CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    วันที่ฉันเหงา.....เธอเป็นดังแสงสว่าง

    ทำไมฝนถึงตก....

    ตกหนัก จนราวกับหอบเอาน้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วของฉันมาหยาดหยดลงอีกครั้ง

    ตกแรง ราวกับหอบเอาความโกรธกริ้วที่ด้านชาไปแล้วของฉันมากระหน่ำซ้ำเติมหัวใจ

    ถึงจะรู้ ว่าไม่นานฟ้าจะฉายแสงแดดอบอุ่น ปลอบโยนในความโหดร้ายของสภาพอากาศที่ผ่านไป

    แต่ทำไม...ฉันกลับรู้สึกว่ามันช่างแสนนาน....จนเหมือนไม่มีวันมาถึง...ใจฉัน

    ............................


    "ตายแล้ว ยัยฟรีส ทำไมถึงตัวเปียกปอนไปหมดยังงี้ เข้ามาๆ"

    หญิงสาวในชุดนอนผ้าบางเบาอุทานอย่างตกใจ ก่อนจะรีบเชื้อเชิญให้เพื่อนรักเข้ามาภายใน ตัวบ้าน น้ำหยดเหมะลงมาไม่ขาดสาย จากร่างที่พร่างพราวไปด้วยหยดน้ำ ไม่เว้นแม้แต่เรือนผมตรงนิ่งสีน้ำตาลเข้ม ใบหน้าของฟรีสว่างเปล่า ไม่นำพาแม้ เบล เพื่อนรักที่คบกันมานานจะยื่นส่งแก้วน้ำร้อน พร้อมผ้าเช็ดตัวอันแห้งสะอาดมาให้

    "ฟรีส เกิดอะไรขึ้น เล่าให้ฉันฟังได้นะ เธอดู...แย่มากเลยรู้มั้ย"

    กระแสเสียงกังวล กอปรไปด้วยความห่วงใยเอ่อล้น ของเบลดังขึ้นอย่างปลอบโยน ร่างเล็กของคนพูด หย่อนตัวลงนั่งเคียงข้าง บนโซฟานุ่มๆ แล้วบรรจงเช็ดเส้นผมอันชุ่มไปด้วยน้ำของเพื่อนด้วยผ้าในมือ เสียงสะอื้นของฟรีส ดังนำก่อนจะตามมาด้วยคำสาธยาย

    "พี่พัช พี่พัชเขาบอกเลิกฉัน ทำไมกัน ทั้งที่ไม่ได้ทะเลาะอะไรกันสักหน่อย เขา ฮึก เขามีคนใหม่รู้มั้ยเบล เขามีคนใหม่ทั้งที่ฉันซื่อสัตย์กับเขามาตลอด ทำไม "

    เบลขมวดคิ้ว พลางลูบศรีษะเพื่อนเบาๆ ฟรีสยังสะอื้นไม่หยุด ปากพร่ำพรรณนาเหตุผลต่างๆนาๆ เบลพยายามกล่าวคำปลอบโยนแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่รับฟัง ไม่มี น้ำตาจากเพื่อนรัก ที่คงจะเหือดแห้งไปหมดแล้ว ความสงสารเอ่อท้นขึ้นในจิตใจของเบล แต่สิ่งที่เธอทำได้ มีเพียงการเคียงข้างในยามที่เพื่อนกำลังอยู่ในช่วงอันตรายอย่างนี้เท่านั้น

    หากมันช่างประจวบเหมาะเสียจริงๆ ...ที่เธอกำลังจะต้อง

    "ฟรีส พรุ่งนี้ ฉันต้องออกเดินทางไปดูงานที่ซิคนีย์ เธอ...เป็นอะไรรึเปล่า ฉันเอ่อ จะยกเลิกงานนั้นนะ เธอไม่ต้องห่วง"

    น้ำเสียงร้อนรน ตะกุกกะกักของเบล ก่อรูปความเข้าใจผิดในตัวฟรีสทันควัน คนที่กำลังร้าวรานอย่างถึงที่สุด คงไม่อาจมีสติพอจะคิดทบทวน

    "จะไปไหนก็ไปเลย ไปให้พ้น อย่ามายุ่งกับฉัน"

    มือบางปัดเอามืออีกฝ่ายจนผ้าร่วงหล่นลงพื้น เบลหน้าซีดเผือด แม้จะพยายามอธิบาย แต่เพื่อนรักก็วิ่งหนีเธอไปเสียแล้ว เสียงประตูหน้าบ้านถูกกระแทกปิดเสียงดังลั่น ความเป็นห่วงเพื่อน ทำให้เบลต้องวิ่งออกมาตาม หากทันเห็นเพียงหลังรถแท็กซี่ไวๆนั่นเท่านั้น

    "ฉันขอโทษนะฟรีส ถึงจะว่างั้น ฉันยกเลิกงานไม่ได้หรอก เธอต้องเข้มแข็ง ต้องเข้มแข็งรู้มั้ย"



    หลังลับร่างที่เดินหงอยเข้าบ้านไปของเบล ร่างหญิงสาวในมุมมืดโผล่ออกมายืนนิ่ง นัยน์ตาสีน้าตาลไหม้ วาววับ ..โกรธหรือ...ไม่หรอก

    เธอแค่อยากอยู่คนเดียว บวกกับอารมณ์เพียงชั่ววูบ แม้กระนั้น เธอก็ไม่คิด ไม่เคยคิดจะเข้าไปขอโทษ ฟรีสหันหลังให้กับบ้านเล็กๆสีขาวสะอาดของเพื่อนรัก แล้วออกเดินอย่างเดียวดาย...ท่ามกลางความมืดมิดและสายลมหนาวยามราตรีที่พัดพาล้อมกรอบดุจดังเพื่อนใหม่....

    ..............


    รุ่งเช้า วันต่อมา ภายในโรงเเรมหรูหรา เย็นฉ่ำด้วยแอร์รุ่นล่าสุด ร่างบางบนเตียงยังไม่ขยับ แม้แสงแดดจะส่องตรงเข้าใบหน้าหวาน เพราะม่านที่ถูกรูดเปิดไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ด้านหลังแสงแดดจ้า เป็นวิวทิวทัศน์ของทะเลยามเที่ยงที่แสนครึกครื้น แต่กระนั้น ร่างบนเตียงก็ยังนิ่งสนิท

    ฟรีสตัดสินใจออกเดินทางตรงสู่พัทยา เธอไม่ตั้งใจที่จะหนี แต่เธอให้คำนิยามการกระทำนี้ว่า การพักฟื้นหัวใจที่ชำรุดของตัวเอง มือถือ เพจเจอร์ถูกปิดสนิท ตัดขาดการสื่อสารทุกชนิดจากโลกเดิม แม้แต่หน้าที่การงานที่ถึงกำหนดการส่ง

    นิ้งหน่อง นิ้งหน่อง นิ้งๆๆๆหน่อง

    เสียงสัญญาณดังขึ้น ชอนใชเข้าไปยังระบบประสาทรับรู้ของหญิงสาว ก่อนสมองจะสั่งการให้เลิกสนใจ แต่เสียงนั้นยังไม่หยุด

    ก็อกๆ ก็อกๆ

    เสียงเคาะดังขึ้นเรื่อยๆ จนคนงัวเงียเผลอสบถอะไรออกมาเป็นภาษาอังกฤษด้วยความลืมตัว

    นัยน์ตากลมโตเบิกโพลงอย่างหงุดหงิดใจ แต่ก็ยอมลุกไปเปิดประตูแต่โดยดี

    "สวัสดีครับ คุณ ฟรีหัทยา"

    โครม

    ฟรีสปิดประตู กลับทันควัน ไอ้บ้านั่นเป็นใครฟะ แถมรู้ชื่อเราอีกตะหาก โว้ย ก็บอกว่าจะพักผ่อน

    ก็อกๆ ก็อกๆ

    "คุณจำคนผิดแล้วล่ะ ฉันไม่ได้ชื่อนั้น"

    ในเมื่อเธอไม่เคยเห็นเขา เขาเองก็ย่อมไม่เคยเห็นเธอเช่นกัน ดังนั้นการปฏิเสธตัวเองไว้ก่อนย่อมปลอดภัยที่สุด

    ฟรีสเขย่งปลายเท้าขึ้นมองผ่าน รูเล็กๆ บนประตู ชายหนุ่มคนนั้น ควงพวงกุญแจในมือเล่น มองตรงมายังทิศที่เธออยู่ราวกับรู้ว่าหญิงสาวกำลังแอบมอง ..โรคจิตแหงๆ ถึงจะต้องยอมรับว่าเป็นไอ้โรคจิตที่ดูดีที่สุดที่เธอเคยเห็นมาก็เถอะ

    ชายหนุ่มในชุดเรียบๆสีน้ำตาลเข้ม เลิกคิ้วขึ้นหลังได้ยินเธอว่า ตาคมกริบของเขาจ้องมองมาอย่างรู้ทัน

    "เหรอครับ แต่คุณลงทะเบียนเข้าพักในชื่อนี้นี่"

    ซวยล่ะหวา ไอ้โรงแรมเฮงซวย ไม่รักษาความลับของลูกค้า โอ้ย คนกำลังอารมณ์เสีย

    "คุณเป็นใคร"

    "ใจคอคุณจะให้ผมตอบคำถามคุณอย่างนี้น่ะหรือ มันเมื่อยนะครับ"

    ฟรีสถอยห่างออกมาจากประตู มองไปรอบด้านเพื่อหาอาวุธเหมาะมือ ก่อนจะสบเข้ากับ ราวแขวนเสื้อผ้า ในตู้ หญิงสาวพุ่งเข้าไปแกะออกมาทันที พลางกล่าว

    "ถ้าคุณตอบคำถามให้ฉันพอใจเมื่อไหร่ ฉันถึงจะให้เข้า"

    ไม่มีวันล่ะย่ะ ถึงนายเข้ามาก็ไม่รอดจากหน้าห้องนี่หรอก

    ฟรีส โยนราวไม้ในมือไปมา ทดสอบความเหมาะมือ ลองฟาดดูสักสองสามทีจนพอใจ ระหว่างนั้น ไอ้โรคจิตของเธอยังนิ่งเงียบ หญิงสาว เดินย่องกลับมาที่หน้าประตู พอดีกับที่เขาตอบ

    "ผมเป็นคนของสำนักพิมพ์ สุขสันต์ มาทวงต้นฉบับ"

    "มั่วแล้วคุณ ..."

    ฟรีสสวนกลับทันควัน แม้จะยอมรับว่าตกใจไม่น้อยที่เขารู้เรื่องงานของเธอ ฟรีหัทยา ทำงานวาดการ์ตูนท้ายเล่มให้กับนิตยสารในเครือสำนักพิมพ์นี้มานับไม่ถ้วน และแทบไม่เคยส่งงานล่าช้าเลยสักครั้ง ยกเว้นเดี๋ยวนี้

    "ข้อแรกเลยนะ ทวงต้นฉบับก็ไปทวงที่บ้านฉันสิ มารู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่"

    ฟรีส กล่าวจบก็อึ้งไป นี่เธอยอมรับไปแล้วสิเนี่ย มาเธอคือคนเดียวกับคนที่เขาว่า อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ ยังความเดือดดาลยิ่งขึ้นให้หญิงสาว

    "อีกข้อ ทวงต้นฉบับบ้านคุณสิ มาทวงถึงห้องนอน ใครเขาจะไปเชื่อคุณ"

    "นี่ คุณ "เขาว่ากลั้วหัวเราะ "ทวงต้นฉบับผมก็ต้องทวงในที่ที่คุณอยู่สิ แล้วคุณดันอยู่ในห้องที่ใช้นอน จะให้ผมไปทวงกับอากาศรึไง"

    "ไม่รู้แหละ ถ้าเป็นอย่างที่คุณว่าจริง ก็กลับไปได้แล้ว ฉันยังไม่ได้วาดอะไรเลย วาดเสร็จก็จะส่งไปให้วิธีเดิมนั่นแหละ คุณมายุ่งวุ่นวายมันก็ไม่เสร็จเร็วขึ้นมาหรอก"



    ปกสกนธ์ คติศักดิ์ หรือ ภัทร์ พยายามสุดชีวิตที่จะกลั้นหัวเราะเอาไว้ ด้วยเกรงจะไปกระทบอารมณ์แปรปรวนของอิสตรีเข้า นี่เธอไม่รู้เลยหรือ บรรดานักเขียน ที่ต้องใช้จินตนาการในการสร้างชิ้นงานน่ะ ปล่อยไว้อย่างที่เธอว่า ทั้งชาติมันก็ไม่เสร็จ แถมยังเป็นคนที่จงใจหนีงานอย่างที่เพื่อนเขาว่าอีกด้วย ทีระ เพื่อนคนเดียวในกรุงเทพของเขาเพิ่งโทรมาบอกเมื่อเช้านี้เอง ว่ามีนักเขียนการ์ตูนเบี้ยวงานหนีมาแถวนี้ ให้ช่วยเช็ครายชื่อผู้เข้าพักในโรงแรมของเขาหน่อย ด้วยความสงสารเขาเลยยอมช่วย ใครจะไปรู้ว่าแม่คนนี้ จะเป็นคนเดียวกับที่เขาเผลอจ้องเสียนานเมื่อคืน

    ผู้หญิงอะไร โทรมยังกะอะไรดี ถ้าเป็นโรงแรมปกติคงถูกเตะโด่งออกจากโรงแรมแทบไม่ทัน นี่เขาเห็นท่าทางซึมเศร้าของหล่อนหรอกนะ ถึงยอมให้พัก แต่เอาเถอะ ยังไงเธอก็มีตังพอจะจ่ายค่าโรงแรมล่ะน่า

    "เรื่องอะไรล่ะครับ ถ้าคุณไม่ยอมออกมาภายในห้านาทีนี้ ผมจะใช้มาสเตอร์คีย์เข้าไปล่ะนะ คุณก็รู้ว่าขนาดชื่อคุณผมยังเอามาได้ กะอีแค่กุญแจสำรอง..."

    เสียงอุทานอย่างตกใจของหญิงสาวด้านในดังขึ้นมาก่อน ก่อนจะตามมาด้วยคำสบถเสียยาวยืด โอ้ ภาษาอังกฤษเสียด้วยแฮะ เอากะคุณเธอสิ หลังจากนั้นก็เป็นเสียงซ่าของฝักบัวในห้องน้ำ ดังคลอไปกับเสียงบ่นที่ยังไม่หมดของเธอ ภัทร์ควงพวงกุญแจรอพร้อมรอยยิ้ม ดูท่าคงจะเชื่อแล้วล่ะสิ ว่าเขาเป็นคนของสำนักพิมพ์ เอาฟะ ยังไง เขาก็โกหกแค่เรื่องนี้ อีกอย่าง ไอ้ทีระมันก็ย้ำนักย้ำหนาให้หาให้ มันก็ถือว่าเขาเป็นคนของมันแล้วล่ะ

    ที่เขายอมเปลืองตัวขนาดนี้ก็เพราะเพื่อนขอร้องหรอกนะ ไม่ได้มีอะไรแอบแฝง


    สักครู่ ประตูก็เปิดผางออก ใบหน้าใสๆของฟรีสบัดนี้บูดบึ้ง แต่ยังมีริ้วรอยของการร้องไห้อย่างหนักมาเมื่อคืน เธอมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วก็เบ้ปาก ตัดสินกับตัวเองว่า

    พวกอวดรวย

    ทั้งนาฬิกาเรือนทองยี่ห้อแบรนเนม ทั้งแหวน ทั้งเสื้อผ้า

    "เอ้า มีธุระอะไร ก็บอกแล้วไงว่าเรื่องงานเดี๋ยวจะเคลียร์ให้"

    เสียงเธอแฝงรอยหงุดหงิดอย่างไม่คิดจะปิดบัง ชุดนอนแสนโทรมถูกเปลี่ยนมาเป็นชุดลำลองเรียบง่าย ภัทร์ยักใหล่แล้วผลักประตูเดินเข้ามาภายในห้องนอนหน้าตาเฉย หญิงสาวมองตามอ้าปากค้าง

    "คุณ.."

    "ผมจะนั่งตรงนี้แหละ คุณทำงานของคุณให้เสร็จ แล้วผมก็จะออกไป"

    คนกล่าวนั่งเหมะลงบนเตียงที่ยังไม่ได้จัดของหญิงสาว ฟรีสกัดฟันกรอด นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย

    "เหอะน่า คุณไม่รู้หรอกว่าผมต้องเจออะไรถ้าไม่ได้งานคุณกลับไป"

    ก็เจอด่า จากไอ้เพื่อนบ้าที่หาเรื่องวุ่นๆมาให้เขาน่ะสิ

    แต่ความหมายกลับถูกแปลงมาเรียกคะแนนสงสารจากคนไม่รู้เรื่อง ฟรีสสงบใจลง พยายามไม่คิดถึงเรื่องบ้าๆที่ทำเอาน้ำตาจะกลับมาหยด เขาทำตามหน้าที่น่า เธอจะไปพาลใส่เขาให้ได้อะไรขึ้นมา

    หญิงสาวถอนหายใจยาว จนภัทร์เงยหน้าขึ้นมองอย่างแปลกใจ ยอมง่ายๆเลยรึ

    แต่พอสบเข้ากับร่างบางที่ยืนมองเขานิ่งแล้ว ภัทร์กลับไม่อาจถอนสายตากลับคืนไปได้ ฟรีสอ้าปากจะพูดอะไร แต่ก็นิ่งไป ราวกับกำลังเรียบเรียงประโยค ส่วนชายหนุ่ม มองใบหน้างาม อย่างตะลึง เขาไม่ได้สังเกตุเลย ไม่สิ ปกติไม่เคยจะสนใจผู้หญิงที่หน้าตาเลยสักครั้ง เขาจึงเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เอง ว่าคนตรงหน้า สวย....สวยมาก

    เริ่มจากตาใสๆ คู่โตสีน้ำตาล ดูแล้วให้นึกไปถึงการ์ตูนผู้หญิงที่เคยอ่าน มันส่งให้รูปหน้านั้นดูน่าเอ็นดู ราวกับเด็กๆ มองลงมาที่จมูกก็เชิด เข้ารูปจนหาที่ติไม่ได้ ยิ่งริมฝีปากบางเฉียบ ที่เอิบอิ่มจนดูออกว่าเจ้าตัวให้การดูแลอย่างดีเยี่ยม แล้วยังผิว ไม่หรอก ไม่ได้ขาวใสจนผิดปกติอย่างแม่พวกผู้หญิงทั่วไป แต่มันลงตัว อยู่ที่สีออกคล้ำนิดๆ ที่เรียกกันว่าผิวสีน้ำผึ้ง เฮ้ย นี่เขาเป็นบ้าอะไรวะเนี่ย

    "คืองี้นะ..." เสียงหวานเอ่ยขึ้นขัดความคิดของชายหนุ่ม "จริงๆฉันไม่ได้กะจะมาทำงาน ก็เลยไม่ได้เอาอะไรมาเลย ถ้ายังไง ฉันจะลงไปซื้อ แล้วจะนั่งทำตรงชายหาดนั่น คุณจะรอให้เสร็จค่อยมารับ หรือจะมานั่งเฝ้าก็ได้"

    ภัทร์ขมวดคิ้ว นี่เธอกะจะทำงานแล้วรึ ใช่คนเดียวกับคนที่ตวาดเขาหน้าประตูนั่นป่าวเนี่ย แต่ชายหนุ่มก็บอกมาอ่อยๆ

    "ผมนั่งเฝ้าดีกว่า คงไม่นานใช่มั้ย"

    ฟรีสตาลุกวาว นี่เธอสงสารหรอกนะ ถึงยอมจะทำงานให้เสร็จ แล้วนายนี่ยังจะมาเร่งอีก หนอย

    หญิงสาวกลับเข้าสู่โหมดเดิม เธอกล่าวทิ้งท้ายเสียงห้วน

    "เท่าที่รู้ เร็วสุดก็ทั้งวันล่ะ ปิดประตูด้วย"

    แล้วร่างเธอก็สะบัดพรืดออกไปจากห้อง ภัทร์เกาหัวแกรกๆ เริ่มจะตามอารมณ์ไม่ทัน แต่ดูท่าเขาคงไม่ต้องถูกเพื่อนด่า เฮ้ย ว่าไงนะ ทั้งวันเรอะ

    คนมีงานหน้าซีดทันควัน เอ เอาไงดีหว่า

    ชายหนุ่มยืนขึ้นจากเตียงแล้วออกเดินไปเรื่อยๆ หางตาเหลือบไปเห็นราวไม้จากตู้เสื้อผ้า ที่พอจะดูออกว่าเพิ่งถูกดึงออกมา แล้วก็กลืนน้ำลายเอื้อก งืมๆ เพื่อนสำคัญที่สุดเฟ้ย นั่งรอก็ได้

    .............
    เอิ้กๆ พยายามดูคำผิดเท่าที่ดูได้แล้ว ถ้ายังมีผิดอีกก็ขอโทษด้วยนะคะ
    ส่วนตอนต่อไป คาดว่าจะลงต่อในกระทู้นี้แหละค่ะ รอสักหน่อย ยังไงช่วยแสดงความคิดเห็นหน่อยนะคะ เรายังมือใหม่นัก

    จากคุณ : ชญาดา - [ 10 เม.ย. 49 15:32:52 A:208.147.1.1 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป