธศาสตร์และกุนซือชั้นเยี่ยมของราชวงศ์ Zhou ตอนปลาย)

    เจียวก้านหัวเราะ แล้วก็ไม่พูดถึงสิ่งที่โจโฉมอบหมายเขามาอีกเลย เมื่อเขากลับไปหาโจโฉ เขายกย่องพฤติกรรมของจิวยี่และความสามารถอันสูงส่งของเขาว่าเป็นชายผู้ไม่สามารถชักจูงให้เปลี่ยนใจได้

    He Xia ขุนนางผู้ใหญ่ในสังกัดของเฉิงเซี่ยงพูดกับโจโฉว่า คนแต่ละคนล้วนมีความสามารถแตกต่างกันออกไป ท่านไม่สามารถตัดสินพวกเขาจากหลักเกณฑ์เพียงอย่างเดียว การประหยัดและใช้ชีวิตเรียบง่ายอาจจะเป็นสิ่งที่ดีกับบุคคลผู้หนึ่ง แต่ถ้าท่านต้องการบังคับให้ผู้อื่นใช้ชีวิตแบบเดียวกัน นั่นถือว่าไม่เป็นการยุติธรรม

    ในเวลานี้ ขุนนางของท่านที่สวมเสื้อผ้าใหม่และนั่งเกวียนอย่างดีต่างถูกกล่าวหาทันทีว่าฉ้อราษฎร์ ในขณะที่คนที่ไม่สนใจในลักษณะภายนอก ใส่เสื้อผ้าโทรม ๆ และขนสัตว์ต่างถูกพิจารณาว่าเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต ตอนนี้ถึงขั้นที่ขุนนางของท่านต่างทำเสื้อผ้าตัวเองให้สกปรกและซ่อนเกวียนและเสื้อผ้าอย่างดี ในขณะที่ขุนนางชั้นสูงบางคนถึงกับนำเครื่องดื่มและอาหารมากินจากบ้าน

    ในการสร้างแบบอย่างหรือธรรมเนียมปฏิบัติ ทางที่ดีที่สุดคือการเดินสายกลาง สิ่งใดที่ง่ายที่สุดที่ควรทำตาย แต่ท่านกลับสนับสนุนแบบอย่างที่ยากเกินปฏิบัติ และท่านใช้มันตัดสินคนทั้งหมด เมื่อท่านบังคับทุกอย่างแบบนี้ คนที่ถูกบังคับจะรู้สึกไม่พอใจและเบื่อหน่าย

    ปราชญ์ที่ยิ่งใหญ่ในอดีตสอนถึงธรรมชาติของมนุษย์ทั่วไป เมื่อกฏเกณฑ์ธรรมเนียมปฏิบัติมากเกินไป สิ่งเหล่านี้จะสนับสนุนคนให้หน้าไหว้หลังหลอกและปิดบังความเป็นจริง

    โจโฉเห็นด้วยกับข้อโต้เถียงนี้

    http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=kazama&date=24-02-2006&group=11&blog=1

    แก้ไขเมื่อ 16 มี.ค. 49 14:55:24

    จากคุณ : kazama - [ 16 มี.ค. 49 14:54:53 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป