ทะเลหมอกบอกรัก ตอนที่ 1
แสงแดดที่ลอดผ่านช่องเล็กๆ ระหว่างพุ่มใบทึบของต้นฉำฉาต้นใหญ่ริมถนนภายในมหาวิทยาลัยทำให้ท้องถนนดูคล้ายปูลาดด้วยผ้าลูกไม้ผืนโตในความรู้สึกของรานี
สาวช่างฝัน..เพื่อนๆ ชอบเรียกเธออย่างนั้น แต่รานีก็ยิ้มกว้างรับได้ทุกที
หน้าหนาวกำลังจะเริ่มต้น ..ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของปีที่รานีติดใจ แม้ว่าเชียงใหม่จะค่อนข้างร้อนอบอ้าวในตอนกลางวัน แต่กลางคืนอากาศที่เย็นชื่นใจนี่แหละ ที่รานีโปรดปราน
และปีนี้โชคดีกว่านั้น เธอจะได้ตามกลิ่นแก้วกลับบ้านที่แม่ฮ่องสอน เมืองสามหมอกแสนสวย วันหยุดที่ติดต่อกันหลายวันทำให้รานีนึกครึ้มเสนอตัวเป็นสารถีพากลิ่นแก้วกลับบ้าน
..พี่นกจะว่ายังไงน้าถ้าเธอจะบอกว่าเรียนจบแล้วอยากจะเป็นครูดอยพร้อมๆ กับทำงานเขียนเพลงที่เธอรัก แถมท่าทางมันจะรักเธอด้วยการเปลี่ยนเป็นเงินค่าขนมเล็กๆ น้อยๆ มาให้เสมอมาตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง..
คิดถึงพี่สาวแล้วก็กลุ้มใจ.. ไอ้โรคนอนไม่หลับกับฝันประหลาดไม่รู้เป็นอย่างไรมั่ง.. ห่วงก็ห่วง แต่พอไปนอนเป็นเพื่อนก็อดกลัวไม่ได้.. หนักๆ เข้าพี่สาวคงเห็นใจ ไม่ยอมให้เธอไปนอนด้วยอีก..
ขอไปเที่ยวเมืองสามหมอกก่อนก็แล้วกัน ที่โน่นได้ยินว่ามีวัดศักดิ์สิทธ์.. จะไปขอพระมาให้พี่สาวคนดีวางใต้หมอนนอนเผื่อจะช่วยได้มั่ง..
ฝันไปถึงไหนแล้วยัยนี เสียงเอ็ดของกลิ่นแก้วเรียกรานีกลับออกมาจากโลกของความฝัน
ฝันไปถึงแม่ฮ่องสอนไงล่ะ เสร็จแล้วเหรอแก้ว รานีถามเพื่อนที่ส่งเสียงเรียกเธอ
ภาพข้าวของรุงรังกับเปียสองข้างของเพื่อนทำให้รานีอดหัวเราะไม่ได้ ถ้าเปลี่ยนไอ้กระเป๋ากับถุงของที่กลิ่นแก้วถือเต็มมือเป็นชะลอมผลไม้ เพื่อนของเธอจะได้อิมเมจพจมานแห่งบ้านทรายทองเลยเชียว
หัวเราะอะไรยะ ช่วยก็ไม่ช่วยยังจะหัวเราะอีก
จะขนอะไรไปกันหนักกันหนาเนี่ย แม่พจมาน รานีเอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าถือใบหนึ่งของกลิ่นแก้วมามาถือไว้แล้วเดินนำไปที่รถกะบะคันเก่งของเธอ สาวๆ คนอื่นอาจจะอยากมีรถเก๋งคันสวยแต่ไม่ใช่รานี
ก็ของฝากแม่ ฝากพ่อ ฝากลุงป้า แล้วก็น้าอาไงล่ะ
นึกว่าฝากทั้งอำเภอ รานีเย้าแล้วก็ได้ค้อนวงโตๆ ของเพื่อนกลับมา
กลิ่นแก้วเปิดประตูรถวางข้าวของประดามีไว้ที่แคปด้านหลังเบาะแล้วขยับตัวขึ้นไปนั่งในรถ
รานีมองข้าวของที่เพื่อนขนมาแล้วหัวเราะเบาๆ กระเป๋าของเธอมีแค่เป้ใบใหญ่ใบหนึ่งแต่ของกลิ่นแก้วปาเข้าไปตั้งห้าซึ่งได้แก่ถุงใบโตๆ สามใบกับกระเป๋าเสื้อผ้าและข้าวของจุกจิกอีกสองใบ
คาดซะดีๆ เข็มขัดนิรภัยน่ะ ขี้เกียจโดนยึดใบขับขี่ รานีหันไปบอกกลิ่นแก้วที่แลบลิ้นล้อเลียนให้ก่อนที่จะยอมทำตามแต่โดยดี
แล้วรถกะบะของรานีก็พาทั้งคู่ไปยังที่ๆ รานีจะนั่งฝันสักสี่ห้าคืน..
..................................
ตื่นได้แล้วยัยคนขี้เซา รานีปลุกคนที่นั่งหลับข้างตัว นึกสงสารไม่อยากปลุกเหมือนกันเพราะรู้ว่าเมื่อคืนกลิ่นแก้วนั่งปั่นรายงานทั้งคืนก่อนจะวิ่งแจ้นไปวางที่โต๊ะอาจารย์ตอนเช้า แต่เธอไม่รู้จะทำยังไงเพราะว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาแม่ฮ่องสอน ถ้าไม่ปลุกคนรู้ทางแล้วรานีก็ไม่รู้จะทำอย่างไรนี่นา
เธอรู้แต่ว่าบ้านของกลิ่นแก้วไม่ได้อยู่ในตัวอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เป็นโรงงานใบชาที่เลยอำเภอปายมา แต่ว่าก็แค่นั้น ..ก็เธอไม่เคยมานี่นา..
ถึงแล้วเหรอ.. เสียงกลิ่นแก้วงัวเงีย เปิดเปลือกตามองเพื่อน อยากสงสารแต่ก็นั่นแหละ..รานีบอกเพื่อนเธอแล้วว่าให้รีบทำรีบส่งรายงานก่อนวันหยุดยาวกลิ่นแก้วก็ผลัดมาเรื่อย
น้ำลาย.. รานีดึงทิชชู่มายื่นส่งให้
ได้ผล..คราวนี้กลิ่นแก้วตาโตตื่นเต็มตา ควานหากระจกมาส่องวุ่นวาย แล้วก็ซัดผัวะเข้าที่แขนของรานีเมื่อรู้ว่าโดนเพื่อนหลอกเพราะเสียงหัวเราะหึๆ ในลำคอของรานี
กลิ่นแก้วห่วงความงามนักหนาในขณะที่รานีแทบไม่สนใจ แก้มใสของรานีคุ้นแต่แป้งเด็กและครีมกันแดดเท่านั้นเอง แต่ถึงอย่างนั้นแก้มใสๆ ของรานีก็แทบจะไม่มีริ้วรอยอะไร ใบหน้าเกลี้ยงที่คล้ำแดดน้อยๆ ของรานีทำให้กลิ่นแก้วชอบเรียก ..แม่คนเอาท์ดอร์..
ตื่นมาบอกทางสิแม่พจมาน คนไม่เคยมาเดี๋ยวก็พาเข้าวัดแรกที่เจอหรอก
ว้ายยยย เพลงของนี แทนที่จะได้บอกทางกลิ่นแก้วก็ร้องตื่นเต้นเมื่อได้ยินเพลงจากวิทยุในรถที่ร้องโดยนักร้องสาววัยทีนที่กำลังเป็นที่นิยม
แน่นอน..คำร้องของเพลงเป็นฝีมือของรานีที่กลิ่นแก้วได้อ่านก่อนส่งบริษัทเพลง
ยัยแก้ว บอกทางมาก่อน รานีเร่ง
ไหนๆ ถึงไหนแล้วเนี่ย กลิ่นแก้วชะเง้อมองถนนหนทางก่อนจะยิ้มแล้วเริ่มบอกทางให้รานีไปยังบ้านของเธอ
รานีเลี้ยวรถตามคำบอกของกลิ่นแก้วเพื่อแยกจากถนนหลักที่ทอดยาวไปสู่ตัวเมืองแม่ฮ่องสอนเข้าสู่ซอยเล็กๆ ไม่นานรานีก็ต้องเลี้ยวรถอีกครั้งตามปลายนิ้วชี้ไปมาของกลิ่นแก้ว แล้วโรงงานอบใบชาซึ่งมีคนงานกำลังทำการชั่งน้ำหนักรับใบชาสดของชาวบ้านก็ปรากฏตรงหน้า
รถพี่หมอกนี่นา กลิ่นแก้วร้องอย่างดีใจเมื่อเห็นรถโฟร์วีลคันใหญ่จอดหน้าโรงงาน ..พี่ชายของกลิ่นแก้วที่ชอบเอามาเล่าให้รานีฟัง
..พี่น้องเค้าใจตรงกันดีแฮะ กลับบ้านพร้อมกัน.. รานียิ้มคิด
ยู้ฮู้ แก้วกลับมาบ้านแล้วจ้า กลิ่นแก้วรอจนรานีจอดรถเรียบร้อยแล้วก็เปิดประตูก้าวลงไปร้องตะโกนเสียงดังไปทางห้องๆ หนึ่งด้านหน้าโรงงานที่รานีเดาว่าคงเป็นส่วนที่ทำเป็นออฟฟิศ
เสียงของกลิ่นแก้วดังพอๆ กับเสียงเจ้าสี่ขาตัวโตของบ้านที่เห่าเสียงขรมเพราะไม่คุ้นกับรถของรานี แต่พอเห็นเจ้านายก็กระดิกหางดีใจวิ่งเข้าหา ชาวบ้านและคนงานหน้าโรงงานยิ้มกว้างส่งเสียงทักเรียกคุณแก้วๆ
เดี๋ยวสิบ๊อบ เฮ้ๆ แม่จ๋า พ่อจ๋า พี่หมอกจ๋า เสียงร้องปรามสุนัขพันธ์ลาบาดอร์ รีทรีเวอร์สีดำตัวโตสลับเสียงตะโกนเรียกหาคนในครอบครัวของกลิ่นแก้วทำเอารานีส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ แล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นเพื่อนวิ่งเข้าไปกระโดดกอดชายหนุ่มร่างสูงที่เดินออกจากห้องที่รานีคิดว่าเป็นสำนักงาน
เสียงหัวเราะของกลิ่นแก้วก็ดังประสานกับเสียงหัวเราะของชายหนุ่มคนนั้นก่อนที่ชายหญิงสูงวัยอีกสองท่านจะตามมาสมทบ
รานีได้แต่ก้าวลงจากรถไปยืนห่างๆ มองเพื่อนที่โผเข้าหาพ่อและแม่หลังจากยกมือไหว้เรียบร้อย
ไปไงมาไงเนี่ยแก้ว มาไม่บอกไม่กล่าว เสียงนุ่มๆ ของเขาทำเอารานีนึกถึงคำร้องของเพลงที่เธอเพิ่งเขียนเสร็จและส่งอีเมล์ไปให้พี่โปรดิวเซอร์เมื่อสองคืนก่อน
..พ่อนักร้องหนุ่มคนที่จะมาร้องเพลงของเธอจะเสียงนุ่มชวนฝันอย่างนี้ไหมน้า..กลิ่นแก้วเล่าแต่ว่าพี่หมอกเท่ห์อย่างนั้น ดีอย่างนี้ แต่ไม่ยักกะบอกว่าเสียงนุ่มน่าฟัง..
จะกลับบ้านตัวเองต้องบอกด้วยเหรอ ว่าแต่พี่หมอกก็เหมือนกันแหละ ทำไมคราวนี้หนีสาวๆ บางกอกกลับบ้านขึ้นเหนือมาได้ล่ะ
อยากกลับบ้านเฉยๆ นี่ล่ะ ว่าแต่เราพาใครมา
ตายจริง พ่อคะ แม่คะ พี่หมอก นี่เพื่อนของแก้ว..รานีค่ะ กลิ่นแก้วแนะนำในขณะที่รานียกมือไหว้เรียบร้อย
สวัสดีค่ะ
นีจะมาพักกับเราค่ะ แก้วจะพานีเที่ยวให้รอบแม่ฮ่องสอนเลยล่ะ
งั้นก็ไม่ได้กลับมาอยู่บ้านน่ะสิเรา มาเที่ยวชัดๆ สายหมอกล้อน้องสาวในขณะที่สายตาของเขามองตรงมาที่รานี ร่างสูงใหญ่เอาการของเขากับแววตาคมนิ่งดึงดูดใจรานีอย่างประหลาด
..ตาสวย นอกจากเสียงนุ่มแล้วพี่ชายของเพื่อนสนิทของเธอคนนี้ตาสวยเอามากๆ แต่เธอว่าแววตาที่เขามองเธอมันแปลกๆ อยู่นา..
มากันเหนื่อยๆ เอาของขึ้นบ้านพักผ่อนกินข้าวกันก่อนดีไหมลูก แล้วนี่ขับรถมากันเองเหรอเนี่ย เก่งจริงนะ ทางมาแม่ฮ่องสอนไม่ค่อยง่ายหรอกนะลูก
ไม่ยากหรอกค่ะ เพราะไม่มีคนกวนให้เสียสมาธิ รานีบอกคุณแม่ของกลิ่นแก้ว
หลับตลอดทางแน่ๆ ไม่งั้นไม่ใช่ยัยแก้วตัวจริง สายหมอกล้อทำเอากลิ่นแก้วค้อนเข้าให้ในขณะที่ทุกคนหัวเราะ
ไปๆ ลูก แก้วพาเพื่อนเข้าบ้านไปก่อน แม่จะไปดูกับข้าวกับปลาให้ แม่ของกลิ่นแก้วไล่ แล้วสองสาวก็เดินกลับไปที่รถของรานี
ส่วนใหญ่ของแก้วแน่ๆ เสียงของสายหมอกที่ดังใกล้ทำเอารานีแทบสะดุ้ง
..ก็ใครมันจะนึกว่าเขามายืนข้างหลังใกล้ขนาดนี้ล่ะ.. มือใหญ่ที่เอื้อมมาดึงถุงของที่รานีช่วยหิ้วให้กลิ่นแก้วทำให้หญิงสาวนึกขอบคุณในใจ ..เขาคงตั้งใจมาช่วย..
ของฝากทั้งนั้นแหละน่า ใครจะไปเหมือนพี่หมอก กลับบ้านไม่เคยมีอะไรติดไม้ติดมือมาฝากใครๆ เขามั่งเลย กลิ่นแก้วบ่นพร้อมกับเดินนำพี่ชายและเพื่อนเดินอ้อมโรงงานไปอีกด้านหนึ่ง
บ้านของกลิ่นแก้วอยู่ด้านข้างค่อนไปทางด้านหลังของโรงงาน รานีมองบ้านไม้หลังใหญ่ที่ตั้งบนไหล่เขา ด้านหนึ่งเป็นระเบียงยื่นออกไปมองเห็นธารน้ำไหลด้านล่างแล้วเธอก็ยิ้ม
..บ้านสวย เวลาหมอกลงจัดจนมองไม่เห็นอะไรคงเหมือนลอยอยู่กลางหมอก
ถุงของวางไว้ข้างนอกก่อนก็ได้พี่หมอก เดี๋ยวแก้วพานีเอากระเป๋าไปเก็บในห้องก่อน แล้วจะมาจัดการแบ่งเอง เสียงของกลิ่นแก้วทำให้สายหมอกพยักหน้าแล้วก็ทำตามที่น้องสาวบอกแต่โดยดี
บ้านของกลิ่นแก้วเปิดโล่ง ขึ้นลงทางบันไดริมระเบียงที่ยื่นออกไปจากไหล่เขา ซึ่งเมื่อขึ้นบันไดไปแล้วจะเห็นว่าแบ่งเป็นห้องสามห้อง เรียงกันเป็นรูปตัวยูโดยที่ตรงกลางระหว่างตัวยูเป็นยกพื้นที่มีประตูบานเฟี้ยมที่ตอนนี้เปิดโล่งอยู่โดยรอบ
รานีเดินตามกลิ่นแก้วพร้อมกระเป๋าเป้ใบใหญ่ของเธอไปหยุดที่หน้าห้องๆ หนึ่งแล้วก็ก้าวตามเข้าไป กลิ่นแก้ววางข้าวของลงแล้วเดินไปเปิดหน้าต่างสามสี่บานในห้องจนหมดในขณะที่รานีวางกระเป๋าลงบ้าง
เหนื่อยไหม อยากอาบน้ำแล้วนอนสักงีบก่อนไหมนี
ขอล้างไม้ล้างมือก็พอ
งั้นดูแลตัวเองนะ แก้วจะออกไปแบ่งของก่อน กลิ่นแก้วบอกรานีที่พยักหน้าให้แล้วก้าวออกจากห้องไปรวดเร็วพร้อมรอยยิ้มสองแก้มทิ้งให้รานีจัดการกับตัวเอง
จากคุณ :
samita
- [
29 มี.ค. 49 13:30:27
]