ความคิดเห็นที่ 2 (ผมคือคนที่มีลูกศรสีแดงชี้ ส่วนคุณลวิตร์พี่สาวผมคือคนที่ ทำหน้าเบลอไว้เนื่องจากคำขอของเจ้าตัว) จากคุณ : เชษฐา - [ 18 มี.ค. 49 13:16:36 ]

ความคิดเห็นที่ 3 การเที่ยวครั้งนี้ครอบครัวผมมีกล้องอยู่สองตัว คือกล้อง ธรรมดาและกล้องดิจิตอล ภาพจากกล้องดิจิตอลนั้นมีมาก มายเพราะผมถ่ายทั่วไปหมด (และไม่มีภาพผม ยกเว้น แต่ผมจะอุตริถ่ายตัวเอง) แต่เนื่องจากผมหาแผ่นดิสที่ใส่รูปของกล้องดิจิตอลไม่เจอ จึงเอามาลงแต่รูปจากกล้องธรรมดา ซึ่งจะมีรูปผมเยอะ เหมือนกันแฮะ ก็ถือว่าเปิดเผยหน้าตาครับ ^^> จากคุณ : เชษฐา - [ 18 มี.ค. 49 13:22:13 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ก่อนหน้าที่ผมจะไปหลวงพระบางนั้น ผมเคยไปเวียงจัน ครั้งหนึ่ง ก็ไม่พบว่ามีอะไรน่าสนใจ เพราะแม้ประตูชัย ที่คนลาวสร้างขึ้นก็ไม่จัดว่าสวยนัก และมีขยะทิ้งเกลื่อน กลาด หาผู้ดูแลรักษามิได้ กระทั่งผมเกิดมิจฉาทิฐิว่า หลวงพระบางซึ่งอยู่ตอนเหนือ นั้นก็คงจะเช่นกัน ...แต่หลวงพระบางจริงๆเมื่อมาเจอแล้วไม่ใช่อย่างนั้นครับ เป็นเมืองสะอาดเรียบร้อยมาก สวยงามด้วยสถาปัตยกรรม โบราณโดยเฉพาะตึกในสมัยที่ฝรั่งเศสมาปกครอง มีวังและวัดวาอารามมากมายได้รับการรักษาไว้อย่างดี จนองค์การยูเนสโกต้องจัดให้เมืองนี้เป็นมรดกโลกเพื่อ อนุรักษ์สิ่งต่างๆดังกล่าวต่อไป ซึ่งจริงๆเวียงจันก็คงจะมีของดีเยอะเหมือนกันครับ แต่เป็นเรื่องน่าละอายว่าถูกไทยทำลายไปหมดคราวรบ เจ้าอนุวงศ์ สมัยรัชกาลที่สาม ตอนนั้นเวียงจันถูกเผาราบจนกลายเป็นเมืองร้าง ในลักษณะเดียวกับที่พม่าเผาอยุธยา ก็คงพูดอะไรมาก ไม่ได้เพราะมันเป็นปกติวิธีของคนโบราณ ซึ่งคนปัจจุบัน ควรจะเลียนรู้และยับยั้งไม่ให้เกิดขึ้นอีก จากคุณ : เชษฐา - [ 18 มี.ค. 49 13:33:33 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ไกด์ของคณะทัวร์ชื่อว่านายเข็มเพชร เป็นชาวลาวที่พูด ภาษาไทยคล่องมาก (จริงๆภาษามันก็ไม่ได้ต่างกันเท่าใด น่ะนะ) เราเริ่มประเดิมการท่องเที่ยวโดยขับรถเลียบแม่น้ำ สองสี (เป็นจุดที่แม่น้ำคานไหลมาบรรจบแม่น้ำโขง มีสอง สีจริง หรือน้ำเงินกับส้มอ่อนๆ เกิดจากชนิดทรายบริเวณก้น แม่น้ำ) ไปยังวัดที่ชื่อว่างามที่สุดของลาวหรือวัดเชียงทอง วัดนี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2102 –2103 สมัยพระเจ้าไชย เชษฐาธิราช สิงห์ที่อยู่หน้าวัดนั้นลักษณะเหมือนแย้อ้วนๆ ขาวๆมากกว่าแมว (ไว้หาดิสกล้องดิจิตอลเจอแล้วจะเอามา ให้ดู ผมมีคอเลคชั่นสิงห์ลาวซึ่งมักจะปั้นให้พิกลพิการไป ต่างๆนานา) วัดเชียงทองมีจุดที่เด่นๆสามแห่ง คือ พระอุโบสถ วิหาร น้อย และโรงเมี้ยนโกศ พระอุโบสถนั้นมีหลังคาสามชั้น ลักษณะโค้งแอ่น ลาดต่ำ มาก และคลาสสิกมากๆ ส่วนกลางของหลังคามีเครื่องยอดสี ทอง หรือเรียกว่าช่อฟ้า เฉพาะวัดนี้จะมี ๑๗ ช่อเพราะเป็นวัด ที่พระมหากษัตริย์สร้าง ส่วนวัดที่คนสามัญสร้างจะมีช่อฟ้า ๑ - ๗ ช่อเท่านั้น (ฟังจากคุณเข็มเพชร จำนวนช่อฟ้านี้จะแทน สัญลักษณ์ทางศาสนาพุทธ เช่น ช่อฟ้าห้าช่อ หมายถึงศีลห้า สามช่อหมายถึงไตรลักษณ์หนึ่งช่อหมายถึงพระธรรมหนึ่งเดียว ส่วนสิบเจ็ดช่อคืออะไรผมก็ลืมไปแล้ว) ข้างล่างเป็นภาพคุณพ่อคุณแม่ของผม ข้างหลังจะเป็นพระ อุโบสถกับวิหารน้อย เห็นช่อฟ้าอยู่ไกลๆ (สังเกตลูกศร แดง) ลองนับว่าครบสิบเจ็ดไหมครับ แก้ไขเมื่อ 18 มี.ค. 49 13:51:34 จากคุณ : เชษฐา - [ 18 มี.ค. 49 13:50:53 ]

ความคิดเห็นที่ 6 วิหารน้อยจะสวยงามตรงผนัง (สีชมพู รูปข้างบนก็มีให้ เห็นนิดๆเหมือนกัน) ซึ่งประดับกระจกสีเป็นนิทานพื้นบ้าน ต่างๆ เรื่องหนึ่งที่คุณเข็มเพชรเล่าให้ฟังความว่ามีลูกสาว เจ้าเมืองเกิดอุตริไปหลงรักเต่า แต่งงานได้เสียกัน เจ้าเมืองโกรธมากจึงไล่ทั้งสองออกไป ปรากฏว่าเต่า นั้นเป็นเต่าเทพ จึงอัพเกรดออกจากกระดองกลาย เป็นยอดมนุษย์ยกทัพมาตีเจ้าเมืองแพ้และปกครอง กับภรรยาอย่างสงบสุขชั่วกาลนาน (ก็อย่าเชื่อผมมากครับ เพราะไกด์แกเล่าแบบติดตลก ไม่รู้เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า แล้วยิ่งผ่านปากผมซึ่งจำไม่ค่อยได้อีกคน) โรงเมี้ยนโกศหรือโรงเก็บโกศเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา ราชรถบรรทุกโกศจัดทำเป็นรูปพญานาคหลายเศียร เขี้ยว ยาวน่ากลัวกว่านาคไทยมาก รอบๆโรงเก็บโกศจะทำเป็นรูปรามเกียรติ์ตอนต่างๆ จัดทำ ได้ลวดลายสวยงามมีศิลปะ ผู้สร้างคือเพียตันซึ่งเป็นช่าง ที่มีฝีมือเลื่องลือของลาว ตอนผมเข้าโรงเมี้ยนโกศนั้นพบว่ามีเซียมซีลาวทายเรื่อง ราวในชีวิตเปรียบกับวรรณคดีต่างๆ ผมคลับคล้ายว่าเสี่ยง แล้วได้ดวงชูชกซึ่งร้ายมาก แต่อ่านแล้วชอบใจมาก จึงบริจาคไปยี่สิบบาทแล้วจิ๊กใบเซียมซีทุกใบมานั่งอ่าน (ภาษาลาวอ่านง่ายครับ คนไทยใช้เวลาสักหน่อยก็ เข้าใจได้หมด) ตอนนั้นมีแหม่มฝรั่งมาเสี่ยงอยู่ข้างๆผมคนหนึ่งผมจึงรับ อาสาแปลจากภาษาลาวเป็นอังกฤษให้แกฟังดังนี้ ผม: ดวงของยูนั้นตกที่พระชนกหนา ยูจะได้รับทรัพย์ สมบัติอันมีค่ามาก แต่ได้ด้วยความยากลำบาก แหม่ม : โอ ไอซี ผม : ยูจะประสบความยากลำบากในการเดินทางด้วย แหละ แหม่ม : ชักเสียวๆเพราะกำลังเดินทางอยู่ ผม : ข่าวดีคือยูจะได้ลูกสาวที่หน้าตางดงามมาก เหมือนนางสีดา แหม่ม : โอ นั่นก็เป็นเรื่องดีนะ ผม : แต่ยูต้องระวังลูกสาวยูให้ดี เพราะอาจจะเกิดเภท ภัยแก่ลูกสาวยู อันนี้เหมือนเรื่องรามเกียรติ์ไม่มีผิด แหม่ม : แต้งกิ้วเวรี่มัส เซียมซีลาวนี่ทายอะไรแปลกๆแฮะ แก้ไขเมื่อ 18 มี.ค. 49 14:09:20 จากคุณ : เชษฐา - [ 18 มี.ค. 49 14:08:13 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อันนี้รูปแม่ผมถ่ายกับพระอุโบสถครับ แม่ผมสวยไหมครับ จากคุณ : เชษฐา - [ 18 มี.ค. 49 14:10:00 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ต่อจากวัดเชียงทองผมปีนเขาไปสักการะวัดภูสี ตลอดทางมีกลิ่นหวนด้วยดอกจำปาลาว(หรือลั่นทม หรือลีลาวดี) ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำชาติลาว แม้เส้นทางจะไกลแต่ก็มีอะไรงดงามเหลือพรรณนาด้วย ธรรมชาติคือต้นลีลาวดีรายทาง และสถาปัตยกรรมหลาย อย่าง ซึ่งเสียดายว่าไม่มีรูปจากกล้องดิจิตอลอีกแล้ว จากคุณ : เชษฐา - [ 18 มี.ค. 49 14:16:51 ]

ความคิดเห็นที่ 9 บนยอดวัดภูสีนั้นเราสามารถเห็นทิวทัศน์หลวงพระบาง จากมุมกว้าง สวยงามอย่างไรดูได้จากภาพข้างล่าง เราเข้าไปสวดแสดงความเคารพพระรัตนตรัยด้วยจิต เคารพศรัทธา ภูสีนั้นเท่าที่จำได้ได้รับชื่อมาจากการที่เมื่อก่อนมีพระฤาษี มาปฏิบัติธรรมอยู่ จึงตั้งว่าภูสีย่อมาจากภูฤาษี เมื่อลงไปชั้นหนึ่งจะเห็นถ้ำฤาษีอยู่เหมือนกัน หน้าถ้ำจะ มีก้อนหินขนาดใหญ่หนักมากก้อนหนึ่ง เชื่อว่าใครอธิษฐาน อะไรให้มายกก้อนหินนี้ หากขึ้นก็จะสมหวัง ผมอธิษฐานขอเนื้อคู่ เอาสองมือยกก้อนหินก็ขึ้นง่ายๆ เกิดลำพองจึงจะย้ำคำอธิษฐานโดยยกด้วยมือข้างเดียว จริงๆมันก็หนักไม่ควรจะทำได้หรอกครับ แต่ผมก็ยกขึ้น จนสำเร็จโดยใช้วิธีกอดยกเอา รายละเอียดอื่นๆคือสิงห์วัดนี้หน้าเหมือนลิงบาบูนและ นาคนั้นปั้นได้ฮาร์ดคอร์มาก คือเขี้ยวยาวโง้ง หน้าเหี้ยม กระหาย เหมือนอยากจะไปกัดคอใคร จากคุณ : เชษฐา - [ 18 มี.ค. 49 14:28:03 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ตกเย็นมาถึงโรงแรมที่พักชื่ออะไรนึกไม่ออกแล้ว แต่จำได้ ว่าที่นี่มีจุดขายคือมีทิวทัศน์ไร่นาจริงๆของหลวงพระบาง อยู่ข้างๆ ตอนหลังผมเดินเล่นดูคนลาวทำนา คนลาวก็ดูผมยืดคอ จากโรงแรม คงสงสัยว่าไอ้ตี๋นี่มองอะไร โรงแรมแห่งนี้น่ารักมากครับ มีบริกรมาทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ ให้คณะทัวร์ด้วย พิธีนี้ก็เหมือนบายศรีไทย มีการผูกเข้ามือ เอาขนมและ สาโทหวานๆให้ดื่ม แต่ละคนยิ้มแย้มแจ่มใสบรรยากาศอบอุ่นเหมือนกลับบ้าน แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของชาวเอเชีย ซึ่งถ้าคนไทยควรมารื้อฟื้นกันหน่อยเหมือนกันแหละครับ จากคุณ : เชษฐา - [ 18 มี.ค. 49 14:39:06 ]

ความคิดเห็นที่ 11 แม่หญิงลาวน่ารักๆมาผูกข้อมือให้ครับ จากคุณ : เชษฐา - [ 18 มี.ค. 49 14:40:59 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ต่อจากบายศรีก็จะมีระบำให้ดู จากคุณ : เชษฐา - [ 18 มี.ค. 49 14:42:35 ]

ความคิดเห็นที่ 13 รูปนี้ผมใช้เป็นรูปแนะนำตัวผมในบลอกแก๊งน่ะครับ จากคุณ : เชษฐา - [ 18 มี.ค. 49 14:45:38 ]

ความคิดเห็นที่ 14 วันที่สองเราออกเดินทางไปหมู่บ้านแห่งหนึ่งคลับคล้าย ว่าชื่อบ้านซ่างไห่ หมู่บ้านนี้ได้ปรับตัวให้เข้ากับนักท่อง เที่ยวแล้วโดยทุกครอบครัวหากไม่ขายเหล้าต้มเอง (ขายเป็นขวด ทุกขวดจะมีงูและแมลงป่องน่าสงสาร นอนแอ้งแม้งอยู่ให้เห็น) ก็จะขายเครื่องเงิน (ผลิตจาก โรงงาน) เป็นหลัก มีเหรียญลาวสมัยเป็นเมืองขึ้นฝรั่งเศส หรือเหรียญสมัย เป็นเมืองขึ้นไทย น่าสนใจหน่อยคือมีเหรียญที่ระลึกการ ปราบเงี้ยวพิมพ์สมัยรัชกาลที่ห้าด้วย หลังจากสำรวจร้านโชวห่วยลาวแล้วพบว่าสินค้าอุปโภค บริโภคแทบทั้งหมดมาจากจีน เวียดนามและไทย อย่างเดียวที่ลาวผลิตเองคือเบียร์ หรือเรียกว่าเบียร์ลาว ซึ่งทำเป็นอุตสาหกรรมใหญ่ประดับประเทศ ผมซื้อมาดื่มแล้วก็พอใช้ได้ สินค้าที่นี่ถ้าผลิตเองจะราคาค่อนข้างถูกครับ ผ้าพันคอ ไหมอย่างดีผืนละแปดสิบบาท ถูกจนผมไม่กล้าต่อ ทั้งที่ทราบว่านั่นเป็นราคาที่เอาไว้หลอกนักท่องเที่ยว แล้วน่ะนะ หลังจากเล่นกับเด็ก เล่นกับหมา เล่นกับไก่พื้นบ้านแล้ว ผมก็ลงเรือล่องแม่น้ำโขงไปดูถ้ำ ชื่อว่าถ้ำติ่ง แก้ไขเมื่อ 18 มี.ค. 49 15:38:43 จากคุณ : เชษฐา - [ 18 มี.ค. 49 15:08:22 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ณ ถ้ำติ่งนี้เป็นสถานที่ที่กษัตริย์ลาวมักมาประกอบพิธีทาง ศาสนา จึงมีพระพุทธรูปมาก ถึงปากถ้ำคณะทัวร์ก็อาราธนาคุณพระรัตนตรัยกันอีก จากนั้นเดินเข้าไปชมสถาปัตกรรมในถ้ำซึ่งต้องใช้ไฟฉาย ส่อง คนลาวดีมากมีบริการไฟฉายและน้ำดื่มอยู่นอกถ้ำ เนื่องจากมีข้อมูลค่อนข้างมากผมจะจบการลงกระทู้เพียงนี้ ก่อน ครั้งต่อไปจะมาลงเรื่องของกิน ได้แก่ ขนมลาว ร้านกาแฟลาว และการตักบาตรข้าวเหนียว ...  ... ... ฝากท้ายสักนิด ผมสังเกตนะครับว่าคนลาวนี่เฟรนดีแทบทุกคน แต่จะ ไม่เสแสร้งเหมือนคนเมือง เป็นเฟรนดีแบบเงียบๆ ไม่ ก้าวก่ายแต่พร้อมเป็นมิตรด้วย ลักษณะนี้เหมือนนิสัย ชาวชนบทไทยซึ่งมีความซื่อใสอยู่มาก มีชาวคณะทัวร์ถามคุณเข็มเพชรว่า "เมืองหลวงพระบาง มีโจรไหม" คุณเข็มเพชรบอกว่า "มีแต่อยู่ไม่ได้ เพราะ ชาวบ้านจนกันหมด" มีคนถามอีกว่า "แล้วมีขอทานไหม" คุณเข็มเพชรก็ว่า "ไม่มี เพราะถ้าทราบว่าใครคนไหนล้ม ละลาย ชาวบ้านในหมู่บ้านจะช่วยกันบริจาคเงินคนละ สิบกีบยี่สิบกีบ หรือช่วยกันมาสร้างบ้านให้ ให้คนนั้น ตั้งตัวได้" เมื่อบริษัทผมจะรับคนงานต่างประเทศนั้นมีการปรึกษากัน ว่าจะเอาคนงานชาติไหน เขาว่าคนพม่านั้นเก่งและขยันเพราะพม่าเป็นชาติใหญ่ มีศักยภาพไม่น้อยกว่าเมืองไทย แต่ไม่ค่อยมีโอกาส เพราะถูกเผด็จการทหารปกครองอยู่ คนพม่าจึงสมองไหล มาไทยมาก อย่างไรก็ตามคนพม่าก็ไว้ใจไม่ได้เพราะประเทศมีศึก สงคราม คนต้องเอาตัวรอดจึงมีน้ำใจโหดเหี้ยม มาฆ่า นายจ้างก็เห็นอยู่บ่อยๆ ขณะที่คนลาวนั้นเป็นที่รู้กันว่าขี้เกียจ ไม่ค่อยอดทน แต่คุยกันรู้เรื่องและไว้ใจได้ สุดท้ายจึงตัดสินใจจ้างคนลาว ...  ...  ... ครับ ชาวลาวจะอยู่กันแบบเรื่อยๆสบายๆ เพราะไม่ต้องแก่ง แย่งกับคนอื่น ไม่ต้องดิ้นรน มีชีวิตที่อบอุ่นและมีความสุข อันที่จริงก็เป็นชีวิตในอุดมคติ ทราบอย่างนี้แล้วผมก็อยากอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรม ของหลวงพระบางไว้เช่นกัน ไม่ให้ถูกทำลายโดยเงิน และการท่องเที่ยวเหมือนที่พัทยาเราโดนมาแล้ว คำทักทายของลาวนั้นยังแสดงให้เห็นถึงธรรมชาติเรียบ ง่ายของเขา โดยขณะที่คนไทยทักทายว่า 'สวัสดี' มาจาก สวัสดิ์ แปลว่าความสุข ความเจริญและโชคลาภ คนลาวก็ทักทายว่า "สะบายดีครับ" จากคุณ : เชษฐา - [ 18 มี.ค. 49 15:38:11 ]

ความคิดเห็นที่ 16 * * * ภาพจาก คคห. #  9 น่าจะเป็นพระธาตุโพนเผ้า หรือวัดสันติคีรีค่ะ ทาสีเหลืองมัสตาร์ด โดยสังเกตจากเนินเขาสองลูกเสมอกันใกล้ๆ นั่นคือ "บ้านผานม" แหล่งที่มาของผ้าในตลาดกลางคืน จากคุณ : ป้าหนอน - [ 18 มี.ค. 49 19:31:28 ]

ความคิดเห็นที่ 17 คิดเหมือนป้าหนอนค่ะ วังหลวงตรงข้ามกับทางขึ้นภูสีเลยนะ ตอนไปเวียงจันทน์ ไปที่วัดพระแก้ว กลับว่าขลังมากเลยนะ ยังเสียดายที่ไม่ได้ไปเห็นหลายที่ เหมือนเป็นลูกคู่เดียวที่ติ่งไปด้วยเลยเนอะ :) จากคุณ : scottie - [ 18 มี.ค. 49 21:51:42 ]

ความคิดเห็นที่ 18 โห แก เอาแต่รูปหล่อๆ มาลงนะเนี่ย เรียกเรตติ้งน่าดู พี่ปันแกทำหน้าไม่เห็นแล้วน่ากลัวไงไม่รู้ 555 ปล. อยากไปมั่งหลวงพระบาง เคยไปแต่เวียงจันทร์ จากคุณ : บอยน์ ใบร่อน - [ 19 มี.ค. 49 17:18:04 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คิดถึง นป ^^ จากคุณ : jengly - [ 21 มี.ค. 49 00:58:01 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อ่านแล้วนึกถึงไชร์แฮะ จากคุณ : สาวน้อยร้อยแปด - [ 21 มี.ค. 49 14:32:47 ]