อ่านแล้วช่วยคอมเม้นท์ด้วยนะคะ
หน้าใหม่ค่ะ ^_^
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฏหมายนะคะ
ครั้งที่ ๑
มาท่านเดียวเหรอครับ แล้วคุณ... คนถามก้มมองกระดาษในมือครู่หนึ่งก่อนเอ่ยชื่อนั้นออกมา คุณทันฟ้าหละครับ?
แทนฟ้าค่ะ อ่านว่าแทนฟ้า คือ...เค้าไม่สบายหนะค่ะ ไปไม่ได้แล้ว ฉันตอบเบาๆโดยไม่สบตาคนถาม แต่ดูเหมือนคนข้างหน้าก็ไม่ได้ใส่ใจจะซักถามอะไรเพิ่มเติมนัก ย่อร่างสูงๆ ลงเพื่อผูกป้ายติดกระเป๋าให้ฉันก่อนยื่นพาสปอร์ตที่เสียบเอกสารผ่านเข้าเมืองและบัตรโดยสารไว้ให้ หลังจากอธิบายว่าต้องเซ็นเอกสารตรงไหนบ้างแล้ว เขาก็นัดหมายเวลาให้ฉันไปเจอที่ประตูขึ้นเครื่อง...
ฉันได้ที่นั่งริมหน้าต่าง..จริงๆ ฉันไม่ชอบนักหรอกนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องนั่งไปเกือบๆ ห้าชั่วโมง กว่าจะถึงปลายทางอย่างนี้ เพราะฉันเองนับได้ว่าเป็นคนขี้เกรงใจ การนั่งตรงริมหน้าต่างนี้ หากต้องการไปเข้าห้องน้ำก็ต้องคอยบอกคนที่นั่งข้างๆ ให้ลุกไปจากที่นั่งก่อน แต่ถ้านั่งริมทางเดิน ฉันก็สามารถจะพาตัวเองไปไหนมาไหนหรือเดินเหินไปโน่นมานี่ได้สะดวกโดยไม่ต้องกังวลกับการต้องให้คนอื่นลุกขึ้นเพื่อตัวเองอยู่บ่อยๆ แต่เอาเถอะ...เค้าจัดให้ฉันนั่งนี่ ฉันก็ต้องนั่งหนะแหละนะ...
ความมืดมิดเหนือน่านฟ้าทำให้ฉันมองไม่เห็นปุยเมฆ - -แต่นั่นก็ไม่สำคัญนักหรอก เพราะตอนนี้ฉันกำลังคิดถึงคนๆ หนึ่งที่ควรจะได้มานั่งข้างๆ กัน ทว่าก็กลับไม่มา- -คนเจ้าทิฐิขี้โมโหคนนั้น ให้ตายเถิด...ฉันไม่คิดว่าเขาจะไม่ไปเที่ยวกับฉันจริงๆ ทั้งที่เราตั้งใจจะไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกันแค่สองคนโดยไม่มีเพื่อนไปด้วยเป็นโขยงเป็นครั้งแรกแท้ๆ
ฉันถอนหายใจยาวเมื่อคิดถึงเรื่องที่ทำให้เราไม่ได้มาเที่ยวด้วยกัน
ถ้าถามฉัน--เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องเล็กเกินกว่าที่ฉันจะยอมรับผลของมันได้ เพราะสาเหตุที่เขาโกรธฉันก็เนื่องมาจากการที่ฉันพยายามตื๊อให้เขาไปหาพ่อกับแม่ฉันที่ต่างจังหวัดก่อนเราจะไปเที่ยวด้วยกันแค่เท่านั้น แต่นั่นหละ...มันเป็นความพยายามครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้แล้ว ทว่าวันนั้นดูเหมือนเขาจะอารมณ์เสียมากกว่าปกติ ซึ่งทำให้นอกจากปฏิเสธการไม่ไปหาพ่อกับแม่ฉันแล้ว เขายังปึงปังจากไปพร้อมกับตะโกนว่า ไม่ปง ไม่ไปมันแล้วเกาหลี
แต่ฉันก็ไม่คิดว่าเค้าจะทำตามที่พูดนั้นจริงๆ
จนกระทั่งวันนี้ที่เขาปิดมือถือทั้งวัน ฉันโทร.ไปที่ห้องพักก็ไม่มีคนรับสาย ท้ายที่สุดฉันจึงตัดสินใจมาที่สนามบิน เผื่อว่าเขาจะมา แต่ก็อย่างที่เห็นเมื่อค่ำนี้นั่นแหละ..เขาไม่มา
ฉันบ้ารึเปล่านี่?
อดรำพึงกับตัวเองไม่ได้ ที่จริงแล้วฉันไม่ควรตัดสินใจไปเกาหลีคนเดียวเลย แต่ฉันก็น้อยใจเขานี่นะ น้อยใจที่เขาทำกับฉันอย่างนี้ แล้วฉันอยากให้เขารู้ว่า..ฉันไม่จำเป็นต้องง้อเขาสักเท่าไหร่หรอก ไม่มีเขา...ฉันก็เที่ยวของฉันเองได้
แกสองคนหนะก็ทิฐิแรงพอกันหนะแหละ
เสียงของยายเอ๋ยเหมือนจะดังขึ้นมาทันทีจนฉันต้องลอบถอนหายใจยาวอีกครั้ง ก่อนละสายตาจากวิวมืดมิดนอกหน้าต่าง หันมามองในเครื่องบินเป็นครั้งแรก
คนที่นั่งข้างฉันเป็นเด็กสาวสองคนซึ่งรีบยิ้มให้ฉันทันที ฉันยิ้มตอบและรอยยิ้มนั้นกระมังที่ทำให้สาวน้อยที่นั่งติดกับฉันรีบถามทันที
พี่มากับทัวร์...หรือเปล่าคะ?
ค่ะ
คนเดียวเหรอคะพี่?
จริงๆ มีเพื่อนพี่อีกคนค่ะ แต่เค้าไม่สบาย เลยมาไม่ได้
มิน่าตรงข้างพี่ถึงว่าง นี่น้ำแอบเปลี่ยนที่มาค่ะ ตอนแรกนั่งอยู่สี่สิบห้าดี เจ้าตัวบุ้ยปากไปที่ที่นั่งที่ว่าซึ่งตอนนี้ว่างเปล่า เค้าจัดให้น้ำกะฟางนั่งแยกกันหนะค่ะ ฟางนั่งสี่สิบห้าซี พอดีน้ำเห็นนานแล้วไม่มีใครมานั่งตรงข้างพี่ก็ย้ายมาเลย อ้อ..น้ำชื่อริมน้ำค่ะ
เจ้าตัวตบท้ายคำพูดเจื้อยแจ้วเหยียดยาวนั้นด้วยการแนะนำตัว ตาแป๋วแหววสบตาฉันอย่างเปิดเผย
พี่ชื่อซัมเมอร์จ้ะ
โห..ชื่อเก๋โคตร ริมน้ำหัวเราะอย่างชอบใจก่อนหันไปที่คนข้างๆ ซึ่งท่าทางเป็นสาวน้อยที่ขี้อายกว่า เราว่าชื่อฟ่อนฟางของฟางเก๋แล้วนะ เจอชื่อพี่เค้าไป ชื่อฟางธรรมดาไปเลย
เอ่อ..มันเป็นชื่อเล่นหนะจ้ะ พอดีพี่เกิดกลางฤดูร้อนหนะ ฉันรีบบอก ขณะที่ริมน้ำพยักหน้าหงึกหงักแสดงความเข้าใจ
พี่เคยไปเกาหลียังคะ?
เคยแล้วค่ะ ตอนนั้นพี่ไปกับครอบครัว สัก..สี่ห้าปีได้แล้ว
เป็นไงอ้ะพี่? สวยปะ?
อือม์...ตอนนั้นที่พี่ไปมันฤดุใบไม้ร่วงหนะนะ ก็สวยเลยแหละ ใบไม้สีเหลืองสีแดงเต็มไปหมด อากาศก็แค่เย็นๆ คงไม่หนาวจัดอย่างคราวนี้ พี่เช็คในเว็บไซต์เห็นบอกในโซลก็ศูนย์องศาแล้ว
โห..ศูนย์องศาเลยเหรอ? เจ้าตัวทำหน้าตกใจ จนคนข้างๆ ต้องกระซิบ
เอ่อ..พี่ไฮ่เค้าโทร.ไปบอกเราแล้วแหละ แต่เราลืมบอกน้ำน่ะ
อ้าวเหรอ? หน้าตาเหรอหรานั้นทำให้ฉันอดยิ้มไม่ได้
อืมม์..แต่ศูนย์องศานี่เฉพาะในโซลนะ แต่ตอนเราไปยงเพียงน่าจะหนาวกว่านี้อีก ฉันเอ่ยถึงสกีรีสอร์ทที่เราจะไปในวันที่สองของโปรแกรมเที่ยว ริมน้ำกับฟางเอาโค้ทมาหรือเปล่า?
เอามาค่ะ ลองจอนก็ด้วย พอดีป๊ากับม้าบังคับให้เอามาหนะค่ะ เกือบดื้อไม่เอามาแล้วมั้ยหละ เจ้าตัวแลบลิ้นก่อนยิ้มทะเล้น
แล้วริมน้ำกับฟางมากันสองคนเหรอ?
ค่ะ พยักหน้ารับโดยทันที แหมพี่ซัมเมอร์..น้ำกะฟางหนะเรียนปีสามแล้วนะคะ
น้ำเสียงออกจะโอ่ๆ นั้นทำให้ฉันอดยิ้มขันไม่ได้ แต่ก็ยังต้องใช้เงินพ่อแม่มาเที่ยวหละนะ ฉันนึกในใจแต่ก็ไม่ได้แซวออกไป
แสดงว่าน้ำเก่งนะ ป๊ากะม้าถึงยอมให้มาเที่ยวกันสองคนกะเพื่อนได้เนี่ย
พอดีพ่อแม่ฟางเคยเที่ยวสิงคโปร์กับทัวร์นี้แล้วเค้าบอกว่าทัวร์ดูแลดีหนะค่ะ ก็เลยไม่ห่วง อีกอย่าง... ท้ายประโยคเจ้าตัวลดเสียงลง หัวหน้าทัวร์หนะ รู้จักกะพ่อแม่ฟาง
ประโยคนั้นทำให้ฉันนึกถึงหน้าตี๋ๆ สวมแว่นกรอบใสที่สนามบินทันที
อ๋อ ฉันครางในลำคอ
พี่เค้าชื่อ่ไฮ่ค่ะ ไฮ่ภาษาจีนนะคะ ที่แปลว่าทะเล เสียงอ่อนเบาของฟางเข้ากับบุคลิกสาวหวานของเจ้าตัว ฉันยิ้มตอบให้กับการบอกเล่านั้นก่อนจะถาม
คุณไฮ่เป็นญาติกับฟางเหรอ?
เปล่าหรอกค่ะพี่ พี่ไฮ่เป็นลูกของเพื่อนของแม่ฟางน่ะค่ะ เจ้าตัวยังคงยิ้มอ่อนๆ
เออ..แล้วนี่พี่เค้านั่งไหนเนี่ย ไม่เห็นเลยง่ะ น้ำทักขึ้นมาพลางชะเง้อหา จนฟางต้องสะกิดไหล่เบาๆ
น้ำจะหาพี่เค้าทำไมอ้ะ จะเอาอะไรเหรอ?
ก็เปล๊า แค่อยากรู้เฉยๆ เจ้าตัวตอบหน้าตาเฉย ก่อนหันกลับมาที่ฉัน นี่เค้าจะเสิร์ฟอาหารเปล่าเนี่ยพี่ซัมเมอร์?
คำถามนั้นทำให้ฉันต้องยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมาดู
ไฟลท์ดึกขนาดนี้คงเสิร์ฟรอบเช้ารอบเดียวหนะจ้ะ นี่มันจะตีหนึ่งแล้วนะ
ฮ้า! จริงง่ะ? ริมน้ำอุทานก่อนยกนาฬิกาตัวเองดูบ้าง โห..จริงด้วย! งั้นนอนกันเหอะฟาง เดี๋ยวพรุ่งนี้เพลียเที่ยวไม่สนุกง่ะ นอนกันเหอะพี่ซัมเมอร์
ฉันยิ้มให้กับประโยคชักชวนนั้น ก่อนจะพยักหน้า
จ้ะ นอนกันได้แล้วหละ
ฉันตอบก่อนจะกดปุ่มปรับเบาะให้เอนลงเล็กน้อยอย่างเกรงใจคนข้างหลังก่อนจะหลับตาลง...เอาเถอะอย่างน้อย - - การท่องเที่ยวครั้งนี้ของฉันก็ไม่น่าจะเหงานักหรอกนะ...
จากคุณ :
~แอลกอฮอล์~
- [
3 เม.ย. 49 15:43:18
A:203.156.84.174 X: TicketID:086755
]