19-2-49
เมื่อกลับจากศาลีอโศก ก็มีข่าวออกมาว่า ลุงจำลองแถลงการต่อสื่อมวลชนว่า ชาวอโศกในนามกองทัพธรรมร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอให้ทักษิณลาออก พ่อท่านและลุงจำลองก็มีนักข่าวทั้งวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ โทรมาขอสัมภาษณ์กันยุ่งไปหมด
22-2-49
กลางดึก เวลา 01.55 น. ขณะที่ทุกคนกำลังหลับสบาย ก็ได้ยินเสียงบึ้งดังสนั่นหวั่นไหว ทุกคนที่นอนอยู่ห้องเดียวกัน ลุกขึ้นมาด้วยความตกใจ เดินไปส่องตามหน้าต่างว่ามันเกิดอะไรขึ้น น้องชายที่นอนอยู่ชั้นบน ตะโกนว่า ไฟสปอร์ตไลท์พระวิหารระเบิดแล้ว เพราะมองเห็นควันไฟในความมืดลอยขึ้นไปในอากาศ เมื่อไม่รู้ว่าอะไร ฉันก็กลับไปนอนต่อ รุ่งเช้าจึงได้รู้ว่า สันติอโศกโดนระเบิด น้องที่รู้จักกันโทรมาหาแต่เช้า แต่ตอนนั้นยังไม่ตื่นเลยไม่รับสาย จนน้องชายโทรมา จึงรับ แม่ก็เป็นห่วง เพราะเรานอนที่ทำงานในคืนนั้น แล้วที่ทำงานก็อยู่ละแวกเดียวกันกับสันติอโศกเลย
7 โมงเช้าฉันออกไปเดินสำรวจสถานที่เกิดเหตุ ตำรวจประมาณ 10 นายเดินอยู่เต็มไปหมด รวมทั้งนักข่าวเพียบ สถานที่เกิดเหตุอยู่ในที่เปิดเผย บริเวณหน้าศาลาสุขภาพ เป็นปูนที่เทรอบต้นไม้ที่ทำเป็นที่นั่ง ด้านบนปูหินอ่อน ระเบิดถูกวางอยู่ใต้นั้น แรงระเบิดทะลุขึ้นมาจนปูนและหินอ่อนแตกกระจายเป็นรูกว้างประมาณเกือบเมตรหนึ่ง ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ จะมีก็แต่กระจกของบ้านบริเวณนั้นจะแตกหมดเพราะแรงระเบิด บริเวณนั้นใช้เป็นที่กลับรถด้วย เนื่องจากเป็นซอยตัน
มีคนเล่าว่า มีอาท่านหนึ่งพักที่ศาลาสุขภาพ นอนติดหน้าต่างพอดี แรงระเบิดทำให้กระจกแตกกระจายเลยออกไป โชคดีมาก ๆ นะ
ตอนกำลังดูที่เกิดเหตุอยู่นั้น มีป้าคนหนึ่งพูดเป็นมุกว่า เนี่ยเขากลับรถไม่สะดวก เลยมาระเบิดซะเลย ฮา
.
ตอนเย็นพี่โน่โทรมาถามข่าวจากศรีสะเกษ ก็เลยบอกไปว่า ปลอดภัยดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
25-2-49
ตอนบ่ายมีการวางแผนการเดินขบวนไปสนามหลวง ว่าเราจะเดินจากไหนไปไหน จะมีกิจกรรมอะไรบ้าง มีความเห็นให้เดินธรรมญาตรา ดูน่าตื่นเต้นดีจัง ตอนค่ำพอนายกทักษิณประกาศยุบสภา พ่อท่านเรียกประชุมด่วนทันที นักข่าวพรึ่บเต็มไปหมด มาจากไหน รวดเร็วยังกะปรอทเลยแฮะ นึกว่าไม่ต้องไปกันแล้ว แต่ก็มีมติให้ไป ว่าไงว่าตามกัน
ในความรู้สึกของฉันก็คือ เราไปเพื่ออหิงสา สันติ ไปเพื่อบอกให้ทักษิณรู้ว่า มีคนรู้นะ ว่าคุณทำผิด คุณควรลาออก เราไปเพื่อลดความรุนแรง ตรงจุดนี้ฉันคิดว่า มันสำคัญมาก ๆ นะ ฉันไม่ชอบจริง ๆ ถ้าต้องไปฟังใครด่าใคร ชอบนักวิชาการพูด ดูมีเหตุมีผล ไม่ต้องทำหน้าตาซีเรียส ชอบจังเลย แบบว่า ดูดีอ่ะ ไม่ได้ใช้อารมณ์
26-2-49
วันนี้บริษัทของเราปิดเวลา 10 โมงเช้า พวกเราเริ่มทยอยออกเดินทางมุ่งหน้าสู่สนามหลวงเวลา 11 โมงเช้า มีรถบัส 5 คัน รถ 6 ล้อ และรถอื่น ๆ อีก ฉันวิ่งมาถึงปั๊มแก๊สจุดขึ้นรถ รถกำลังทยอยกันวิ่งออกไป ฉันขึ้นไม่ทัน แต่โชคดีมีรถอีกคันเป็นรถเก็บตก โทรตามน้องชายเรา เพราะเขาบอกจะไปด้วยกัน เกือบตกรถเหมือนกันซะแล้ว มีนักข่าวขึ้นมาด้วยนะ 1 คน หน้าตาไม่คุ้น
มียายคนหนึ่งอายุ 60-70 ปี บอกว่า มานี่ไม่บอกทางบ้านเลย กลัวเขาไม่ให้มา
รู้สึกตื่นเต้นจัง เรามาถึงสนามหลวงเวลาประมาณเที่ยงเศษ รถเราต้องวนรถกลับไปที่ถนนราชดำเนิน เพราะหัวขบวนตั้งต้นที่นั่น ทันทีที่ลงจากรถ เสียงเพลงกองทัพธรรมดังกระหึ่ม ฉันรีบมองหาหัวขบวนทันที มองเห็นหัวขบวนนำด้วยพ่อท่านพระโพธิรักษ์ ตามด้วยเหล่าสมณะชาวอโศก คณะญาติธรรม แถวยาวเชียว มีการถือธงชาติ ธงศาสนา ธงนักเรียนสัมมาสิกขาพุทธสถานต่าง ๆ และตามด้วยธงสีน้ำเงิน เห็นขบวนแล้วไม่รู้ทำไมรู้สึกตื้นตันยังไงไม่รู้ เหมือนน้ำตามันรื้นขึ้นมา พวกเราข้ามถนนแล้วเข้าร่วมเดินขบวนด้วย
ญาติธรรมคนอื่นหลายคนถอดร้องเท้าเดิน แต่ฉันไม่เก่งขนาดนั้น เลยใส่รองเท้าเดิน ตอนนั้นเที่ยงกว่า ๆ แต่ฉันมัวแต่ตื่นเต้น แม้ว่าวันนี้ฉันจะไม่ค่อยสบายตั้งแต่เมื่อวาน ท้องไม่ปกติ มีลมอยู่ในท้อง ต้องกินยาหอม เลยยังไม่กล้ากินข้าว ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้าแล้ว เหมือนมีไข้อ่อน ๆ ปวดหัวหนึบ ๆ ตอนนั่งรถมา แต่พอมาถึงมันมัวแต่ตื่นเต้น ลืมหมด ไม่ปวดหัว ไม่หิว ไม่แม้กระทั่งรู้สึกร้อน อิอิ แดดไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่นะ
ประชาชนคนที่อยู่รอบ ๆ ที่เราเดินผ่านยืนมองพวกเราอย่างตะลึงงันด้วยความรู้สึกงง ระคนสงสัย บางคนยิ้มให้ บางคนก็ด่าว่า นอนอยู่บ้านดี ๆ ไม่ชอบ คนถ่ายรูปเยอะมาก ๆ กล้องอะไรไม่รู้เยอะแยะ เต็มไปหมด นักข่าวเยอะมาก รู้สึกว่า ถ่ายไปเยอะแยะเนี่ย จะเอาไปออกหมดเหรอ เห็นเวลาไปออกอากาศ ออกนิดเดียวเอง
พอเดินถึงสนามหลวงก็เข้าเต้นท์ มีคนบอกก่อนจะมาว่า เต้นท์ที่เรากางไว้แต่เมื่อคืนมีใครไม่รู้มาฉี่รดไว้ เหม็นไปหมดเลย เราต้องรีบเอาจุลินทรีย์ไปราด พอไปถึง เขาก็แจกพัด แต่ฉันไม่ได้เอา เพราะรู้สึกว่า ไม่ร้อน ฉันยังทนได้อย่างสบาย แบบว่า มันลืมร้อนอะไรประมาณนั้น อี่ ๆ นักข่าวรอที่นั่นเพียบอีกตามเคย พ่อท่านให้พวกเราหันหน้าไปทางวัดพระแก้ว แล้วนำสวดมนต์ยาวเลย จากนั้นนักเรียนสัมมาสิกขานำร้องเพลงคนสร้างชาติ ตามด้วยเพลงกองทัพธรรม มีคนทั้งหมดประมาณ 2 พันคนได้นะ ฉันโทรบอกน้องชายให้เอาหมวกมาให้ด้วย เขาดันเอาหมวกสีแดงแป๊ดมาให้ แล้วใครจะไปกล้าใส่ล่ะ ไม่เคยใช้อะไรสีแดงนี่นา ไม่ชอบเด่นอ่ะ น้องชายบอกว่า ถ้าหลงกันจะได้มองหาง่าย อืม
มีเหตุผลแฮะ
ตอนบ่ายโมงกว่า ฉันกับน้องก็ไปเดินหาอะไรกินกัน ฉันถามน้องชายว่า ตอนเห็นขบวบของพวกเรารู้สึกตื่นเต้นเหมือนกันไหม น้องชายตอบว่า รู้สึกเหมือนกัน ตอนนั้นฉันคิดว่า เรามีความรู้สึกว่าเป็นชาวอโศกจริง ๆ มีความรู้สึกร่วมกับสิ่งที่เราร่วมกันทำ
กล้องทีวีเยอะมาก มากันหลายช่องเลย มีนักข่าวมาสัมภาษณ์พ่อท่านกับลุงจำลองเยอะมาก อยู่ ๆ ก็มีหนุ่มน้อยคนหนึ่งใส่เสื้อยืดสีเหลืองเดินตรงเข้ามาเพื่อสวัสดีลุงจำลองอย่างสุภาพ ฉันมองเห็นเขา เดาว่า เด็กคนนี้ต้องเป็นเด็กมันธยมที่ออกแถลงข่าวขอให้ทักษิณลาออกแน่ ๆ ที่เขาเรียกกันว่า ขาสั้น แล้วก็จริง ๆ ด้วยนะ
ประมาณ 4 โมงเย็น เต้นท์ของพวกเราก็เริ่มหม่ำอาหารเย็นกัน เวทีใหญ่เริ่มแล้ว เครื่องเสียงของพวกเราสู้ไม่ได้ ก่อนหน้านี้สนธิเดินเข้ามากราบพ่อท่านด้วยนะ ทั้ง ๆ ที่เขาเคยต่อว่าพวกต่อต้านเหล้าเบียร์เข้าตลาดหลักทรัพย์อย่างโน้นอย่างนี้ แหม
..(ละไว้ละกันนะ) มีนักข่าวทยอยเข้ามาสัมภาษณ์พ่อท่านตลอดทั้งในประเทศนอกประเทศเลย ถามแต่คำถามเดิม ๆ นั่นแหละ เช่น เป็นสมณไม่เป็นกลางหรือ มาร่วมอย่างนี้ได้หรือ พ่อท่านตอบว่า ความเป็นกลางคือ ต้องเข้าข้างคนดี ตำหนิคนเลว เหมือนกรรมการตัดสินฟุตบอล มีความเป็นกลางคือ ผิดต้องว่าตามผิด ถูกต้องว่าตามถูก พ่อท่านอธิบายจบ ถามอีกแล้ว ว่าไม่เป็นกลางหรือ? เอ
.เพิ่งอธิบายไปตะกี๊นี้นะ??? สงสารพ่อท่านจัง อธิบายไปก็ไม่ฟัง แถมไม่เห็นเอาไปลงข่าวให้อีกตะหาก ลุงจำลองก็ให้สัมภาษณ์จนเสียงแหบเสียงแห้งแล้ว
ถ้าเมื่อยก็จะออกไปเดินสำรวจผู้คนว่าตอนนี้มากันเยอะขนาดไหนแล้ว ไปดูนักข่าวไอทีวีถ่ายทอดสด ว่าเขาทำกันยังไง เห็นคนไปมุมดูเต็มไปหมด นึกว่าไปมุงอะไรกัน และนักข่าวคนนี้ก็เป็นข่าวในวันรุ่งขึ้น
ในงานจะมีลูกโป่งเป็นรูปปลาหมึกรูปหน้าเหลี่ยมใส่หนวดของทักษิณ น่ารักดี เวลามันลอยลม บางคนทำมันหลุดมือไป ลอยไปกับสายลม ดูแล้วตลกดี น่ารักดีจัง
ประมาณ 20.15 น. ตอนนี้หลายคนก็หลับไปแล้วครับท่าน นั่งไปได้ซักพักต้องออกไปเดินสำรวจผู้คนอีกรอบ แล้วก็กลับมานั่งใหม่ แบบว่า ไปไหนไม่ค่อยได้นาน เพราะเหม็นบุหรี่มาก ๆ เฮ้อ
.. ไม่เห็นใจคนอื่นที่เขาไม่สูบกันบ้างเลย ฉันกำลังจะออกไปสำรวจอีกรอบ เดิน ๆ ไปแถวรถปั่นไฟ อยู่ ๆ มองเห็นควันสีขาวโขมกเลย ลอยขึ้นไปบนฟ้า เฮ้ย!! มันเกิดอะไรขึ้นหว่า รีบชี้ให้น้องชายดู สักพักเริ่มมีสะเก็ดไฟ ไฟเริ่มลุก แล้วรีบถอยไปแอบดูหลังรถ หลังต้นไม้ กะว่า ถ้าระเบิดก็คงจะรอด อิอิ เห็นเจ้าหน้าที่รถ รีบเปิดฝาของรถออก คนหนึ่งปีนขึ้นไปบนหลังคา เพื่อปลดสายไฟ เจ้าหน้าที่อีกคนรีบเอาที่ดับเพลิงฉีดทันที แต่เหมือนกับว่า เอาไม่อยู่ เจ้าหน้าที่ก็วิ่งเหมือนกัน
แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ อยู่หลังเต้นท์ของชาวอโศกด้วยสิเนี่ย
.
เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบรุดมาควบคุมสถานการณ์ทันที รีบกันคนออก ตำรวจก็ตะโกน ออกไปก่อนครับ ๆ เดินไปถึงแผงรั้วที่กั้นไว้ ตำรวจแถวนั้นบอก ปีนออกไปเลยครับ แต่เราไม่ได้ปีนตาม น้องชายเราปีนออกไปแล้ว แถมพอปีนออกไปแล้ว ก็ไม่หันมามองเล้ย ว่าพี่สาวปีนตามหรือเปล่า แล้วกัน!! ฉันก็เดินไปออกทางออก ตอนนี้หลงกับน้องชายแล้วล่ะ มองหาเขาไม่เห็นแล้ว แต่ซักพักหนึ่งกำลังจดบันทึกอยู่ น้องชายก็มายืนอยู่ข้าง ๆ สักพักรถดับเพลิงก็วิ่งเข้ามาดับเพลิง เหตุการณ์ก็สงบลง
หลังจากนั้นเราก็ขึ้นรถกลับบ้าน มีรถของมนตรีทราบสปอร์ตมารับกลับ โหย
นาน ๆ จะได้ขึ้นรถดี ๆ ฟรี
.ฮี่ ๆ กลับบ้านอย่างปลอดภัย
5-3-49
ตอนเย็นมีนัดรวมพลที่ท้องสนามหลวงอีก บริษัทเราปิดทำการตั้งแต่เที่ยง มีรถไปสนามหลวงรอบบ่าย 2 โมง แต่ฉันคิดว่าจะตามไปสมทบในตอนเย็น ก็เลยนั่งทำงานต่อก่อน โทรติดต่อถามพี่ขวัญว่ามีรถไปอีกไหม โชคดีมากพี่ขวัญหารถให้ มีรถไปอีกตอนบ่าย 4 โมงครึ่ง
พอไปถึงเราก็ไปเดินสำรวจสถานที่และผู้คนเหมือนเดิม คนเยอะทีเดียว ยิ่งค่ำคนก็ยิ่งเยอะ เดินเข้ามาเรื่อย ๆ บางคนก็มาคนเดียว บางคนก็มาเป็นคู่ บางคนก็มาเป็นครอบครัว บางคนก็อุ้มลูกจูงหลานมา ดูแล้วไม่น่ากลัวเลย ตำรวจก็คอยดูแลอยู่รอบ ๆ เป็นจุด ๆ ไป แต่ที่แย่มากก็คือคนที่สูบบุหรี่ แบบว่าสูบจุดเดียวแต่มันแผ่กลิ่นไปรอบบริเวณเลย
ตอน 2 ทุ่ม คณะงิ้วก็มาเล่น ทำให้ตื่นตาตื่นใจ ได้ข่าวมาว่า วันนี้จะมีการกดดันโดยการเคลื่อนขบวนไปอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย กองทัพธรรมไม่ค่อยเห็นด้วยในการเคลื่อนขบวนเท่าไหร่ แถมมีมติให้กองทัพธรรมเดินนำเป็นทัพหน้าด้วย เกรงว่าจะเกิดเหตุรุนแรงได้ แต่กองทัพธรรมเป็นแค่ 1 ใน 20 องค์กร จึงต้องฟังมติของคนส่วนใหญ่ พ่อท่านให้คติพวกเราว่า ยอมให้เป็น เย็นเรื่อยไป ไขความจริงออกมาให้มาก ๆ หมด ๆ
แต่เนื่องจากแม่ฉันไปด้วย แม่อยากจะกลับบ้านแล้ว พวกป้า ๆ ที่ทำงานที่เดียวกันก็จะกลับ เพราะต้องตื่นมาทำอาหารแต่เช้า เราก็เดินตาม ๆ กันออกไปขึ้นรถที่หน้าศาลฎีกา แต่ก็คลาดกันจนได้ หากันไม่เจอ ทีมเราไปถึงหน้าศาลฎีกาก่อน มีรถเมล์สาย 60 มาพอดี พวกเราจึงรีบขึ้น รถเคลื่อนไป เห็นทีมที่คลาดกัน แต่รถไม่จอดรับ เลยไม่ได้กลับด้วยกัน กลับมาถึงสันติอโศกประมาณ 3 ทุ่มกว่า ฉันแยกกับแม่ให้แม่กลับบ้านไปก่อน ส่วนฉันไปเก็บข้าวของที่บ้านเช่าให้เรียบร้อย แวะไปดู ASTV ที่สันติอโศก เขากำลังเคลื่อนขบวนกันแล้ว ตื่นเต้นมาก ๆ เพื่อนสนิทของฉันคนหนึ่ง เธอเป็นคนถือพระบรมฉายาลักษณ์เดินนำเป็นหัวขบวนเลย
ตอนแรกฉันไม่เข้าใจว่าทำไมทางพันธมิตรให้กองทัพธรรมเป็นทัพหน้า ตอนนี้คิดออกแล้วว่า เพื่อให้เกิดความสงบ สันติ อหิงสา อโหสิ จริง ๆ คนเยอะมาก ดูจากภาพ แล้วตื่นเต้นที่สุดตอนที่ตำรวจเอารั้วรวดหนามมากั้นที่สะพานมัฆวาน ฉันคิดในใจ อีกแล้ว!! เพราะตอนพฤษภาทมิฬก็แบบนี้ ติดอยู่ที่สะพานนี้แหละ ไปไม่ได้ กลัวว่าจะเหมือนตอนพฤษภาทมิฬจริง ๆ เป็นห่วงมาก ๆ
ลุงจำลองเข้าไปเจรจากับทางตำรวจขอเปิดทาง ว่าถ้าไม่เปิดทาง ก็จะอยู่ตรงนี้จนถึงเช้า ทำให้รถติด แล้วพวกเราก็จะเดินไปโดยสงบ ไปถึงทำเนียบแล้วก็จะกลับ ในที่สุดตำรวจเลยเปิดทางให้ผ่านไปได้ ฉันนั่งลุ้นจนทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ไม่เกิดเหตุรุนแรงอะไร จึงกลับบ้านตอนเที่ยงคืนเศษ
=============
สวัสดีค่า... ก็รายงานสถานการณ์ช้าไปหน่อย ถ้าใครไม่เคยไปประท้วงเลย ก็ลองอ่านดูก็ได้ค่ะ ข้อความนี้ไม่ต้องการชี้นำแต่ประการใด เป็นความคิดเห็นส่วนตัวค่ะ
หวังว่า...คงสบายดีกันทุกคนนะคะ คราวหน้าจะมารายการต่อค่ะ
แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 49 20:00:08
แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 49 19:50:33
จากคุณ :
ริเศรษฐ์
- [
8 เม.ย. 49 19:39:41
]