= = = = = ส่วนเสี้ยวแห่งความทรงจำ = = = = =
ท่ามกลางผู้คนมากมายที่เดินตามทางเท้าที่ทอดยาวขนานกับถนนที่คลาคล่ำไปด้วยรถ ควันพิษถูกพ่นออกจากท่อไอเสียล่องลอยเป็นหมอกสีเทาขึ้นสู่เบื้องบน
อากาศร้อนอบอ้าวส่งให้เม็ดเหงื่อผุดพราวบนดวงหน้าของสาวน้อยในชุดนักศึกษาซึ่งกำลังเร่งฝีเท้าเมื่อได้ยินเสียงฟ้าคำรามไล่
ไม่ถึงอึดใจหยาดฝนก็พร่างพรมลงมา ทั้งที่เมื่อไม่กี่นาทีแสงตะวันยังแผดกล้า หญิงสาวมุ่ยหน้าบ่นพึมถึงอากาศที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ก่อนจะเริ่มออกวิ่ง ตึกสูงระฟ้าอันเป็นที่พำนักตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าคือจุดหมาย
กว่าจะพาตัวเองเข้ามาสู่ห้องพักชุดนักศึกษาก็เปียกชื้นแนบร่าง หลังจากผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า อุษณีษ์ก็หันไปเปิดวิทยุ ดีเจหนุ่มเสียงใสกำลังคุยต่อรองกับหญิงสาวที่โทรศัพท์เข้าไปขอเพลง เงื่อนไขที่ดีเจหนุ่มสร้างขึ้นแลกกับการเปิดเพลงตามที่หญิงสาวร้องขอทำให้อุษณีษ์อมยิ้ม
และหลังจากบ่ายเบี่ยงไม่ยอมทำตามอยู่สองสามคำ เสียงร้องของสารพัดสัตว์ก็ดังขึ้น เสือ ม้า กบ ไก่ และสุดท้าย ดีเจอยากฟังเสียงฝน เสียงโอดโอยของหญิงสาวดังแทรกแซมเสียงหัวเราะอย่างเป็นต่อของดีเจ และในที่สุด เสียงซ่าของสายฝนโปรยปรายก็ตามมา
วันที่สุขและสวยงาม มีเธออยู่ตรงนี้ และเธออยู่กับฉัน จะคอยอยู่เคียงข้างกัน.... เพลงวันที่สวยงามโดยการการร้องของนภ พรชำนิ จบไปนานแล้ว
เสียงสปอร์ตโฆษณาดังเจื้อยแจ้วมาแทนที่ การประชาสัมพันธ์การประกวดประชันในการหานางแบบนายแบบ สถาบันติวเตอร์การันตีผลงานของตนที่ส่งเด็กสาวเด็กหนุ่มให้แก่งแย่งที่นั่งในรั้วมหาวิทยาลัยของรัฐได้สำเร็จ หญิงสาวถอนหายใจเดินไปปิดวิทยุและก้าวไปเปิดหน้าต่างรับเสียงฝนเสียงฟ้าแทน
อุษณีษ์ยังยืนเกาะขอบหน้าต่าง ทอดสายตาผ่านราวระเบียงไปยังท้องถนนเบื้องล่าง ถนนยังเต็มไปด้วยรถหลากสีหลายยี่ห้อร่วมด้วยช่วยกันพ่นควันสีเทา ผู้คนกำลังแก่งแย่งกันขึ้นรถเมล์เพื่อที่จะได้กลับไปพักผ่อนที่บ้านและเก็บแรงไว้ฟาดฟันกับวิถีชีวิตชาวกรุงในวันรุ่งขึ้น
วิถีชีวิตของชาวเมืองฟ้าอมร ! แวบหนึ่งที่รอยยิ้มเยาะหยันฉายวาบบนดวงหน้าขาวอ่อนใส อีกครั้งที่หญิงสาวถอนหายยื่นมือออกไปดึงบานหน้าต่างปิด ทิ้งสภาพจอแจและเสียงแตรรถบางคันที่ดังราวจะประกาศศักดาความเป็นเจ้าถนน
มือขาวอวบคว้ารีโมทเครื่องปรับอากาศมากด หยาดฝนจากฟากฟ้าที่พรมพร่างลงกลางเมืองกรุงนำความชื้นแฉะ เหนอะเหนียว ก่อความขุ่นมัวขึ้นในอารมณ์ของชาวเมือง มิได้นำความชุ่มชื้น ร่มเย็นดับความรุ่มร้อนเหมือนดังที่เกิดขึ้นกับชาวป่า
ดวงตายาวรีกวาดตามองไปยังชั้นหนังสือข้างเตียง สองชั้นแรกเป็นหนังสือสีสันสดใสแสบสันด้วยเป็นนิยายแนวกุ๊กกิ๊กสมวัยผู้อ่าน ชั้นถัดลงมาโทนสีจากสันหนังสือเรียบ ขรึม สงบ เย็นตา ด้วยชั้นนั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวของขุนเขา แมกไม้ ชายป่าและสิงห์สาราสัตว์
หนังสือในชั้นนี้เองที่ไม่ว่าผู้เขียนจะเป็นใคร หากหยิบมาเปิดอ่านจะเห็นชื่อชายหนุ่มผู้หนึ่งอยู่เสมอ บางเล่มเป็นผู้เก็บข้อมูล บางเล่มเป็นผู้ถ่ายภาพ หญิงสาวดึงหนังสือ ย่ำเท้าเข้าป่า โดย...นายฟ้าคราม ออกมาจากชั้น เดินไปเอนตัวนอนบนเตียง
ผมหลงรักสีเขียวครึ้มของแมกไม้ หลงใหลเสียงของสายลมที่พัดพลิ้วผ่านยอดไม้ ชอบที่จะถูกปลุกด้วยนกตัวน้อยที่ส่งเสียงผ่านบานหน้าต่างที่เปิดกว้างก่อนที่มันจะขยับปีกโผขึ้นสู้ห้วงฟ้าสีคราม
ผมรักที่จะสัมผัสความเย็นฉ่ำของสายน้ำขาวพร่างที่เดินทางจากโขดหินสูงไหลลงสู่พื้นเบื้องล่างจนแตกซ่านกระเซ็นเป็นฝอย
และผมเกลียดความจอแจ พลุกพล่านของสังคมเมืองและนั่นคือจุดพลิกผันที่ทำให้ผมต้อง ย่ำเท้าเข้าป่า
หญิงสาวปิดหนังสือในมือลง และรู้สึกราวกับวันเวลาเก่าๆได้หมุนย้อนมาอีกครั้ง
เสียงหนุ่มสาวตะโกนโหวกเหวกอยู่หน้าคณะ บางคนหอบเป้ หอบกระเป๋าเดินขึ้นรถบัสคันยาวที่มีตราประจำมหาวิทยาลัย หนุ่มสาวแต่ละคนมีป้ายชื่อคล้องคอ
พอๆเลยไอ้อ้อ แกจะนั่งซึมไปถึงโคราชเลยหรือไงวะ ปรางยกมือขึ้นโอบไหล่เพื่อนสาว
โอ๋ๆ...ขวัญมานะ ปล่อยไอ้หนุ่มหน้าตี๋นั่นไปเถอะ ไปทริปคราวนี้แกอาจพบหนุ่มหน้าตี๋คนใหม่ แก้มยุ้ย ผิวขาว หน้าตาถอดแบบมาจากพี่โต๋ที่แกชอบก็ได้นะอ้อ หญิงสาวอีกคนยกมือลูบผมเพื่อนเจตนาล้อเลียนมากกว่าปลอบประโลมอย่างจริงจัง
ฉันไม่ได้ออกทริปเพื่อหาแฟนนะเว้ย อุษณีษ์ปัดมือเพื่อนออกขึงตาใส่ ทว่าสองสาวกลับหัวเราะ
ไม่หวังสักนิดเลยเหรอ ทริปนี้ใครๆก็รู้ คนฟังต้องปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ทริปหาแฟน พี่ๆน้องๆในชมรมเรียกกันอย่างนี้ ไม่ว่าจะออกค่ายที่ไหน ใกล้ไกลดูเหมือนจะมีสมาชิกในค่ายไม่น้อยที่ไปอย่างโสดสนิท เดินเดี่ยวเดียวดาย แต่กลับมาเป็นคู่มีคนเดินตามเป็นเงา
เสียงเพลงดังลั่นรถไล่มาตั้งแต่ลูกกรุง ลูกทุ่ง ไปจนถึงอินดี้ที่กำลังฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมืองแต่ไม่เคยร้องจนจบสักเพลง บรรยากาศสนุกสนานเฮฮาก็เหมือนออกทริปทุกครั้ง อุษณีษ์ยึดที่นั่งติดหน้าต่างมองฝ่าเปลวแดดไอร้อนของแสงตะวันไปยังสองข้างทาง
จากคุณ :
อุณากรรณ
- [
วันจักรี 14:30:34
]