Meenas Kitchen : Chapter 10.
-----------------------------------------------------------
" ปึง ง!! "
เสียงแองจี้กระแทกกองหนังสือเรียนลงบนโต๊ะเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จนคนในสวนหย่อมของคณะเงียบกริบหันมามองต้นเสียงเป็นทางเดียว
" เกิดอะไรขึ้น ไฟไหม้เหรอ " ฉันมองซ้ายมองขวาอย่างตื่น ๆ
" ชั้นทนไม่ไหวแล้วนะ ! "
แองจี้ทิ้งตัวลงมานั่ง มองฉันตาหาเรื่อง ปากสีแดงแปร๊ดเม้มเหยียดออกจนแม้แต่ใบหน้าสวย ๆ ของเธอก็ไม่ทำให้ท่าทางในตอนนี้ดูดีขึ้นมาได้เลย
" มี่กำลังปิดบังเรื่องอะไรอยู่หรือเปล่า ทำไมช่วงนี้ชอบทำลับ ๆ ล่อ ๆ หลบหน้าพวกเราตลอด ชวนไปเที่ยวที่ไหนก็ไม่ไป "
เคเรนเอามือกอดอก ถามฉันด้วยน้ำเสียงของแม่ที่เค้นเอาความผิดจากลูก
" เปล๊า~า ไม่มี้ ไม่มี ซักอย่าง "
ฉันปฏิเสธเสียงแหลมปรี๊ด พยายามหันไปทางอื่นเพื่อซ่อนแววตาหลุกหลิกล่อกแล่กเอาไว้ไม่ให้มีพิรุธ เห็น ริช่ากำลังหรี่ตาจ้องมองฉันอย่างจับผิด
" วันนี้ เธอต้องไปเที่ยวกับพวกเรา ไ ม่ มี ข้ อ แ ม้ "
แองจี้ออกประกาศิตเสียงเฉียบขาด เป็นที่รู้กันในหมู่เพื่อนว่าลองเธอทำท่าทางอย่างงี้ สั่งอะไรต้องได้อย่างนั้น ไม่งั้นแม่คุณได้อาละวาดวีนแตกให้ได้อับอายโดยทั่วกันแน่ ๆ
" เอาหล่ะ ยอมแพ้ ... อยากไปเที่ยวไหนตามใจเธอสิ "
ฉันแบสองมือยอมจำนน มัวแต่หาสาเหตุอ้างโน่นนี่ทุกครั้งเพื่อบ่ายเบี่ยงพวกเธอชักไม่เข้าท่า เดี๋ยวจะผิดสังเกตกันไปใหญ่ ช่วงนี้ก็ไม่ได้ออกไปเที่ยวอัพเดตของอินเทรนด์ใหม่ ๆ ตั้งนานแล้ว ดูเปิดหูเปิดตาบ้างน่าจะดีเหมือนกัน
ถึงแม้การไปแต่ละครั้งจะหมายถึงจำนวนเงินที่ฉันต้องทำงานทั้งอาทิตย์ก็เถอะ
(TT___TT )
" ร้าน Snooze รัชดอยซอยแปดครึ่ง วันนี้สองทุ่ม " แองจี้บอกด้วยน้ำเสียงของผู้ชนะ
" เอาจริงอ่ะ เที่ยวกลางคืนเหรอ " ฉันร้อง ... ยังจำงานเลี้ยงเฟรชชี่ตอนที่อยู่ปีหนึ่งได้ดี สาขาวิชาของฉันเหมาบาร์ใกล้มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งเพื่อจัดปาร์ตี้ เพื่อนทุกคนสนุกกันสุดเหวี่ยงแต่ตัวฉันทนอยู่ในร้านได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องตาลีตาเหลือกรีบออกมาข้างนอกเพราะทนกลิ่นบุหรี่และอากาศที่เหม็นอับไร้การถ่ายเทไม่ไหว แถมริช่ายังพูดชวนแกมบังคับให้ลองจิบค๊อกเทลที่ผสมแอลกอฮอลล์ นิ ด ห น่ อ ย
ผลก็คือยายมีนาตื่นเช้ามาพบตัวเองเป็นผื่นแดงบวมฉึ่งเหมือนอึ่งอ่างเผือก คันคะเยอะไปทั้งตัวเพราะแพ้เหล้าอย่างรุนแรง
ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เฉียดกรายเข้าใกล้น้ำเปลี่ยนนิสัยหรือเครื่องดื่มอะไรก็ตามที่ผสมแอลกอฮอลล์อีกเลย แม้ว่าพวกเพื่อน ๆ จะไปเที่ยวกันบ่อยแต่ฉันก็ขอตัวตลอด เมื่อก่อนแองจี้ไม่เคยว่าอะไรเลยแต่ทำไมคราวนี้ต้องมาบังคับให้ได้ดั่งใจขนาดนี้ด้วยนะ
" เอาไว้คราวหน้าไม่ได้เหรอ " ฉันพูดอ้อนวอน ขอความเห็นใจ
" ไม่ได้เด็ดขาด ! เธอยังเป็นเพื่อนฉันอยู่รึเปล่า ถ้าเพื่อนกันก็ต้องไปด้วยกัน ! "
ซะงั้น ... ตรรกะอย่างนี้ก็มีด้วย
ฉันมองแองจี้อย่างเหนื่อยใจ เพื่อนของฉันคนนี้น่ารัก มีหน้าหมวยแบบที่ผู้ชายสมัยนี้นิยม ผิวขาวใสกิ๊กด้วยฤทธิ์เลเซอร์และครีมบำรุงผิวราคาแพงหลายสิบขั้นตอน ราคารวมกันแล้วเลี้ยงข้าวเด็กต่างจังหวัดได้ทั้งกิ่งอำเภอ ทั้งกระเป๋าและรองเท้าแบรนด์เนมคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดของฤดูนี้ มีนามสกุลเก่าแก่โด่งดังเป็นที่รู้จักกันทั้งบ้านทั้งเมือง เธอดีเลิศเพอร์เฟคไปทุกอย่างยกเว้น " นิสัย " ... แต่ใครจะสน ในเมื่อเปลือกอันกิ๊บเก๋ของเธอมันห่อหุ้มมิดชิดขนาดนั้น
สิ่งที่ยืนยันถึงความคิดฉันได้อย่างดีคือ แองจี้ถูกล้อมหน้าล้อมหลังด้วยเพื่อนและเหล่าเพศตรงข้ามเสมอ ... ซึ่งฉันอยากป๊อปปูล่าร์แบบนั้นบ้างจัง ( ถึงแม้วิธีที่ได้มามันดูไม่ดีเท่าไหร่ก็เถอะ )
" ฉันนัดเพื่อนพี่มาร์คไว้ด้วย แบบว่าเค้าเห็นรูปเธอแล้วชอบมากเลย คนนี้หล่อน้า ... ขับบีเอ็มด้วยหล่ะ เลิกแอบมองพี่ปลายไม้ได้แล้ว ขานั้นน่ะ ... แบบว่ายังโหนรถเมล์เหงื่อท่วมมามหาวิทยาลัยอยู่เลย ไม่ผ่านย่ะ "
เคเรนได้แฟนไฮโซคนใหม่และรักกันดูดดื่มภายในเวลาอันรวดเร็ว ฉันเคยเห็นหน้าแล้วไม่ถูกชะตายังไงไม่รู้ ดูท่าทางยังไม่น่าไว้ใจ แถมยังขี้เก๊กทั้งที่ความหล่อยังไม่ได้เสี้ยวติ่งหูของนายคริสเล้ย ย
" ไว้เรียนเสร็จก็กลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ ถ้าเบี้ยวละก็ ... เธอไม่ต้องมาอยู่กลุ่มฉันอีกเลย เข้าใจมั้ยยัยมี่ " แองจี้พูดเสียงหวานในตอนแรกก่อนจะขู่แบบเชือดนิ่ม ๆ ในตอนท้าย
" จ้า า " ฉันรับคำเสียงอ่อย
.
แก้ไขเมื่อ 15 เม.ย. 49 17:57:13
จากคุณ :
อันปังแนน
- [
วันเถลิงศก (15) 15:57:49
]