ปี Jian’an ที่ 19 214 AD
(28 มกราคม 214 - 16 กุมภาพันธ์ 215)
ในฤดูใบไม้ผลิ ม้าเฉียวขอทหารจากเตียวฬ่อเพื่อที่เขาจะได้นำทัพขึ้นเหนือไปยึดมณฑลเลียงจิ๋ว เตียวฬ่อจึงส่งเขาไปล้อมเขากิสาน
เกียงขิมแจ้งข่าวบอกกับแฮหัวเอี๋ยน แต่ลูกน้องของแฮหัวเอี๋ยนบอกว่าเขาควรรอคำสั่งจากโจโฉ ท่านวุยก๋งอยู่ที่เมือง Ye แฮหัวเอี๋ยนตอบ ซึ่งห่างจากที่นี่เป็นระยะทางไปกลับสี่พันลี้ เกียงขิมและพวกจะถูกโจมตีย่อยยับไปก่อนที่รายงานจะไปถึงท่านโจโฉ การรายงานก่อนเท่ากับว่าไม่สามารถให้ความช่วยเหลือขณะที่พวกเขาต้องการได้
ดังนั้นแฮหัวเอี๋ยนจึงยกทัพไปช่วย ส่งเตียวคับเป็นทัพหน้าพร้อมทหารห้าพันนาย ม้าเฉียวพ่ายแพ้หลบหนีไป
หันซุยอยู่ที่ Xianqin แฮหัวเอี๋ยนวางแผนจู่โจมเขาอย่างฉับพลันเพื่อจับตัวเขา แต่หันซุยหนีไปได้ แฮหัวเอี๋ยนไล่ตามเขาไปถึงเมือง Lueyang เขาอยู่ห่างสามสิบลี้จากตัวหันซุย ขุนนางของเขาต่างต้องการให้เขาไล่จับหันซุย แต่บางส่วนก็แนะนำว่าพวกเขาควรโจมตีชนเผ่า Di แห่ง Xingguo
กองทัพหันซุยนั้นฝึกฝนมาเป็นอย่างดี และ Xingguo ก็มีกำแพงเมืองที่แข็งแกร่ง แฮหัวเอี๋ยนตอบ ถ้าเราโจมตีฝ่ายไหน เราก็อาจจะไม่ได้ชัยชนะก็เป็นได้ ทางที่ดีเราควรโจมตีเผ่าเกี๋ยงที่ Changli คนจำนวนมากของเผ่านี้เข้าร่วมกับกองทัพหันซุย แต่พวกเขาต้องกลับมาช่วยเหลือครอบครัวแน่นอน ถ้าหันซุยปล่อยให้พวกเขากลับมาช่วยครอบครัว หันซุยก็จะเหลือกำลังเพียงน้อยนิด แต่ถ้าหันซุยรวมกำลังกับพวกเขาช่วยเหลือ Changli กองกำลังของเราก็จะสู้กับเขาในสนามรบ เราต้องจัดการเขาได้แน่
แฮหัวเอี๋ยนทิ้งทหารบางส่วนไว้ป้องกันสัมภาระ ส่วนตัวเขานำกำลังเคลื่อนที่เร็วเข้าโจมตี Changli พวกเขาโจมตีค่ายที่ Shaodang เผ่าเกี๋ยงและหันซุยส่งทหารมาช่วยเหลือ
เมื่อเหล่าขุนนางเห็นขนาดของกองทัพหันซุย พวกเขาต้องการสร้างกำแพงไม้และคูเพื่อป้องกัน แต่แฮหัวเอี๋ยนพูดว่า เราเดินทางมาเป็นระยะทางกว่าพันลี้ ถ้าเรายังสร้างกำแพงไม้และขุดคูอีก ทหารของเราต้องเหนื่อยล้าและไม่อาจสู้รบได้ แม้ว่าโจรกบฏจะมีจำนวนมาก แต่พวกเขาจัดการได้ง่ายดายนัก เขาจึงตีกลองศึก แล้วกองทัพหันซุยก็พ่ายแพ้ยับเยิน
แฮหัวเอี๋ยนนำทัพไปล้อม Xingguo อ๋อง Qianwan หนีไปหามม้าเฉียว ทหารที่เหลืออยู่ในเมืองของเขาล้วนยอมจำนน แฮหัวเอี๋ยนจึงนำทัพไปโจมตี Gaoping และ Chuge (กลุ่มหนึ่งของชนเผ่าซงหนู) เขาโจมตีทั้งสองกลุ่มพ่ายแพ้ไป
ในเดือนที่สาม มีราชโองการแต่งตั้งวุยก๋งโจโฉให้อยู่เหนืออ๋องทั้งปวง ตราตำแหน่งถูกเปลี่ยนเป็นตราที่ทำจากทองคำประดับด้วยริบบิ้นสีแดงและหมวกสำหรับเดินทางไกล (หมวกสำหรับเดินทางไกลเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของท่านอ๋องในราชสำนักฮั่น tongtian guan เป็นหมวกสูงประมาณ 20 เซนติเมตรมีสายรัดใต้คางและด้านหน้าของหมวกยื่นออกไป)
ในฤดูร้อน เดือนที่สี่ เกิดฝนแล้งขึ้น
ในเดือนที่ห้าเกิดฝนตกหนัก
ก่อนหน้านั้น โจโฉได้แต่งตั้ง จูกวง ให้เป็นเจ้าเมืองโลกั๋ง ตั้งค่ายอยู่ที่ Huan และเริ่มสำรวจพื้นที่เพาะปลูก ลิบองพูดกับซุนกวนว่า แผ่นดินของ Huan นั้นอุดมสมบูรณ์ ทันทีที่พวกเขาเริ่มการเพาะปลูก ศัตรูของเราจะยิ่งทวีความแข็งแกร่งขึ้น พวกเราต้องโจมตีพวกเขาโดยเร็ว
ซุนกวนนำทัพเข้าโจมตีเมือง Huan ขุนนางของเขาต้องการสร้างเนินดินให้สูง และเครื่องยิงเพื่อโจมตีเมือง แต่ลิบองพูดว่า ถ้าเราสร้างเครื่องยิงและเนินดิน ต้องใช้เวลาหลายวันกว่าที่จะเสร็จ ตอนนั้นในเมืองก็เตรียมการป้องกันแล้ว กองทัพช่วยเหลือก็จะมาถึง เราก็จะไม่ประสบผลสำเร็จ ยิ่งกว่านั้น ฝนและน้ำหลากนั้นช่วยให้เรานำทัพมาได้ แต่ถ้าเราทำศึกยืดเยื้อเกินไป น้ำก็จะลดลง แล้วการเดินทางกลับก็จะยากลำบากยิ่งนัก ในความเห็นอันต่ำต้อยของผู้น้อยคิดว่าสถานการณ์เราก็จะอันตรายยิ่งนัก
ขอให้นายท่านจงพิจารณาเมืองให้ดี เมืองนี้ไม่มั่นคงแข็งแรงเท่าไหร่นัก ถ้าเราโจมตีอย่างหนักทุกด้าน เราจะยึดเมืองได้โดยง่าย แล้วเราก็สามารถยกทัพกลับในขณะที่น้ำยังท่วมสูงอยู่ได้ นี่คือแผนที่จะได้ชัยชนะ
ซุนกวนอนุญาตตามแผนของเขา ลิบองเสนอกำเหลงให้นำทหารเข้าโจมตี กำเหลงใช้ตะขอเหล็กดึงตัวเองไต่ขึ้นกำแพงเมืองและเป็นคนแรกที่สามารถเข้าเมืองได้สำเร็จ ลิบองตีกลองศึกด้วยตัวเองและตามโจมตีด้วยทหารที่ฝึกมาเป็นอย่างดี ทหารทั้งหมดกระโจนเข้าสู่การสู้รบ พวกเขาเริ่มโจมตีตั้งแต่รุ่งสาง ก่อนจะถึงมื้อเข้าพวกเขาก็ยึดเมืองได้ พวกเขาจับตัว จูกวง และเชลยศึกชายหญิงหลายพันคน เมื่อเตียวเลี้ยวมาถึง Jiashi เขารู้ว่าเมืองถูกยึดไป เขาจึงยกทัพกลับ
ซุนกวนแต่งตั้งลิบองให้เป็นเจ้าเมืองโลกั๋ง แล้วลิบองก็กลับไปตั้งค่ายที่ Xunyang
ขงเบ้งปล่อยให้กวนอูรักษาการณ์มณฑลเกงจิ๋ว ส่วนตัวเขานำเตียวหุยและจูล่งนำทัพเข้ายึด ปาต๋ง เมื่อพวกเขามาถึง Jiangzhou พวกเขาโจมตีและจับตัวเงียมหงัน เจ้าเมืองปากุ๋น
เตียวหุยตะโกนใส่เงียมหงันว่า เมื่อกองทัพใหญ่มาถึง ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมจำนนแต่โดยดี เหตุใดจึงกล้าต่อสู้กับพวกเรา
เจ้าคนชั่ว เงียมหงันตอบ เจ้ามาบุกรุกมณฑลของเรา แต่มณฑลของเรานั้นมีแต่แม่ทัพที่ยอมตาย ไม่มีแม่ทัพคนใดที่ยอมจำนน
เตียวหุยโกรธมากสั่งให้ลูกน้องของเขานำตัวเงียมหงันไปตัดหัว เงียมหงันมีสีหน้าเป็นปกติพูดว่า ตัดหัวก็คือตัดหัว เหตุใดจึงต้องเอะอะโวยวาย เตียวหุยได้เห็นความกล้าหาญของเงียมหงันจึงปล่อยตัวเขาและรับรองเขาเหมือนเป็นแขก
จูล่งถูกส่งไปที่แม่น้ำสายนอกเพื่อยึด Jiangyang และ เจียนเว่ย ในขณะที่ เตียวหุยยึดปาเส และ Deyang
เล่าปี่ล้อมเมือง Luo นานกว่าหนึ่งปี บังทองถูกลูกธนูได้รับบาดเจ็บจนตาย (ตามประวัติส่วนตัว บังทองตายในการนำทหารเข้าโจมตีเมือง)
หวดเจ้งเขียนจดหมายไปหาเล่าเจี้ยง อธิบายสถานการณ์แล้วพูดว่า ตั้งแต่ท่านแม่ทัพซ้าย(เล่าปี่)ได้รวบรวมผู้คนตั้งกองทัพ เขามักจะคิดถึงท่านในด้านดีอยู่เสมอ เขามีความจริงใจหาใช่คนชั่วร้ายไม่ ข้าเชื่อว่าเราสามารถจัดการการโอนอำนาจซึ่งจะยังคงรักษาสถานะของท่านไว้ได้ แต่เล่าเจี้ยงไม่ตอบจดหมายของเขา
เมือง Luo ถูกยึดได้ในที่สุด เล่าปี่นำทัพไปปิดล้อมเฉิงตู ขงเบ้ง เตียวหุยและจูล่งนำทัพไปร่วมกับเขา
ม้าเฉียวเชื่อว่าเตียวฬ่อไม่สนับสนุนในแผนการยึดมณฑลเลียงจิ๋วของเขา เอียวหง และขุนนางคนอื่นของเตียวฬ่อก็อิจฉาเขา เขาจึงเสียกำลังใจมาก
เล่าปี่ส่ง ลิอิ๋นผู้สอบสวนของ Jianning ไปเจรจากับม้าเฉียว ดังนั้นม้าเฉียวจึงหลบหนีจาก Wudu มายังดินแดนของชนเผ่า Di แล้วเขียนจดหมายหาเล่าปี่ ขอสวามิภักดิ์กับเขา เล่าปี่ส่งคนไปเรียกตัวเขาเข้าพบ และลอบส่งกำลังทหารให้เขา เมื่อม้าเฉียวมาถึง เขาสั่งการกองทัพของเขาให้ตั้งค่ายทางเหนือของเฉิงตู คนในเมืองจึงตกใจและหวาดกลัว
เล่าปี่ล้อมเมืองต่ออีกหลายสัปดาห์ แล้วเขาก็ส่ง กันหยง ให้ไปเจรจากับเล่าเจี้ยง ในเวลานั้นในเมืองยังมีทหารสามหมื่นคนที่ฝีกมาเป็นอย่างดี เสบียงอาหารและเสื้อผ้าอยู่ได้เป็นปี ขุนนางของเล่าเจี้ยงทุกคนต่างเตรียมตัวต่อสู้จนตาย แต่เล่าเจี้ยงพูดว่า พ่อและลูก ครอบครัวของข้าอยู่ที่มณฑลนี้มากว่ายี่สิบปี แม้ว่าเราจะไม่ได้แสดงความเมตตาและความดีงามให้แก่ชาวบ้านได้รับรู้เท่าไหร่นัก แต่เวลานี้พวกเขาเดือดร้อนจากสงครามเป็นเวลากว่าสามปีแล้ว ชาวบ้านล้มตายในสนามรบจำนวนมาก สิ่งเหล่านี้ล้วนเพราะข้าเป็นต้นเหตุ แล้วข้าจะทำใจให้สงบได้อย่างไร ดังนั้นเล่าเจี้ยงจึงเปิดประตูเมืองและขึ้นรถม้าพร้อม กันหยง เพื่อไปยอมจำนน เหล่าขุนนางของเขาล้วนแต่ร่ำไห้เสียใจ
เล่าปี่ย้ายเล่าเจี้ยงไปที่เมือง กังอั๋น คืนทรัพย์สินทั้งหมดของเขา และอนุญาตให้เขาใช้ตราและพู่ประจำตำแหน่งของแม่ทัพผู้น่าเกรงขาม (ยศก่อนหน้าของเล่าเจี้ยงที่ได้รับจากโจโฉ)
เมื่อเล่าปี่เข้าเมืองเฉิงตู เขาจัดงานเลี้ยงฉลองสำหรัรบกองทัพของเขา เขานำเงินทองของเมืองจ๊กมาแจกจ่ายให้กับลูกน้องของเขาเป็นรางวัล ส่วนเสบียงอาหารและเสื้อผ้าเขาคืนให้กับเจ้าของเดิม
แล้วเล่าปี่ก็ยึดตำแหน่งผู้ปกครองมณฑลเอ๊กจิ๋ว เขาแต่งตั้งขงเบ้งเป็นแม่ทัพใหญ่ควบคุมกองทัพ ตั๋งโหเจ้าเมืองเอ๊กจิ๋วเป็นแม่ทัพสุภาพชนผู้จัดการกองทัพ และเป็นขุนนางในสังกัดของแม่ทัพซ้าย
แม่ทัพรองม้าเฉียวกลายเป็นแม่ทัพผู้ปราบปรามตะวันตก ขุนพลที่ปรึกษากองทัพหวดเจ้งกลายเป็นเจ้าเมืองจ๊กและแม่ทัพผู้แสดงความมั่นคง แม่ทัพรองฮองตงกลายเป็นแม่ทัพผู้ปราบคนชั่ว และขุนนางบริหารกิจทั่วไปบิต๊กกลายเป็นแม่ทัพผู้นำความสงบสู่ราชสำนักฮั่น
กันหยงกลายเป็นแม่ทัพผู้เปล่งประกายความดี ซุนเขียนเป็นแม่ทัพผู้สนับสนุนความซื่อสัตย์ อุยก๋วน นายอำเภอ เกงฮัน กลายเป็นแม่ทัพรอง เคาเจ้ง เป็นหัวหน้าขุนนางของแม่ทัพซ้าย บังยี่ เป็นนายพัน ลิเงียมเป็นเจ้าเมืองเจียนเว่ย อุยหวนเป็นเจ้าเมืองปากุ๋น อีเจี้ยเป็นขุนนางบริหารกิจทั่วไป เล่าป๋า เป็นขุนนางผู้ใหญ่ในสังกัดตะวันตก แพเอี้ยวเป็นขุนนางประจำจวนที่ว่าการมณฑลเอ๊กจิ๋ว
จากคุณ :
kazama
- [
5 เม.ย. 49 20:54:57
]