CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    บ้านนี้ผีขาย (อ่านได้ทุกเพศทุกวัย....ไม่สยองหรอก....มั๊ง ^^' )

    หันซ้าย....หันขวา  ย่องเข้ามาแปะเรื่อง เหอะๆๆ  หายหน้าหายตาไปนาน ยังจำกันได้อยู่ไหมครับ ^^'

    ไม่ได้หายไปไหน  แค่ไม่ได้โพสต์เรื่องลงเน็ตชั่วคราวระหว่างศึกษาข้อกฎหมายเรื่องลิขสิทธิ์  และทำมาหากินด้านขีดเขียนๆแบบอิสระ  หลายเดือนที่ผ่านมาเลยอยู่ในฐานะคนอ่านมากกว่า  

    ไม่พูดมากล่ะ  ขอแปะเรื่องเลยนะครับ  คิดถึงทุกๆคนครับ

    "บ้านนี้ผีขาย" - ธามาดา

    ================================

    “บ้านหลังนี้สวยมากเลยนะ  ทำไมคุณคิดจะขายซะล่ะ”  ชายวัยกลางคนที่ยืนสูบกล้องยาเส้นตรงหน้าผมผมยืนมองบ้านทรงยุโรปหลังนั้นอย่างชื่นชม  มันเป็นบ้านไม้สองชั้นขนาดใหญ่  แม้แต่ผมที่เคยอยู่บ้านหลังนี้มากว่ายี่สิบปีก็ยังไม่แน่ใจว่าเคยสำรวจครบทุกซอกมุมของบ้านดีแล้วหรือยัง  บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในซอยอันร่มรื่นย่านสาธร  เคยเป็นแหล่งพบปะในวงสังคมชั้นสูงสมัยศักดินามาตั้งแต่รุ่นทวด  ดังมีหลักฐานเป็นรูปถ่ายขาวดำมากมายแขวนไว้ตามมุมต่างๆของบ้าน  เปียโนหลังงามจากอังกฤษที่ห้องนั่งเล่น  เครื่องฉายหนังขนาดสิบหกมิลลิเมตรรุ่นที่ดีที่สุดในสมัยนั้น  ไหนจะรูปปั้นจากอิตาลีตลอดแนวระเบียง  ทั้งหมดล้วนเป็นเครื่องยืนยันอดีตอันรุ่งเรืองของบ้านหลังนี้ได้อย่างดี  แต่อดีตก็คืออดีต

    หลังจากที่พ่อตายไปเมื่อสองเดือนก่อน  ผมก็เป็นทายาทที่รับผิดชอบทรัพย์สินทั้งหมดของครอบครัวแต่เพียงผู้เดียว  แม่ที่จากไปตั้งแต่ผมยังเด็ก  โรคเรื้อรังของพ่อทำให้ไม่สามารถมีลูกคนที่สองได้อีก  ญาติๆที่แยกย้ายห่างเหินกันไป  ทุกอย่างเป็นเหตุผลว่าทำไมต่อจากนี้ไปจะเหลือแต่ผมคนเดียวเท่านั้นในบ้านใหญ่หลังนี้  ดูๆไปแล้วใครๆก็น่าที่จะอิจฉาผม  ทายาทเศรษฐีผู้ดีเก่าในวัยหนุ่มและยังโสด  มีบ้านโบราณหลังงามอยู่ในทำเลทองของกรุงเทพฯ  แต่เบื้องหลังสิ่งเหล่านี้กลับยังมีความกังวลของผมซ่อนอยู่......นอกจากบ้านหลังนี้แล้วผมยังได้รับหนี้สินจำนวนมหึมาตกทอดมาเป็นมรดกอีกด้วย  และมูลค่าหนี้นี้ก็มีมากกว่าราคาของบ้านหลังนี้เสียอีก

    พ่อติดการพนันมาตั้งแต่ยังหนุ่ม  เจ้าของบ่อนทั้งในและต่างประเทศต่างรู้จักพ่อดีและต้อนรับท่านในฐานะแขกคนสำคัญเสมอมา  ลาสเวกัส  เกนติ้งไฮแลนด์  มาเก๊า  ปอยเปต  เตาปูน พ่อเคยขนเงินก้อนใหญ่ไปให้เขามาแล้วทุกที่  แม่เคยคร่ำครวญก่อนที่จะตรอมใจตายว่าเมื่อไหร่กันที่พ่อจะเลิกเข้าบ่อน  พ่อตอบอย่างไม่แยแสว่าให้เลิกกับเมียยังง่ายกว่า  สิบกว่าปีผ่านมาจนถึงวันนี้  ในที่สุดพ่อก็เลิกเข้าบ่อนตลอดกาล  เช้าวันหนึ่งคนใช้ในบ้านที่เตรียมอาหารเช้าคอยท่าอยู่นานรู้สึกผิดสังเกตที่ไม่เห็นพ่อลงมาตามเวลาปกติ  รอจนสายมากแล้วจึงขึ้นไปเคาะประตูเรียก  แปลกใจเล็กน้อยที่ประตูไม่ได้ล็อก  แต่ที่ทำให้ตกใจที่สุดคือร่างของพ่อที่มีเชือกแขวนคอตัวเองกับขื่อบนเพดานห้อง  พ่อผูกคอตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา  

    ผมได้รับโทรศัพท์ตามตัวกลับจากวันหยุดสุดสัปดาห์ที่หัวหินทันที  ตำรวจหยิบกระดาษสองแผ่นจากถุงพลาสติกคืนให้เมื่อให้การที่โรงพักเสร็จ  ใบหนึ่งคือจดหมายลาตายโดยให้เหตุผลเรื่องหนี้สินในบ่อนการพนัน  อีกใบหนึ่งคือเอกสารบันทึกทรัพย์สินทั้งหมดของพ่อ  เลขฝั่งหนี้สินทำให้ผมยืนอึ้งไปนาน  พ่อไม่เคยบอกมาก่อนเลยว่าการเป็นผีพนันของท่านจะสะสมหนี้สินไว้เป็นมรดกให้กับลูกมากถึงเพียงนี้  หลายคนแนะนำผมให้ขายบ้านหลังนี้แล้วไปหาบ้านหลังเล็กๆอยู่แทน  ถึงจะได้เงินมาไม่พอหักล้างหนี้แต่ก็คงพอช่วยคลายปัญหาได้บ้าง  ดอกเบี้ยผิดนัดชำระสมัยนี้โหดร้ายอย่างที่รู้กันอยู่  ผมกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ  ไม่มีทางเลือกอื่นเลยหรือนอกจากต้องขายบ้านหลังนี้ไป....

    ชายที่ยืนสูบกล้องยาเส้นเป็นแขกคนที่ห้าแล้วตั้งแต่เขาประกาศว่าจะขายบ้าน  แขกรายล่าสุดนี้เป็นนักเขียนแนวสยองขวัญชื่อดังคนหนึ่งของเมืองไทย  เขาให้เหตุผลอย่างตรงไปตรงมาว่า ต้องการย้ายบ้านหลังใหม่ให้สมฐานะมากขึ้น  และหมายตาบ้านที่ดูโบราณน่ากลัวแบบนี้มานานแล้วเพื่อให้เข้ากับอาชีพของตัวเองที่ต้องการบรรยากาศเป็นอย่างมาก  นักเขียนแนวสยองขวัญกับบ้านโบราณเก่าแก่ซับซ้อน......เข้ากันได้อย่างดีเหลือเกิน

    “คุณวชิระครับ  ขออนุญาตเรียนถามตามตรงนะครับ”  ผมมองหน้านักเขียนใหญ่  พยายามอยู่ในอากัปกิริยาที่สำรวมที่สุด

    “ได้สิครับ  จะถามอะไรเหรอครับ”  

    “คุณ....กลัวผีหรือเปล่าครับ”

    นักเขียนเรื่องสยองขวัญอึ้งไปพักหนึ่ง “บ้านหลังนี้มีเหรอครับ”

    “เรียนตามตรงว่าผมก็ไม่แน่ใจครับ  อาจจะเป็นอุปาทานก็ได้  แต่คนใช้เก่าแก่หรือแม้แต่ผมเองบางครั้งก็เห็นอะไรประหลาดๆในบ้านหลังนี้บ้าง  เช่นเงาคนตรงบันไดวนกลางบ้าน  บางทีเดินอยู่ตามทางเดินในตัวบ้านก็แว่วเสียงคนกำลังอยู่ในงานเลี้ยงสังสรรค์ทั้งๆที่มีคนในบ้านแค่พ่อกับผมแล้วก็คนใช้สองคนเท่านั้น  แต่ถ้าคุณวชิระไม่ถืออะไรบ้านหลังนี้ก็จัดว่าน่าอยู่ทีเดียวครับ”

    ชายตรงหน้าผมเบิกตากว้างขึ้นแล้วยืนเงียบไปนาน  แม้แต่กล้องยาเส้นก็ไม่ยอมสูบทั้งๆที่ก่อนจะคุยเรื่องนี้กันผมเห็นปากของเขาอยู่ไม่ห่างมันเลย  ผมถอนหายใจเบาๆอีกครั้งหนึ่ง

    “ที่ผมกล้าบอกกับคุณวชิระตามตรงเพราะเห็นว่าคุณเป็นนักเขียนแนวผีสางอยู่แล้วคงรับเรื่องแบบนี้ได้  และบ้านหลังนี้คงจะเป็นแหล่งข้อมูลที่ดีของคุณทีเดียว  ผมหวังว่าคุณคงไม่กลัวผีใช่ไหมครับ”

    “ไม่.....ไม่กลัวหรอก”  ชายวัยกลางคนพยายามซ่อนอาการกระสับกระส่ายไว้  แต่ก็ไม่รอดจากสายตาผมไปได้เลย  พักหนึ่งเขาพยายามยืดอกขึ้นแล้วมองไปที่ตัวบ้าน พูดเสียงดังเหมือนจะให้ทุกสิ่งในนั้นได้ยิน  “ผมเขียนนิยายสยองขวัญมากว่าสามสิบปีแล้ว  เรื่องแค่นี้ผม เอ่อ....สบายมาก”

    “งั้นก็ดีแล้วครับ  ผมเตรียมสัญญาซื้อขายกับเอกสารการโอนไว้แล้ว  เชิญข้างในเถอะครับ”

    “เดี๋ยวสิ  คือว่าผม....”

    “กลัวหรือครับ”

    “ไม่กลัว!  ไหนสัญญาอยู่ไหน  ขอผมอ่านหน่อย”


    ไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้นผมย้ายมาอยู่บ้านหลังใหม่ย่านบางรัก  วชิระเป็นผู้ครอบครองบ้านหลังใหญ่นั้นต่อจากตระกูลของผมด้วยเงินมัดจำสองแสนบาท  ค่าผ่อนรายเดือนอีกเดือนละสามหมื่นบาท  ป่านนี้เขาคงกำลังเพลิดเพลินกับการเขียนนิยายสยองขวัญเรื่องใหม่ในสถานที่ที่เหมาะที่สุด  แม้จะเจ็บปวดบ้างกับการที่ต้องย้ายออกจากบ้านที่ผูกพันมาตั้งแต่เด็ก  แต่ลางสังหรณ์บางอย่างบอกกับผมว่าไม่นานผมจะได้กลับไป

    (มีต่อ)

    แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 49 20:31:08

    จากคุณ : ธามาดา - [ 8 เม.ย. 49 20:26:05 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป