CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    พรากจาก

    ..................................................................................................


    ตอนเย็นหลังเลิกงาน
    หลังจากรุ่นพี่ที่บริษัทคุยโทรศัพท์เสร็จ สีหน้าขอนรุ่นพี่ก็หม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด
    ผมไม่กล้าถามเพราะเป็นเรื่องส่วนตัว แม้ว่าจะนิทกัราวกับพี่และน้องน้องแท้ๆ แต่คล้ายรุ่นพี่จะเดาความรู้สึกของผมออก
    “โทรถามข่าวของน้องเจน” รุ่นพี่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย
    “น้องเจน” ผมพูดขึ้นความความสงสัย เพราะว่ารุ่นพี่ไม่ได้ติดต่อกับเธอนานแล้ว เกือบปีแล้วกระมั้ง
    “ทำไมเศร้าอย่านั้นละครับ หรือว่าน้องเจนแต่งงานแล้ว” ผมพูดขึ้นอีก
    อดไม่ได้ที่จะนึกไปถึงเด็กสาวคนหนึ่ง รูปร่าวเพรียวบาง ผิวขาว เหมือนคนไทยเชื้อสายจีนทั่วไป

    เธอมักจะแวะมาหารุ่นพี่ที่ร้านกาแฟ ที่ผมกับรุ่นพี่มักจะนั่งคุยกันในช่วงเย็นหลังเลิกงานเป็นประจำ ซึ่งเธอก็แวะมาบ่อยครั้งหลังจากเลิกเรียนเช่นกัน
    เธอเรียนอยู่ที่หาวิทยาลัยเอกชนมีชื่อแห่งหนึ่ง
    รุ่นพี่รู้จักกับเธอตั้งแต่เธอเรียนอยู่ปีหนึ่ง เธอเป็นพริตตี้ที่งานแสดงสินค้า รุ่นพี่ก็ไม่ต่างจากแมลงหรือผึ้งที่เฝ้าดมดอมดอกไม้

    วันเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่งความสนิสนมกับรุ่นพี่ก็มากขึ้น แต่เธอคิดกับรุ่นพี่เพียงแค่พี่ชายคนหนึ่งเท่านั้น
    แม้ว่ารุ่นพี่จะบอกรักเธอสักกี่ครั้งเธอบอกว่าให้รอเวลาที่เหมาะสม
    ฐานะทางครอบครัวของเธอย่ำแย่ เพราะพ่อของเธอจากไปหลายปีก่อนที่จะพบกับรุ่นพี่ แม่ของเธอจึงรับบทหนักในครอบครัว

    ในเวลาต่อมารุ่นพี่ก็รับรู้ว่าเธอสุขภาพนัก มีปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจ
    จากความรักที่รุ่นพี่มีต่อเธอ กลับกลายเป็นยิ่งเห็นใจ  จึงทั้งรักอย่างคนที่รัก และรักเสมือนหนึ่งเป็นน้องสาว
    รุ่นพี่ช่วยค่าเทอมและค่าใช้จ่ายประจำวันของเธอจนกระทั่งเธอเรียนจบ

    แต่หลังจากที่เธอเรียนจบ ระยะห่างระหว่างรุ่นพี่ก็ค่อยๆไกลออกไปเรื่อยๆ บ่อยครั้งที่รุ่นพี่มักพูดถึงเธอกับผม ทำให้ผมรู้ว่าเธอไปสอนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนมัธยมเอกชนแห่งหนึ่ง
    และทำให้รู้ว่าในช่วงเวลานั้นรุ่นพี่เกิดทะเลาะกับเธอ อาจเป็นไปได้ว่ารุ่นพี่อาจจะคิดว่า เวลาที่เหมาะสมน่าจะใกล้เข้ามาแล้ว แต่เธออาจจะคิดว่ายังไม่ใช่ เมื่อความรู้สึกของทั้งสองไม่ตรงกัน ควมเหินห่างจึงเกิดขึ้น

    แต่รุ่นพี่ก็พูดกับผมหลายครั้งก่อนนี้ว่าที่ช่วยเธอเพราะสงสารมากกว่าความรัก และไม่กล้าแม้แต่คิดจะแตะต้องเธอเมื่อรู้ว่าเธอสุขภาพไม่ดี

    “น้องเจนเสียชิวิตแล้ว” รุ่นพี่พูดขึ้นหลังจากนิ่งไปนาน
    “น้องเจนเสียชีวิตแล้ว” ผมทวนคำรุ่นพี่ รู้สึกหนาวยะเยือกไปถึงข้างใน
    รุ่นพี่พยักหนาว ดวงตาสลดลงไปอีก
    “เกือบปีแล้ว” รุ่นพี่พูด “ก็แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมไม่ติดต่อมา ถึงพี่จะเปลี่ยนเบอร์มือถือ แต่เบอร์ที่บริษัทน้องเจนก็รู้”
    “น่าเศร้านะ” ผมพูดเสียงแผ่วเบา
    “รู้ว่าเป็นโรคหัวใจ แต่ไม่น่าอายุสั้นอย่างนี้ อายุแค่ยี่สิบห้าปีเท่านั้นเอง” รุ่นพี่พูดขึ้นอีกราวกับรำพึงรำพัน

    ผมไม่พูดอะไรอีก เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร
    รุ่นพี่ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ราวกับจะให้เวลาค่อยๆผ่านไปอย่างเงียบงัน
    ผมอดคิดไม่ได้ว่า
    ชิวิตคนเราการที่จะร่วมทางฝันนั้นช่างยากเย็นเสียยิ่งนัก



    เกรียงไกร หัวบุญศาล
    ๒๓ มีนาคม ๒๕๔๙
    แด่น้องเจนที่จากไปอย่างไม่หวนกลับ

    แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 49 12:32:57

    จากคุณ : huaboonsan - [ 23 มี.ค. 49 19:19:08 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป