CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    เพราะฉันไม่ใช่นางเอก ตอนที่ 5

    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4093854/W4093854.html

    ตอนที่แล้วค่ะ

    ============  

    เสียงเฮละโลของคนงานกำลังช่วยกันเก็บผลผลิตอย่างสนุกสนาน  พวกเด็ก ๆ และพวกผู้หญิงกำลังยืนต่อสายพานกันเป็นแถวยาว  เพื่อส่งต่อผลผลิตไปยังรถ 10 ล้อ  ส่วนพวกผู้ชายจะคอยรับคอยส่งในจุดที่ยากลำบาก  ต้องใช้พละกำลังมากเป็นพิเศษ   มองผลผลิตแต่ละผลอย่างอัศจรรย์ใจ  ไม่ว่าจะเป็นฟักทอง  แตงโม  แตงไทย  เป็นต้น    ลูกโต ๆ ทั้งนั้นเลย  นี่คือผลผลิตจากธรรมชาติไร้สารพิษจริง ๆ    

    ดินชื้น  เมื่อได้รับละอองน้ำพรำ ๆ จากสปิงเกอร์  แดดยามสายทอแสงอ่อนละมุน  หลานสาวเจ้าของไร่รีบเดินจนหกล้มได้แผลอีกแล้ว  เพราะเอาแต่มองแถวสายพานที่คนงานกำลังส่งต่อผลผลิตกันอยู่อย่างสนใจ  

    ผู้จัดการไร่ส่ายหัว  เขานึกไว้แล้ว  เพราะเฝ้ามองเธอตลอดเวลา  แม้เขาจะอยู่ใกล้  แต่ก็ไม่ได้ช่วยเธอแต่อย่างใด  ด้วยความรู้สึกที่อยากให้เธอช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุด  หัดพึ่งตัวเองในสิ่งที่เธอสามารถพึ่งตัวเองได้  เพราะในชีวิตจริงไม่มีพระเอกคอยช่วยเหลือนางเอกหรอก  แม้ลึก ๆ จะรู้สึกเกือบใจอ่อน  สงสารเธอ  อยากช่วยเธอเช่นกัน  

    “คุณหนูเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

    เด็กสาวเงยหน้ามอง  เกือบจะแสดงอาการดีใจออกมา   ถ้าหากคนที่ถามเธอขณะนี้เป็นผู้จัดการไร่ตะเกียงไพร  แต่ไม่ใช่เขา  เธอจึงได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ให้อย่างขอบคุณ  แล้วเลือกที่จะช่วยเหลือตัวเองมากกว่าที่จะคอยรับความช่วยเหลือจากหนุ่มคนงาน

    “ไม่เป็นไรหรอก  แค่นี้เอง  ขอบใจนะ”   เธอลุกขึ้นด้วยตัวเอง   แต่อดคิดต่อว่าผู้จัดการหนุ่มที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ อยู่ใกล้ ๆ เธอแท้ ๆ  ไม่เคยคิดที่จะช่วยเธอเลย  

    “คนอยากให้ช่วยก็ไม่ช่วย!  บ้าจริง ๆ เลย”  เธอบ่นเขาอยู่ในใจ

    “นายระบิล  ใจร้าย!!”  ไม่เข้าใจตัวเองทำไมต้องเคืองเขาด้วยนะ

    “เดินระวังหน่อยนะครับคุณหนู”

    เด็กสาวได้แต่พยักหน้ารับพลางยิ้มให้อย่างขอบคุณ   แล้วสลัดความคิดขุ่นเคืองผู้จัดการไร่ออกไป   รีบเข้าไปต่อแถวช่วยส่งผลผลิตด้วยอย่างร่าเริง

    นอกจากผลผลิตของทางส่วนกลางแล้ว  ถ้าหากไร่ของคนงานคนไหนต้องการให้ช่วยเก็บผลิต  พวกคนงานก็จะยกทีมไปช่วยกันด้วยความมีน้ำใจ  เสร็จงานแล้วทำอาหารเลี้ยงสังสรรค์กัน  มีความสุขเรียบง่ายตามประสาชาวบ้าน  

    ระบิลมองหลานสาวเจ้าของไร่อย่างชื่นชมในความกระตือรือล้น  สนุกสนานกับการช่วยเก็บผลผลิต  ภาพเวลาเธอทำงานอย่างเอาการเอางานน่ามองกว่าสิ่งอื่นใด  เธอดูสนุกสนาน  ยิ้มแย้มแจ่มใส  ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อเมื่อต้องทำงานออกแรงท่ามกลางแดดใสของยามสายจนถึงเวลาบ่ายคล้อย  เธอก็ยังไม่ยอมถอยหนีเข้าร่มไปหลบแดด  เสื้อผ้าดูมอมแมมเต็มไปด้วยขี้ดินขี้โคลนที่กระเด็นขึ้นมาเปรอะเปลื้อนเสื้อผ้าเต็มไปหมด  

    เมื่อเก็บผลผลิตเสร็จ  คนงานและเด็ก ๆ พากันกระโดดขึ้นรถ 10 ล้อเพื่อให้รถขับวนไปส่งตามบ้านของคนงาน

    รายได้ทั้งหมดของไร่ตะเกียงไพรจะนำเข้ากองกลาง  แล้วแบ่งเป็นเงินเดือนให้กับคนงานอย่างเหมาะสม  มีสวัสดิการเงินฝากออมทรัพย์  ค่าอาหาร  ค่าการศึกษา  ค่ารักษาพยาบาล  ที่เบิกจากกองกลางได้  เป็นต้น  หลานสาวเจ้าของไร่นั่งคำนวณรายได้เล่น ๆ  ตามที่ผู้จัดการไร่บอกคร่าว ๆ  เงินจำนวนไม่น้อยเลยรวมกันอยู่ที่กองกลาง  นี่แค่สังคมเล็ก ๆ ทำกันไม่กี่สิบคน  ถ้าเพียงเราจะยอมเสียสละ  ไม่เก็บส่วนเกินไว้กับตัวเอง  เก็บไว้ใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น  ถ้ากลายเป็นระดับประเทศชาติ  ทำได้อย่างนี้  เงินจะมากมายมหาศาลแค่ไหน  ประเทศไทยจะมีเงินพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้ากว่าประเทศใดในโลก  ประชาชนจะอยู่ดีกินดีทั่วหน้ากันแน่นอน  พอคิดถึงประเทศชาติขึ้นมา  หัวก็พาลจะปวดหนึบ ๆ ขึ้นมาทันที  คนไม่ต้องเสียสละขนาดนี้หรอก  มันเป็นสิ่งที่ไกลเกินฝัน  เอาแค่ไม่คอรัปชั่นก็ยังยากเลย  เพราะความโลภของคนไม่เคยหมดสิ้นไปจากโลกเสียที

    “คุณหนูก้มลงค่ะ”  เสียงดอกแคร์ตะโกนบอก  เมื่อรถวิ่งมาถึงบริเวณที่กิ่งก้านสาขาของต้นไม้ข้างทางยื่นเข้ามาในรถ

    ตะเกียงเกือบหลบไม่ทัน  ถ้าผู้จัดการไร่ไม่เอามือดึงเธอให้ก้มลง  

    รถวิ่งเขย่าไปเขย่ามาจนรู้สึกท้องไส้สั่นสะเทือนไปหมด  แต่ก็ยังรู้สึกสนุกสนานไปกับเสียงพูดคุยหยอกล้อของคนงาน  พากันหัวเราะเสียงดังอย่างเฮฮาเต็มที่

    รถ 10 ล้อจอดเมื่อถึงทางเข้าไร่สวนดอกแค

    ระบิลและคนงานสองสามคนกระโดดลงจากรถอย่างคล่องแคล่วช่วยกันขนปุ๋ยลง  แล้วช่วยกันขนเข้าไปไว้ในโรงปุ๋ยจนเสร็จเรียบร้อย   ตะเกียงกระโดดลงตาม  แต่เนื่องจากไม่ระมัดระวังให้ดีเลยล้มลงไปจุ้มปุ๊กอยู่กับพื้นอีกจนได้

    “โอ๊ย!”  เสียงเด็กสาวโอดครวญเบา ๆ  ก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นเอง  

    ผู้จัดการหนุ่มหันมามองแล้วส่ายหัวเล็กน้อยให้กับคุณหนูจอมซุ่มซ่าม

    เด็กสาวแอบทำปากยื่น  ขว้างค้อนสายตาใส่เขา

    “คนใจดำ!  ไม่ช่วยแล้วยังมาทำเป็นส่ายหัว หาว่าเราซุ่มซ่ามไม่เอาไหนอีก”

    “คุณหนูทานข้าวเย็นด้วยกันนะคะ”  ดอกแคชวน

    “ได้สิ!  ฉันยังไม่ได้มาทานข้าวเย็นที่บ้านดอกแคเลยเนอะ”  รวิวารส่งยิ้มให้อย่างยินดี

    มื้อเย็น  ครอบครัวคนงานครอบครัวไหนก็อยากให้หลานสาวเจ้าของไร่ตะเกียงไพรไปทานข้าวเย็นด้วยทั้งนั้น  เธอรู้สึกสนุกกับการแวะไปเยี่ยมเยียนและขอฝากท้องทานอาหารเย็นตามบ้านครอบครัวคนงานที่อบอุ่นและเป็นกันเอง

    “นาย  ด้วยนะคะ”  ดอกแคหันไปทางผู้จัดการไร่หนุ่ม  

    “ฝากท้องด้วยนะ ดอกแค”  ผู้จัดการไร่รับคำ

    ดอกแคยิ้มน้อย ๆ แอบซ่อนความดีใจที่สุดเอาไว้   และแล้วเธอก็มีโอกาสทานข้าวกับผู้จัดการหนุ่มซักที  จริง ๆ อยากชวนเขาทานข้าวด้วยกันตั้งนานแล้ว  แต่ด้วยความละอาย  ว่าเธอเป็นหญิงจะชวนผู้ชายมาทานข้าวเย็นตามลำพังคงไม่งาม  ทำให้ไม่มีโอกาสชวนเขามาทานข้าวด้วยกันซักที

    “คุณหนูอยากทานอะไรคะ”

    “ดอกแคทำอะไรให้ทานก็ทานทั้งนั้นแหละ”

    “เอาแบบแปลก ๆ เลยนะดอกแค สุดฝีมือเลย”  ผู้จัดการหนุ่มพูดพลางหันมาทำหน้ายิ้ม ๆ มองคุณหนูตะเกียง  อย่างไม่เชื่อว่าเธอจะทานอะไรได้ง่ายดายอย่างที่ปากบอก

    รวิวารทำเมินไม่รู้ไม่ชี้กับสายตายิ้มเยาะของผู้จัดการไร่

    “งั้นไปเดินเล่นในสวนกันค่ะ  อยากกินอะไรก็เก็บเลยนะคะ   เดี๋ยวจะพาไปเที่ยวน้ำตกลำธารที่อยู่ใกล้ ๆ ด้วย”

    “ว้าว!  ดีจัง  งั้นไปกันเลยนะ”  ตะเกียงลุนหลังดอกแคให้เดินนำไปทันที

    ทั้งสามคนเก็บผัก  เก็บผลไม้  อยากกินอะไรก็เก็บ  ไอ้โน่นก็น่ากิน  ไอ้นี่ก็น่าอร่อย  ผักสด ๆ กรอบ ๆ  ยอดอ่อน ๆ  ทั้งนั้นเลย  อะไรจะมีความสุขเท่านี้นะ  ถ้าผลผลิตมีมากก็แจกจ่ายแบ่งปันกัน  ที่เหลือจริง ๆ ถึงจะขาย  ไม่ต้องนั่งคิดถึงเรื่องเงินให้ปวดหัว  การให้นั้นสบายใจกว่าการรับ  ผู้จัดการไร่พยายามสร้างกระแสนี้ให้เกิดขึ้นในหัวใจของทุกคน   ทำให้ทุกครอบครัวพึ่งตัวเองได้   โดยไม่ใช่ต้องใช้เงินให้มากที่สุด  ให้ทุกคนอยู่ได้  โดยไม่ต้องใช้เงินเลย  ทุกคนจึงซึมซับอุดมการณ์นี้  มีชีวิตอยู่อย่างรู้จักคำว่า  พอ   และ  ให้คนอื่นให้มาก   ต่างพยายามจะไม่ยอมเป็นผู้รับฝ่ายเดียว  จะเป็นผู้ให้กันและกันมากกว่า

    “เอาพริกมั้ยดอกแค”  เจ้าหลานสาวเจ้าของไร่เอ่ยถามมองพริกสีแดงสีเขียวดกเต็มต้น

    “เอาสิคะคุณหนู  เก็บเลยค่ะ”

    “ไม่ต้องเก็บจนหมดต้นหรอกนะครับ”  ผู้จัดการไร่แกล้งเย้าแหย่

    “ถ้าไม่บอก  สงสัยคงจะเก็บหมดต้นอีกแน่ ๆ”  คนถูกล้อไม่ยอมพูดประชดใส่

    ระบิลส่งยิ้มให้อย่างล้อเลียน

    “นี่ขุดตะไคร้ต่อไปเลย  ไม่ต้องมายิ้มเยาะเลยนะ”

    ผู้จัดการไร่จึงหันหน้ากลับ  ก้มหน้าก้มตาขุดตะไคร้ต่อ  แอบยิ้มให้กับต้นตะไคร้ตรงหน้าเงียบ ๆ

    ดอกแคหันมามองทั้งคู่อย่างอดรู้สึกอิจฉาไม่ได้  แต่ก็บอกตัวเองว่า  เมื่อ “นาย” มีความสุข  เธอควรร่วมยินดีกับเขาด้วยจึงจะถูก

    พอเก็บผักผลไม้สำหรับอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยก็พากันไปนั่งเล่นข้างน้ำตก  ลำธารน้ำไหลใสเย็น  ฟังเสียงน้ำไหลเซาะโขดหินเพราะราวกับเสียงดนตรี  อากาศยามบ่ายคล้อยออกจะร้อนอบอ้าว  แต่ยังมีลมพัดตลอดเวลา  ต้นกล้วยที่ขึ้นอยู่ใกล้ ๆ  ใบกล้วยใบโตราวกับพัดคอยพัดวีให้รู้สึกเย็นสบายขึ้น

    “คุณหนูเล่นน้ำกันมั้ยคะ”  ดอกแคชักชวน

    “น้ำใสดีจังเนอะ  น้ำลึกรึเปล่า  ฉันว่ายน้ำไม่เป็นนะ”  คุณหนูตะเกียงก้มลงเอามือกวนน้ำใสไปมาเล่น

    “ไม่ลึกค่ะ  เป็นบางช่วง  อย่าไปเลยโขดหินด้านโน้นนะคะ”  ดอกแคชี้มือไปตามแนวโขดหินอีกด้านหนึ่ง  ที่มีดอกไม้ป่าขึ้นอยู่ข้างลำธาร

    “งั้นเอาเลยนะ”  ตะเกียงสาดน้ำใส่ดอกแคทันที

    “ว้าย!”  ดอกแคตกใจเพราะยังไม่ทันตั้งตัว  

    “เล่นทีเผลอหรอ  นี่แน่!”  ดอกแคเดินลุยสาดน้ำใส่ฝ่ายตรงข้าม  

    ผู้จัดการหนุ่มวิ่งหนีหลบเป็นพัลวัลเมื่อถูกสองสาวรุมสาดน้ำใส่  ชวนให้เล่นน้ำด้วยกัน  แต่เขาปฏิเสธ  อยากนอนหลับพักผ่อนมากกว่า   นั่งดูสองสาวเล่นน้ำกันอย่างเพลิดเพลินจนผล็อยหลับไป  

    หลานสาวเจ้าของไร่มองดอกแคกำลังนอนเล่นแช่อยู่ในน้ำอย่างมีความสุข  ใจอยากชวนไปดูดอกไม้ป่าสวย ๆ ด้วยกันทางด้านโน้น  แต่เห็นเพื่อนสาวกำลังนอนสบายเลยไม่กล้ารบกวน  เธอเดินลัดเลาะไปตามโขดหินอย่างระมัดระวัง  ดูดอกไม้สีสันสวยงาม  รูปร่างแปลกตาน่ารักน่าชัง  ธรรมชาติช่างบรรจงสร้างสรรค์สิ่งสวยงามขึ้นมาประดับประดาให้โลกนี้สดใสมีสีสันมีชีวิตชีวา

    สาวน้อยเอื้อมมือโน้มปลายกิ่งดอกไม้สีหวานที่ห้อยระย้าจากอีกด้านหนึ่งของลำธารมามองใกล้ ๆ อย่างสนใจเป็นพิเศษ  กลิ่นหอมหวานล่องลอยมาสัมผัสจมูกอย่างอ่อนโยน  กลีบดอกสีชมพูอ่อนบางใสราวแก้วจารนัย  เวลาต้องแสงแดดเป็นประกายสวยเหลือเกิน  ขณะที่เธอกำลังชมความงามของดอกไม้อย่างเพลิดเพลิน  อยู่ ๆ ก็มีอะไรบางอย่างไต่ขึ้นมาบนเท้าของเธอ!!   เด็กสาวสะบัดข้อเท้าอย่างแรงด้วยความตกใจตามสัญชาตญาณ  ทำให้เสียหลัก  พยายามจะทรงตัวไว้ให้ได้   มือคว้าปลายกิ่งของดอกไม้สีหวานดอกนั้นได้ทันท่วงที  แต่ทว่ามันบอบบางเกินไปที่จะใช้เป็นที่พึ่งพิงได้  มันหักออกจากกิ่งตามแรงดึงรั้งไว้  พร้อมกับตัวเธอที่ล้มคะมำลงไปในน้ำ

    รวิวารหายใจวาบ….!!  ตกใจสุดขีด…!!  

    แก้ไขเมื่อ 18 เม.ย. 49 23:39:48

    แก้ไขเมื่อ 18 เม.ย. 49 00:50:53

    แก้ไขเมื่อ 18 เม.ย. 49 00:12:26

    จากคุณ : ริเศรษฐ์ - [ 18 เม.ย. 49 00:10:20 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป