CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ความในใจของชาว Blue Sky (ถึงคนทั่วไป) : สิบเอ็ดคำถามที่แม่อยากถาม เมื่อรู้ว่าลูกเป็นเกย์{แตกประเด็นจาก W4248370}

    สวัสดีชาวฟ้าสีฟ้าทุกท่าน

    วันนี้นับเป็นวันดี ศุภวารดิถีปีใหม่สยาม
    เริงรื่นชื่นจิตทุกยาม สราญสรงน้ำตามประเพณีไทย
    ขอสุขสถิตทั่วทุกท่าน แม้อยู่น่านน้ำน่านฟ้าไหนไหน
    ขอสุขสวัสดีมีชัย จงอยู่ในใจชาวบลูสกายทุกคน


    จากกระทู้ก่อนหน้า มีพี่ ๆ เพื่อน ๆ หลายท่านที่ได้สอบถามผมด้วยความเป็นห่วง
    และได้สอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของครอบครัว...



    หลังจากที่ผม(ถูกสถานการณ์บังคับให้)สารภาพกับแม่ว่าผมเป็นเกย์ แม่ก็ดูเหมือนจะตกใจและเสียใจค่อนข้างมาก
    และเนื่องจากเราไม่มีเวลาคุยกันเพราะผมต้องเดินทางไป กทม. ผมจึงยังไม่ทราบแน่ชัดว่าท่านรู้สึกอย่างไร

    สัปดาห์ถัดมาเมื่อผมเดินทางกลับมาถึง แม่ผมก็รออยู่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
    เธออ้าแขนรอกอดลูกชายทั้งสองคน แต่ผมเดินหลบมาเสีย เนื่องจากผมเองก็เสียใจและน้อยใจในบางเรื่องเหมือนกัน
    ผมเดินไปหลังบ้านเพื่อดูสำรับอาหาร แม่ผมก็ตามมาจนได้ เธอถามว่า “ไม่อยากกอดกับผู้หญิงแล้วหรือลูก?”
    แล้วแม่ก็อ้าแขนรออีกครั้ง
    ผมต้องใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมา ผมพยายามยิ้ม แล้วก็กอดตอบเหมือนเป็นแค่เรื่องล้อเล่น แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แล้วถอยไปเข้าห้องนอนโดยไม่รับประทานอาหาร

    ผมเปลี่ยนไป เหมือนเย็นชาขึ้น ไม่พูดกับใครถ้าไม่จำเป็น ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะ แต่ผมรู้ดีว่าผมเป็นอะไร ผมแค่ยังไม่พร้อม ผมยังกลัวอยู่ ผมกลัวว่าถ้าไปนั่งคุยกับครอบครัวแล้วจู่ ๆ แม่วกมาพูดเรื่องนี้แล้วผมจะตอบว่าอย่างไร
    ผมหวังให้ความเงียบเฉยชากันเป็นกำแพงระหว่างตัวผมกับครอบครัวสักพัก
    และแล้ว ระหว่างนั้น ก็มีทั้งข้อความรวมทั้งบทสนทนาจากเพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่เป็นกำลังใจให้ บางถ้อยคำช่วยปลุกใจให้เกิดความกล้า
    กล้าที่จะเผชิญปัญหา กล้าที่จะเผชิญกับคำถามมากมายของครอบครัว

    บทสนทนาแรกที่ผมพยายามชวนผู้อื่นคุยเป็นไปอย่างเคอะเขิน ดูท่าแม่ก็คงแปลกใจที่ผมยอมเปิดปากอีกครั้ง
    ผมวิจารณ์การเมืองกับแม่ คุยเรื่องวัฒนธรรมประเพณี สถาบันต่าง ๆ ไล่จนถึงการศึกษาและสังคม
    บางที เราก็คุยกันถึงเรื่องอาชีพ และงานเขียนของผม แม่ทำให้ผมไม่พอใจนิด ๆ เมื่อบอกว่าอาชีพนักเขียนไม่สำคัญเท่าอาชีพอื่นที่หางานง่ายเงินเดือนดี ผมพยายามแสดงทัศนะเพื่อโน้มน้าว แต่แม่ของผมก็ฉลาดเพียงพอที่จะหาคำพูดกล่าวแย้ง

    เราหัวเราะด้วยกันอีกครั้ง ผมช่วยแม่ทำกับข้าว เตรียมอาหาร รวมทั้งทำสื่อการสอนเล็ก ๆ น้อย ๆ
    ตอนนี้ทั้งบ้านเหมือนมีแค่สองคน เพราะน้องชายไปต่างจังหวัด ส่วนพ่อไปทำงานทุกวัน
    มีอยู่วันหนึ่ง แม่กอดผมไว้ แล้วบอกผมว่า
    “แม่รักนะ ถึงจะดื้อ ถึงจะขี้เกียจแม่ก็รัก แต่บางทีก็โกรธ”
    ผมอึ้ง ผมอยากจะถามต่ออีกประโยคว่า ถึงต๋องเป็นเกย์ ก็รักหรือครับ?
    แต่ผมไม่ได้ถาม อาจจะเป็นเพราะผมมีทิพยเนตรหยั่งรู้ล่วงหน้าว่าคำตอบนี้จะออกมาโดยไวโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากถาม

    เวลานั้นผมเพิ่งตื่น ตายังแดง ๆ อยู่ เมื่อผละจากอ้อมกอด แม่จึงไม่สังเกตว่าน้ำคลอเต็มเบ้าตาของผม
    ผมเดินไปหยิบแปรงสีฟัน เข้าห้องน้ำล๊อคประตู นั่งยอง ๆ ลงกับพื้น
    แล้วก็เริ่มร้องไห้ ผมร้องไห้แบบไม่มีเสียง ปาดตาอย่างไม่หยุดด้วยชายเสื้อ จนดวงตาช้ำแดง
    แม่รัก รักผมมากเหลือเกิน แต่จนแล้วจนรอด ผมก็ยังไม่เปิดใจให้เต็มที่
    ผมไม่เคยบอกแม่ว่า ผมรักแม่มากแค่ไหน ผมไม่เคยเข้าไปกอดเขาก่อน ไม่เคยซบตักขอให้เขาปลอบโยนยามอ่อนแอ
    ผมกำลังทำอะไรอยู่กันแน่? อยากได้ความรักความอบอุ่นแต่ไม่กล้าบอก
    แต่ผมก็หยุดทำตัวอ่อนแอโดยไว ล้างหน้าล้างตา แล้วออกมาทำกิจวัตรต่อตามปกติด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

    หลายวันต่อมา ระหว่างที่ผมกำลังตัดกระดาษเพื่อทำสื่อการสอน
    แม่ผมก็ถามเกี่ยวกับเรื่องหวังเทวา แม่ผมถามอีกครั้งว่าจริงหรือเปล่า? ที่เขียนไปเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?
    ผมเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เอง ว่าถึงจะสงสัยมากเพียงไร แม่ของผมก็ยังไม่อาจจะปักใจเชื่อลงได้
    อาจจะเนื่องลูกชายของเธอไม่เหมือนกับเกย์มากมายที่เธอเคยเห็นตามทีวี

    ณ วินาทีนั้น ผมมีทางเลือกสองทาง ทางแรกหลอกตัวเอง หลอกคนในครอบครัว บอกเขาไปว่าเรื่องนั้นทดลองเขียนขึ้นมาเฉย ๆ ยังไม่ได้เป็น ด้วยกลไกป้องกันตนเองของมนุษย์ แม่ของผมจะเชื่อในทันทีว่าผมไม่ได้เป็นในสิ่งที่เธอไม่อยากให้เป็น

    ทางเลือกที่สอง บอกไป บอกความจริงทั้งหมด ว่าผมเป็นใคร เป็นอะไร..
    ผมเลือกทางนี้
    ผมเป็นคนขี้ขลาด หากพลาดโอกาสนี้ ทั้งชีวิตผมก็คงไม่มีวันรวบรวมความกล้าทำลายความหวังหลายอย่างของเธอ
    ความหวังที่จะได้เห็นลูกมีครอบครัวอันอบอุ่น ความหวังที่จะได้เห็นลูกครองผ้าเหลือง ความหวังที่จะได้เห็นลูกและครอบครัวเชิดหน้าชูคอในสังคมได้อย่างปกติสุข..

    ผมมองตาแม่ เมื่อผมตอบรับคำ เธอยิ้มน้อย ๆ แต่ดวงตาเศร้า

    “ยังรักอยู่เหมือนเดิมนะ แต่เป็นห่วงมากขึ้น”

    เราทำงานกันต่อได้สักพัก แม่ผมก็ถอนหายใจหนักหน่วง ผมทราบในทันทีว่าต้องเป็นเรื่องนี้
    “ถ้ามันหนักใจ ก็อย่าคิดถึงมันเลยครับ ลืม ๆ ไปสักพักก็ได้”
    “จะไม่ให้แม่หนักใจได้อย่างไร อนาคตลูกทั้งชีวิตนะ นอกจากกลุ้มเรื่องอาชีพแล้ว ยังกลุ้มเรื่องนี้อีก”
    “อ้าว มีอะไรให้กลุ้มครับ ต๋องก็มีความสุขดีอยู่แล้ว ถึงคุณแม่จะทราบเรื่องนี้หรือไม่ทราบ ต๋องก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ดี แต่แรกก็กะจะไม่บอกอยู่แล้ว เพราะว่าหากไม่เข้าใจก็จะเป็นกังวลไปซะเปล่า แต่ในเมื่อคุณแม่รู้เองก็คงไม่ปิดบัง”
    “ไม่ได้นะ ทำอย่างนั้นได้ไง คนในครอบครัวมีอะไรต้องเล่าให้กันฟัง ไม่ควรปิดบัง”

    เราคุยกันต่อหลายเรื่อง ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ มีหลายประเด็นซึ่งผมจะดึงออกมาเป็นคำถามแต่ละข้อ

    “ต๋องคงไม่บอกคนอื่นหรอกครับ”
    “อ้าวทำไมล่ะ เราเป็นอะไรเราก็ยืดอกรับไปเลยสิ ไม่ได้ขอข้าวใครเขากินสักหน่อย”

    ผมคิดว่าแม่ประชด แต่แม่ยืนยันว่าไม่ เธอไม่แคร์สายตาของสังคมจริง ๆ เสียด้วย

    “แต่คุณแม่ครับ อันนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัวนะ ต๋องอยากให้รู้กันในครอบครัวแค่นี้”
    “อ้าว ไม่เห็นดร.เสรีเหรอ เขาออกมาประกาศคนเขาก็นับหน้าถือตากันเยอะ แล้วลูกไม่ใช่แบบดร.เสรี หรอกรึ?”

    ผมพยายามอธิบายว่าผมเป็นอย่างไร แต่ผมก็เลือกใช้คำได้ไม่ต้องใจ รวมทั้งไม่ก่อให้เกิดการรับรู้เริ่มขึ้น
    ผมชักจะเหนื่อยกับการอธิบายในสิ่งที่คนฟังไม่เคยพบเห็นมาก่อนให้เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้ง
    แต่ผมก็ปล่อยวางว่า จะคิดยังไงก็คิดไปเถิด ไม่ได้ เพราะความสุขของแม่ถูกผูกพันกับความสุขของลูก
    ผมจะอธิบายยังไงดีให้เธอเข้าใจว่าผมมีความสุขดีแล้ว

    หลายคำถามของแม่ที่ผมไม่สามารถตอบได้อย่างน่าพอใจ
    ผมอยากจะขอความช่วยเหลือจากเพื่อน ๆ พี่ ๆ

    ข้อแรก คนเป็นเกย์ วิปริตผิดเพศ เป็นชีวิตที่มีกรรม จริงหรือไม่
    :แม่ผมชักจะบ่นบ่อย ๆ ว่า สงสารที่ลูกวิปริต.. ผมเถียงไม่ออกเพราะในสายตาของคนทั่ว ๆ ไปมันก็วิปริตผิดธรรมชาติจริง ๆ นั่นล่ะ

    ข้อสอง คนเป็นเกย์ หาคู่ครองยาก ทำให้อารมณ์รุนแรง หึงหวง กลัวว่าหลุดคนนี้ไปจะหาคนใหม่ไม่ได้ จริงหรือไม่
    :ผมเถียงกับแม่แล้วว่าดูผมสิ ไม่เห็นจะอารมณ์รุนแรงเลย แม่ผมก็ว่า ไม่รู้ล่ะ เห็นทั่ว ๆ ไปเขาเป็นแบบนี้ ทำให้ผมชักสงสัยว่าแม่เคยเห็นเกย์สีฟ้ากี่คน

    ข้อสาม ผู้ชายน่ารักกว่าผู้หญิงตรงไหน รักใคร่ชอบพอเพศเดียวกันเพราะสรีระ หรือว่าเพราะเหตุใด
    :ผมถามว่า ถ้าผู้ชายไม่น่ารัก แล้วทำไมแม่รักคุณพ่อล่ะ แม่ผมก็ว่าผู้ชายอบอุ่น เข้มแข็ง เป็นที่พึ่งพิงได้
    ไม่น่ารักแบบผู้หญิง มีหน้าอกนุ่ม ๆ น่าจับ เอวคอด ๆ สะโพกดึ๋งดั๋ง ต้นขานุ่มเนียน ผิวก็สวย (ถอดความจากคำพูดจริง ๆ ของแม่ผม จนผมชักสงสัยว่าแม่เคยเป็นเลสเบี้ยนมาก่อนหรือเปล่านี่?)

    ข้อสี่ ความคิดที่อยากมีครอบครัวเล็ก ๆ น่ารัก ๆ มีลูกตัวเล็กวัยกำลังซน หายไปไหนหมดแล้ว
    :ผมตอบไปว่า ไม่เห็นจะต้องเป็นเลือดเนื้อของตนเลย รับเด็กกำพร้าที่ไม่มีใครเลี้ยงดูมาเลี้ยงก็ได้นี่นา
    แต่แม่ผมบอกว่า โตขึ้นไป ไม่อายเขาตายเหรอ ที่มีพ่อแม่เป็นผู้ชายทั้งคู่

    ข้อห้า คนเป็นเกย์มีศีลธรรม จริยธรรมต่ำทรามจริงหรือ
    :สืบเนื่องจากข้อสี่ แม่ผมบอกต่ออีกว่า พอลูกเลี้ยงโต ว่าเป็นผู้ชายก็ไม่แคล้วเป็นเมียพ่อต่อ
    ข้อนี้ทำให้ผมโกรธที่สุด ผมบอกว่า ดูสิ มองดูลูกของแม่ คิดว่าลูกของแม่คนนี้จะทำตัวต่ำช้าแบบนั้นเชียวหรือ?

    ข้อหก ความรักของเกย์มันมั่นคงแน่หรือ ไม่ใช่ว่าเดี๋ยว ๆ ก็เลิก
    :แม่ผมกล่าวว่า เกย์น่ะ มีสัมพันธ์ง่าย ห่างกันแปบเดียวเดี๋ยวก็มีใหม่ ไม่เหมือนคู่ชายหญิง ที่มีการสมรส มีงานแต่ง เป้นที่รับรู้ในสังคมว่าได้ครองคู่ ซ้ำยังมีลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจได้อีก

    ข้อเจ็ด ไม่ลองเปลี่ยนใจกลับมาคบผู้หญิงดูหน่อยล่ะ?
    :แม่ผมบอกว่า ผมยังไม่เคยลองจีบผู้หญิงดูเลย จะรู้ได้ไงว่าแบบไหนดีกว่ากัน และถ้าหากอยากจีบผู้หญิงเมื่อไหร่ก็บอกนะ แม่จะออกค่าดูหนัง ค่าพาสาวเที่ยว ค่าดอกไม้ให้ฟรี ๆ

    ข้อแปด เป็นข้อปลีกย่อยที่แม่ผมเปรียบเทียบระหว่างคู่เกย์และคู่คนปกติ
    เช่น ผลกระทบต่อหน้าที่การงาน
    ขอบเขตของการแสดงความรักในที่สาธารณะ
    การมีเพศสัมพันธ์ (อันนี้แม่ผมกล่าวอย่างชัดเจนเลยว่า เกย์มีสัมพันธ์กันทางทวารหนักซึ่งไม่มีน้ำหล่อลื่นตามธรรมชาติ แล้วมันจะมีความสุขเหรอ ซ้ำยังทำให้ง่ายต่อการเกิดโรคต่างๆ เช่นมะเร็งลำไส้ ผมก็เหมือนน้ำท่วมปาก ตอบไม่ได้ว่ามีวิธีเป็นร้อยเป็นพันในการช่วยให้เพศสัมพันธ์มีความสุข เพราะแม่ผมคิดว่าผมยังบริสุทธิ์อ่อนต่อประสบการณ์อยู่ )

    ข้อเก้า ไม่หวังจะมีลูกไว้ดูแลยามแก่เฒ่าหรอกรึ?
    :แม่ผมยกตัวอย่างญาติอาวุโสคนหนึ่งที่อายุมากแล้ว ไม่มีลูกไม่มีหลาน ตกบันได ตกเรือนไม่มีใครมาดูแล
    ชีวิตที่ลำบากแบบนั้น แม่เป็นห่วง

    ข้อสิบ คนเป็นเกย์ขี้ขลาด ไม่กล้าเป็นผู้นำ ไม่กล้าเป็นที่พึ่งพิงของผู้หญิง จริงหรือ?
    :ข้อนี้ผมตอบไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ผมไม่รู้ว่าผมขี้ขลาดจริงหรือเปล่าที่ไม่กล้าเป็นผู้นำครอบครัว

    ข้อสิบเอ็ด ข้อนี้คงเป็นข้อสุดท้าย เป็นข้อที่แม่ผมอยากทราบเกี่ยวกับลักษณะของเกย์สีฟ้า ว่าวางตัวยังไง อยากเป็นผู้หญิงหรือเปล่า มีอะไรผิดแปลกจากผู้ชายธรรมดาบ้าง เวลาอยู่ด้วยกันกับคู่ชีวิต ใครจะเป็นช้างเท้าหน้าช้างเท้าหลัง ต้องมีใครอุปถัมภ์เลี้ยงดูใคร ประมาณว่าต้องมีคนหนึ่งปฏิบัติหน้าที่แบบแม่บ้าน ส่วนอีกคนออกไปทำงานหาเลี้ยงหรือเปล่า?




    แต่ข้อที่แม่ไม่ได้ถามผมเลย คือเรื่องการเกรงกลัวว่าจะไม่มีใครสืบทอดเป็นทายาทต่อ และเรื่องการบวชเพื่อทดแทนคุณแม่
    ส่วนใหญ่ที่ถาม มักจะเป็นข้อที่เกี่ยวเนื่องกับความสุขของชีวิตในอนาคตของผม

    ขอยกข้อความของแม่มาอีกครั้งนะครับ



    “ยังรักอยู่เหมือนเดิมนะ แต่เป็นห่วงมากขึ้น”


    ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบของทุก ๆ คนนะครับ ผมเชื่อว่าข้อคิดเห็นของทุกท่านจะช่วยแก้ปัญหาความไม่เข้าใจของครอบครัวที่มีต่อตัวผม และต่อผู้อื่นซึ่งกำลังจะคัมเอ้าท์ในอนาคต

    จากคุณ : Spirit of Blue Sky - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 14:47:43 A:61.7.140.231 X: TicketID:116351 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป