CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    เรื่องสั้นขนาดย้าว...ยาว(ต่อ)

    “รักอลวน...หัวใจอลเวง”
    ตอนที่ ๓

    “เสร็จหรือยังจ๊ะลูก แม่ได้ยินเสียงรถมาจอดอยู่หน้าบ้านเราแล้วนะ” หญิงวัยกลางคนที่เดินสำรวจความเรียบร้อยอยู่หน้าบ้านส่งเสียงมาบอก

    “จริงเหรอคะ” พลอยสีกระวีกระวาดพาตัวเองออกจากครัวหลังจัดสำรับกับข้าวเสร็จ เธอกำลังจะเดินกลับขึ้นห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่เพราะรักเดียวโพล่งเข้ามาเสียก่อน

    “สวัสดีจ้ะพลอย” รักเดียวโผล่หน้าจากห้องรับแขกเข้ามาทักทายเธอ

    “มาเร็วจังเลยนะจ๊ะ” พลอยสีหัวเราะแก้เขินด้วยสภาพเนื้อตัวที่เลอะเทอะ ขณะที่วจีเพิ่งจะเดินตามเข้ามาพร้อมผลไม้หลายถุงในมือ

    “อ้อ...นี่พี่จี พี่ชายของฉันเอง” รักเดียวแนะนำผู้ชายที่เดินตามเข้ามา เขาเองเมื่อเห็นเพื่อนของน้องสาวก็ตกใจ “คุณ...” ทั้งพลอยสีและวจีต่างก็ตกใจเกือบจะพร้อมกัน แต่เสียงอุทานตกใจก็เปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะสดใส

    “แหม...โลกกลมจังเลยนะคะ ได้เจอกันอีกจนได้” พลอยสีเอ่ยขึ้น วจีก็พยักหน้าระรื่นอย่างเห็นด้วย

    “อะไรกัน...นี่พี่จีกับพลอยรู้จักกันแล้วเหรอคะ” รักเดียวกลับต้องงงงัน เธอคิดว่าเรื่องบังเอิญแบบนี้จะมีแต่ในละครเสียอีก

    “เพิ่งเจอกันเมื่อตอนเย็นนี่เองตอนไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต พี่จีของเธอนี่แหละจ้ะช่วยฉันเข็นรถที่จอดขวางตรงทางออก” พลอยสีเล่าคร่าว ๆ ขณะที่วจีแอบรู้สึกยินดีที่ได้เจอเธออีก และปลาบปลื้มที่เธอเอ่ยปากชื่นชมเขาให้รักเดียวฟัง

    “ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าความบังเอิญจะทำให้เรามาเจอกันอีก” วจีเอ่ยขึ้นเสียงนุ่มนวลจนเหมือนจะตรงกับที่พลอยสีคิดอยู่ในใจ

             พลอยสีขอตัวขึ้นไปเปลี่ยนชุด ขณะที่พ่อกับแม่ของเธอคอยทำหน้าที่ต้อนรับรักเดียวกับพี่ชายเป็นอย่างดี ครู่เดียวพลอยสีก็เดินลงมาในชุดใหม่ที่สวยหวานชนิดที่วจีเห็นแล้วหัวใจเต้นโครมครามทีเดียว
             รักเดียวกับพลอยสีช่วยกันจัดผลไม้ใส่จานและพูดคุยเรื่องสัพเพเหระและอดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องงานใหม่ ซึ่งแม้จะดูท้าทายแต่ก็น่าปวดหัวตรงที่ต้องร่วมงานกับมัคคุเทศก์ประสาทเสียคนหนึ่ง

    “แย่ที่สุดเลยล่ะพลอย...ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าตานั่นจะตั้งกฎข้อบังคับอะไรแบบนั้น ทำอย่างกับฉันเป็นเด็กในปกครอง”
    “เสียดายนะที่ฉันไม่รู้เรื่องนี้ก่อน ไม่อย่างนั้นจะแนะนำไกด์เดินป่ามือหนึ่งให้เธอรู้จัก รับรองว่าเขาคนนี้เป็นสุภาพบุรุษสุด ๆ”
    “แฟนเธอล่ะสิ” รักเดียวหัวเราะอย่างรู้ทัน เธอรู้ว่าคนรักของพลอยสีเป็นมัคคุเทศก์เดินป่า แต่ลืมไปเสียสนิทว่าพลอยสีเคยบอกหรือเปล่าว่าเขาชื่ออะไร
             ครู่ต่อมาเสียงรถอีกคันที่แสนคุ้นเคยก็มาจอดหน้าบ้าน แม่ของพลอยสีส่งเสียงเรียกลูกสาวที่ยังง่วนอยู่กับการจัดจานผลไม้หลังครัวพร้อมกับเดินไปต้อนรับเขาซึ่งลงจากรถมาพร้อมข้าวของมากมายอีกตามเคย

    “สวัสดีครับ...แม่” เขาเรียกอย่างนั้นจนชินปากและอีกฝ่ายก็ยินดี

    “สวัสดีจ้ะพ่อปราบ...เอ๊ะ แล้วนั้นรถไปโดนพวกตีนผีที่ไหนชนมาล่ะ”

    “อ้อ...บังเอิญว่าผมถอยไปชนกำแพงน่ะครับแม่” เขาตอบพร้อมเสียงหัวเราะเฝื่อน ๆ ในลำคอ

    “งั้นเหรอจ๊ะ” หญิงวัยกลางคนพยักหน้าก่อนจะเปลี่ยนเรื่องพูดที่จะไม่ทำให้ปราบศึกสลดใจมากไปกว่านั้น

    “เอ้า...เข้าบ้านกันเถอะจ้ะ ป่านนี้ยายพลอยกับเพื่อน ๆ คงนั่งจดจ่อรอพ่อปราบอยู่แล้วล่ะ” ว่าแล้วก็เชื้อเชิญเขาเข้าไปข้างใน

    “สวัสดีครับ” ปราบศึกรีบวางถุงผลไม้พะรุงพะรัง เพื่อยกมือไหว้ทำความเคารพพ่อของพลอยสีที่นั่งกอดอกดูรายการโปรดอยู่หน้าจอทีวี

    “อ้าวตาปราบ ข้าวของเยอะแยะเลย...เพื่อนยายพลอยก็ซื้อมาเยอะแยะเหมือนกัน” เสียงพ่อของพลอยสีเอ่ยขึ้นด้วยเสียงหัวเราะครื้นเครง ก่อนที่พลอยสีกับรักเดียวจะเดินมาจากครัวแล้วสายตาของปราบศึกก็หยุดกึกและตะลึงงัน

             ความบังเอิญเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับเข็มนาฬิกาที่เดินเป็นวงกลมไร้จุดหมายและไม่มีที่สิ้นสุด...สำหรับรักเดียวแล้ว เธออยากเอาหัวโขกกับโต๊ะสักสิบสักร้อยที เพื่อให้แน่ใจว่านี่คือเรื่องจริง แม้แต่ปราบศึกเองก็ไม่อยากเชื่อว่าคนที่เห็นตรงหน้านี้คือรักเดียว...

    “อ้าว เชิญทุกคนนั่งตามสบายเลยจ๊ะ” พ่อเป็นคนเอ่ยขึ้น ทุกคนต่างเลือกที่นั่งที่เหมาะสม รักเดียวกับวจีนั่งอีกฝั่งตรงข้ามกับปราบศึกและพลอยสี ส่วนพ่อกับแม่ก็ประจำตำแหน่งหัวโต๊ะคนละด้าน และนาทีต่อจากนั้นรักเดียวก็ไม่มีทางเลี่ยงสายตาปราบศึกไปไหนได้อีกเลย เพราะที่นั่งของเธออยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขาพอดิบพอดี
             
             มื้อค่ำที่น่าอร่อยเริ่มต้นขึ้นพร้อมบทสนทนาเรียบง่าย หลังจากพ่อกับแม่ของพลอยสีผลัดกันไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบของแต่ละคน และไม่ลืมสัมภาษณ์ความเป็นมาของวจีกับรักเดียว

    “ตั้งแต่เรียนจบ ผมก็มาเป็นอาจารย์ที่นี่ ความจริงคุณพ่ออยากให้กลับไปช่วยงานที่บริษัทแต่ผมตั้งใจจะให้ยายรักทำแทน แต่คุณเธอก็ดั้นด้นหนีขึ้นมาหางานทำที่นี่ด้วยจนได้” วจีเล่าอัตชีวประวัติให้ทุกคนฟังด้วยอารมณ์เบิกบาน แล้วพลอยสีก็ช่วยเล่าเสริมด้วยสีหน้าระรื่น

    “รักเค้าจบนิเทศค่ะ เรียนจบปุ๊บก็ขึ้นมาทำงานที่นี่เลย...ที่สำนักงานวารสารการท่องเที่ยวที่คุณธีระเป็นหัวหน้ากองบอกออยู่ไงล่ะคะ” พลอยสีจาระไนอย่างละเอียด

    “เป็นนักเขียนเหรอจ๊ะ คอลัมน์ไหนน่ะ พ่อก็ชอบอ่านวารสารนี้อยู่เหมือนกัน” พ่อของพลอยสีเอ่ยถามทำนองว่าอยากจะชื่นชม

    “ก็คอลัมน์เล็ก ๆ น่ะค่ะ” รักเดียวกล้อมแกล้มตอบเสียงแหบแห้ง

    “อ้อ...ช่วงนี้รักเค้ามีงานชิ้นใหม่ค่ะ ต้องขึ้นไปทำสกู๊ปพิเศษบนดอยด้วย” พลอยสีเล่าต่อ ขณะที่รักเดียวยังก้มหน้างุดเพื่อหลบสายตาปราบศึกที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

    “ฮื่อ...บังเอิญจังนะจ๊ะ ตาปราบก็เป็นไกด์เดินป่า เคยพาทีมงานรายการสารคดีดัง ๆ ขึ้นไปทัวร์หมู่บ้านชาวเขาตั้งหลายครั้ง” แม่ของพลอยสีพูดพร้อมส่งสายตาไปยิ้มให้กับว่าที่ลูกเขย

    “ใช่...ตาปราบชำนาญทางและคุ้นเคยกับหมู่บ้านชาวเขาเป็นอย่างดี ถ้าพ่อไม่แก่ขนาดนี้คงขอขึ้นดอยไปเยี่ยมชมหมู่บ้านชาวเขาด้วยเหมือนกัน เสียดายจังนะที่สองคนไม่ได้ร่วมงานกัน” พ่อของพลอยสีช่วยผสมโรงด้วยอีกคน ขณะที่ปราบศึกและรักเดียวเผลอเงยหน้าขึ้นสบตากันแวบหนึ่ง แล้วต่างคนก็ก้มหน้าก้มตาตักข้าวใส่ปากเคี้ยวต่ออย่างพะอืดพะอม

    “นั่นสิคะ...พลอยตั้งใจจะแนะนำให้ปราบกับรักรู้จักกันตั้งนานแล้วล่ะ แต่เห็นสองคนนี้ยุ่งอยู่กับงาน นี่ยายรักก็ต้องไปร่วมงานกับไกด์เพี้ยน ๆ คนหนึ่งซะอีก...เอ๊ะ ชื่ออะไรนะ เผื่อว่าปราบจะรู้จัก” พลอยสีถามเพื่อนที่ยังก้มหน้าก้มตาเขี่ยข้าวมือไม้สั่นอยู่อีกฝั่งของโต๊ะ ขณะที่ปราบศึกได้แต่นั่งนิ่งรับฟังอย่างฉุน ๆ

    “เอ่อ...ช่างเถอะจ๊ะพลอย ว่าแต่สปาเก็ตตี้แกงเขียวหวานนี่อร่อยดีนะ คุณแม่ทำเองหรือคะ” รักเดียวเสเปลี่ยนเรื่อง

    “เปล่าหรอกจ๊ะหนูรัก ยายพลอยเค้าลงมือเข้าครัวเองเลยนะ กับข้าวทั้งหมดที่เห็นก็ฝีมือเค้าทั้งนั้น” แม่ตอบอย่างภาคภูมิใจในตัวลูกสาว

    “ไอเดียดีจังเลยนะครับ สปาเก็ตตี้แกงเขียวหวาน รสชาติก็อร่อย...อร่อยกว่าภัตตาคารหรู ๆ อีกนะครับเนี่ย” วจีกล่าวชมพลางตักอาหารสุดอร่อยที่ว่านั้นใส่ปาก รักเดียวใช้ปลายเท้ากระทุ้งขาพี่ชายเพื่อจะตำหนิที่เขาดันทะเล่อทะล่าพูดจากะลิ้มกะเหลี่ยพลอยสีทั้งที่ปราบศึกก็นั่งอยู่ทนโท่

    “ไอเดียนี้พลอยเอาอาหารจานโปรดของปราบกับของรักมาผสมผสานกันนะสิ...ปราบชอบแกงเขียวหวาน ส่วนรักก็ชอบสปาเก็ตตี้...มารวมกันแล้วเข้ากันดี๊ดีว่าไหม...” พลอยสีหันไปถามปราบศึกที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาได้แต่พยักหน้าน้อย ๆ แทนคำตอบ กลืนสปาเก็ตตี้เขียวหวานลงคออย่างเงียบ ๆ พลอยสีจึงเปลี่ยนมาขอความเห็นจากรักเดียวบ้าง

    “ฮื่อ” รักเดียวพยักหน้าหงึกหงักพร้อมปั้นยิ้มฝืด ๆ

    “แล้วตาปราบล่ะจ๊ะ งานการไปถึงไหนแล้ว” พ่อของพลอยสีเริ่มต้นคำถามซึ่งมีทีท่าว่าจะต้องโคจรมาพัวพันกับเรื่องการทัวร์หมู่บ้านชาวเขาอีก

    “ช่วงนี้ก็ยุ่ง ๆ ครับ” เขาตอบสั้น ๆ

    “เข้าหน้าหนาวแล้วนี่จ๊ะ นักท่องเที่ยวก็ต้องเยอะเป็นธรรมดา เหนื่อยหน่อยแล้วกันนะ” แม่ของพลอยสีบอกเชิงให้กำลังใจ ปราบศึกส่งยิ้มอ่อนโยนให้กับคำพูดนั้นก่อนจะปรายหางตามองรักเดียวที่เผลอมองเขาพูดอยู่พักใหญ่

    “เหนื่อยกายนะไม่เท่าไหร่หรอกครับ แต่เหนื่อยใจนี่สิ...” เขาพูดพลางทอดถอนใจ ทำทีเป็นส่ายหน้าอย่างเอือมระอาแล้วพูดต่อ

    “วันมะรืนผมก็ต้องขึ้นดอย พาลูกทัวร์คนหนึ่งไปเยี่ยมชมหมู่บ้านชาวเขา แต่ไม่รู้ว่าจะรอดไปได้สักกี่น้ำ...เพราะคุณเธอออกจะเป็นคุณหนูไฮโซเหลือเกิน” เขาพูดจนคนฟังพลอยพยักหน้ารับรู้และเห็นใจตามไปด้วย ส่วนรักเดียวก็ทำได้แค่ก้มตะกุยข้าวใส่ปากเพื่อหลบสายตาเขาให้พ้น ๆ ไปเท่านั้น

             หลังอาหารมื้อค่ำเสร็จสิ้นลงรักเดียวจึงได้กลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง เธอกับวจีขอตัวกลับก่อน  ส่วนปราบศึกยังอยู่ต่อเพื่อนั่งคุยกับพลอยสีตรงม้าหินหน้าบ้าน

    “เป็นไงคะ เพื่อนที่พลอยเคยเล่าให้ฟัง” พลอยสีเอ่ยขึ้นขณะที่ปราบศึกมัวแต่ทอดสายตามองฟ้าที่พร่างไปด้วยดาวระยิบระยับจนไม่ทันฟัง

    “...” เขาเลิกคิ้วเพื่อทวนคำถาม

    “ก็ยายรักน่ะ...เป็นยังไงบ้างคะ”

    “ฮื่อ...ก็ดี” เขาตอบสั้น ๆ

    “ตอนที่พลอยได้เจอยายรักครั้งแรก คิดว่าเป็นนักศึกษาจบใหม่ที่ชอบทำตัวหัวสูงเสียอีก แต่พอได้ร่วมงานกันถึงรู้ว่าเค้านิสัยดีมาก ๆ” พลอยสีพรรณนาความดีความชอบของเพื่อนจนคนฟังเริ่มระอา เบื่อที่จะได้ยินชื่อนั้นเต็มทน

    “เสียดายจังนะคะ”

    “ฮึ” ชายหนุ่มเอียงหน้ามองหญิงสาวข้าง ๆ เพื่อจะฟังให้ชัดขึ้น

    “ก็เสียดายที่ยายรักไม่ได้รู้จักคุณเร็วกว่านี้นะสิ คุณจะได้เป็นไกด์พาขึ้นดอยทัวร์หมู่บ้านชาวเขาแทนที่จะเป็นผู้ชายนิสัยไม่ดีที่ยายรักบอกคนนั้น เอ้ ชื่ออะไรน้า...พลอยก็ลืมถามชื่อไปเลย” พลอยสีบอก ส่วนเขาได้แต่นั่งเงียบไม่ออกความเห็นอะไรทั้งสิ้น

    “อีกอย่างนะคะ รักเค้าเป็นคนอารมณ์ดีค่ะ ชอบชวนคุยเรื่องตลก ๆ อยู่เรื่อย” พลอยสียังโฆษณาไม่หยุดปาก และตอนนี้เองที่เขาเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่า “รักเดียว” คนนี้แหละที่ใส่ไฟว่าเขาเป็นเกย์หลอกจีบผู้หญิงเพื่อกลบเกลื่อน ...ยายตัวแสบเอ๊ย...ปราบศึกบ่นกับตัวเองอย่างเขม่นเข่นเขี้ยว

    “งั้นคราวหน้า ถ้าพลอยชวนคุณมาทานข้าวที่บ้านอีก พลอยจะชวนรักมาด้วยนะคะ เผื่อว่าจะมีโอกาสได้ร่วมงานกัน” พลอยสีบอกด้วยท่าทางกระตือรือร้น

    “ตามใจเถอะครับ” ชายหนุ่มตอบอย่างเสียไม่ได้ ทั้งที่ใจจริงอยากบอกเหลือเกินว่าอย่าชวนมาอีกเลย เพราะแค่นึกว่าจะต้องเจอหน้ากันอีก เขาก็อยากจะเอาหัวโขกกำแพงให้ตายไปเสียเลย และอยากบอกเหลือเกินว่าเพื่อนผู้แสนดีของพลอยสีนี่แหละ คือยายตัวแสบที่ชนท้ายรถเขาเมื่อหลายวันก่อน แล้วก็กำลังจะกลายมาเป็นลูกทัวร์คนล่าสุดของเขาอีกด้วย...

             พลอยสีใช้เวลาที่เหลือหลังมื้อค่ำพูดคุยอยู่กับปราบศึก แต่หัวข้อสนทนาส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับเพื่อนสนิทที่ชื่อรักเดียวคนนั้น จึงไม่มีช่องทางให้เขาพูดแทรกเรื่องที่จะขอเธอแต่งงานได้เลย

             พอปราบศึกกลับมาถึงบ้านก็ล้มตัวลงนอนด้วยความง่วง เพราะมัวแต่นั่งฟังพลอยสีสาธยายความผูกพันของเธอกับเพื่อนจนเกือบค่อนคืน ขนาดที่เขาแทบจะต้องหอบเอาเรื่องราวเหล่านั้นเข้ามาอยู่ในห้วงฝันเลยทีเดียว และแม้ว่าบรรยากาศใต้ฟ้าพร่างดาวหน้าบ้านพลอยสีจะสุดแสนโรแมนติกมากเพียงใด ปราบศึกก็ยังไม่มีโอกาสบอกความรู้สึกในใจสักที
             
             ที่บ้านสวนของวจีตอนนี้แม้ว่าจะดึกดื่นมากแล้ว รักเดียวก็ยังนั่งใจลอยอยู่ในซุ้มใต้ต้นลำไยสูงชะลูด เธอกำลังกลุ้มใจเรื่องที่คนรักของเพื่อนสนิทดันกลายเป็นคนเดียวกับนายมัคคุเทศก์ปากมอมคนนั้น

             นาทีนี้รักเดียวนึกภาพไม่ออกเลยว่าจะสามารถทำงานร่วมกับเขาได้อย่างไร...อย่าว่าแต่เรื่องที่ต้องเดินทางด้วยกันเลย แค่ว่าจะต้องเจอหน้ากันอีก เธอก็คงรู้สึกอิหลักอิเหลื่อจนอยากเอาหน้าซุกแผ่นดิน...ก็เพราะเธอดันไปนินทาว่าร้ายเขาตั้งมากมายขนาดนั้น...

    แก้ไขเมื่อ 18 เม.ย. 49 11:16:34

    แก้ไขเมื่อ 18 เม.ย. 49 11:15:49

    แก้ไขเมื่อ 18 เม.ย. 49 11:10:44

    จากคุณ : บุตรของเดือนและดาว - [ วันเนา (14) 17:44:56 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป