..................................................................................................
ตอนเย็นหลังเลิกงาน
หลังจากรุ่นพี่ที่บริษัทคุยโทรศัพท์เสร็จ สีหน้าขอนรุ่นพี่ก็หม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด
ผมไม่กล้าถามเพราะเป็นเรื่องส่วนตัว แม้ว่าจะนิทกัราวกับพี่และน้องน้องแท้ๆ แต่คล้ายรุ่นพี่จะเดาความรู้สึกของผมออก
โทรถามข่าวของน้องเจน รุ่นพี่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย
น้องเจน ผมพูดขึ้นความความสงสัย เพราะว่ารุ่นพี่ไม่ได้ติดต่อกับเธอนานแล้ว เกือบปีแล้วกระมั้ง
ทำไมเศร้าอย่านั้นละครับ หรือว่าน้องเจนแต่งงานแล้ว ผมพูดขึ้นอีก
อดไม่ได้ที่จะนึกไปถึงเด็กสาวคนหนึ่ง รูปร่าวเพรียวบาง ผิวขาว เหมือนคนไทยเชื้อสายจีนทั่วไป
เธอมักจะแวะมาหารุ่นพี่ที่ร้านกาแฟ ที่ผมกับรุ่นพี่มักจะนั่งคุยกันในช่วงเย็นหลังเลิกงานเป็นประจำ ซึ่งเธอก็แวะมาบ่อยครั้งหลังจากเลิกเรียนเช่นกัน
เธอเรียนอยู่ที่หาวิทยาลัยเอกชนมีชื่อแห่งหนึ่ง
รุ่นพี่รู้จักกับเธอตั้งแต่เธอเรียนอยู่ปีหนึ่ง เธอเป็นพริตตี้ที่งานแสดงสินค้า รุ่นพี่ก็ไม่ต่างจากแมลงหรือผึ้งที่เฝ้าดมดอมดอกไม้
วันเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่งความสนิสนมกับรุ่นพี่ก็มากขึ้น แต่เธอคิดกับรุ่นพี่เพียงแค่พี่ชายคนหนึ่งเท่านั้น
แม้ว่ารุ่นพี่จะบอกรักเธอสักกี่ครั้งเธอบอกว่าให้รอเวลาที่เหมาะสม
ฐานะทางครอบครัวของเธอย่ำแย่ เพราะพ่อของเธอจากไปหลายปีก่อนที่จะพบกับรุ่นพี่ แม่ของเธอจึงรับบทหนักในครอบครัว
ในเวลาต่อมารุ่นพี่ก็รับรู้ว่าเธอสุขภาพนัก มีปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจ
จากความรักที่รุ่นพี่มีต่อเธอ กลับกลายเป็นยิ่งเห็นใจ จึงทั้งรักอย่างคนที่รัก และรักเสมือนหนึ่งเป็นน้องสาว
รุ่นพี่ช่วยค่าเทอมและค่าใช้จ่ายประจำวันของเธอจนกระทั่งเธอเรียนจบ
แต่หลังจากที่เธอเรียนจบ ระยะห่างระหว่างรุ่นพี่ก็ค่อยๆไกลออกไปเรื่อยๆ บ่อยครั้งที่รุ่นพี่มักพูดถึงเธอกับผม ทำให้ผมรู้ว่าเธอไปสอนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนมัธยมเอกชนแห่งหนึ่ง
และทำให้รู้ว่าในช่วงเวลานั้นรุ่นพี่เกิดทะเลาะกับเธอ อาจเป็นไปได้ว่ารุ่นพี่อาจจะคิดว่า เวลาที่เหมาะสมน่าจะใกล้เข้ามาแล้ว แต่เธออาจจะคิดว่ายังไม่ใช่ เมื่อความรู้สึกของทั้งสองไม่ตรงกัน ควมเหินห่างจึงเกิดขึ้น
แต่รุ่นพี่ก็พูดกับผมหลายครั้งก่อนนี้ว่าที่ช่วยเธอเพราะสงสารมากกว่าความรัก และไม่กล้าแม้แต่คิดจะแตะต้องเธอเมื่อรู้ว่าเธอสุขภาพไม่ดี
น้องเจนเสียชิวิตแล้ว รุ่นพี่พูดขึ้นหลังจากนิ่งไปนาน
น้องเจนเสียชีวิตแล้ว ผมทวนคำรุ่นพี่ รู้สึกหนาวยะเยือกไปถึงข้างใน
รุ่นพี่พยักหนาว ดวงตาสลดลงไปอีก
เกือบปีแล้ว รุ่นพี่พูด ก็แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมไม่ติดต่อมา ถึงพี่จะเปลี่ยนเบอร์มือถือ แต่เบอร์ที่บริษัทน้องเจนก็รู้
น่าเศร้านะ ผมพูดเสียงแผ่วเบา
รู้ว่าเป็นโรคหัวใจ แต่ไม่น่าอายุสั้นอย่างนี้ อายุแค่ยี่สิบห้าปีเท่านั้นเอง รุ่นพี่พูดขึ้นอีกราวกับรำพึงรำพัน
ผมไม่พูดอะไรอีก เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร
รุ่นพี่ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ราวกับจะให้เวลาค่อยๆผ่านไปอย่างเงียบงัน
ผมอดคิดไม่ได้ว่า
ชิวิตคนเราการที่จะร่วมทางฝันนั้นช่างยากเย็นเสียยิ่งนัก
เกรียงไกร หัวบุญศาล
๒๓ มีนาคม ๒๕๔๙
แด่น้องเจนที่จากไปอย่างไม่หวนกลับ
แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 49 12:32:57
จากคุณ :
huaboonsan
- [
23 มี.ค. 49 19:19:08
]