ความรักไม่ต้องใช้เวลา...ความผูกพันต่างหากที่ต้องใช้เวลา
ผมจึงรักคุณตั้งแต่แรกเห็น...และทุกเวลาทุกนาทีผมก็เอาหัวใจไปผูกพันไว้กับคุณ
เอ่อ...ขอโทษนะคะคุณรู้จักบ้านกำนันดำหรือเปล่าคะ
หนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นกับกางเกงยีนสีเข้มละสายตาจากภาพดวงอาทิตย์สีส้มแสดเบื้องหน้าที่กำลังคล้อยต่ำลงสู่ผืนน้ำทะเลกว้าง หันหน้ามองเจ้าของเสียงหวานๆ ที่ยืนไม่ไกลนัก...ใบหน้าขาวเรียบเนียนที่ประกอบไปด้วยเครื่องหน้าขั้นเรียกว่าสวยมากมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นตรงปลายจมูกและไรผมสีดำสนิท บ่งบอกให้รู้ว่าเธอเดินมาเหนื่อยพอสมควร
เอ่อ ว่าไงคะ รู้จักหรือเปล่า เห็นคนถูกถามมองหน้านิ่งเงียบ หญิงสาวจึงเอ่ยถามย้ำอีกครั้ง หาก ปวีร์ ก็ยังมองหน้าเธอนิ่ง
ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนที่ไม่รู้มารยาททางสังคมถึงได้จ้องมองเธอขนาดนั้น เพียงแต่...หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้เป็นคนที่เขาไม่อยากเชื่อว่าเธอจะมายืนตรงนี้จริงๆ เขากระพริบตาถี่ๆ สองสามครั้งหากเธอก็ไม่ได้หายไป...แสดงว่านี่คือความจริง
ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าคุณไม่รู้จักฉันไปถามคนอื่นก็ได้ เห็นเขาทำท่าทางแปลกๆ ณิชาพัชร์ก็คิดในใจว่าเขาคงเป็นพวกไม่สมประกอบ หรือหาไม่ก็คงฟังภาษากลางไม่รู้เรื่อง เธอจึงเดินผ่านเขาไปโดยไม่รอคำตอบ
เดี๋ยวครับคุณ...ผมรู้จักบ้านกำนันดำ
ปวีร์เรียกสติของตัวเองกลับมาจากอาการอึ้ง หันหลังไปเรียกเธอไว้ พร้อมกับบอกในสิ่งที่เธอถาม ณิชาพัชร์หันมาหาเขาด้วยรอยยิ้มจางๆ อย่างดีใจที่เขาฟังภาษากลางออกและรู้จักบ้านคนที่เธอถามหา หากในรอยยิ้มนั้นดวงตาของเธอกลับมีรอยหม่นเศร้าไว้มากมาย แม้ตอนนี้พระอาทิตย์จะลาลับไปแล้วแต่แสงสว่างก็ยังมีพอให้ปวีร์สังเกตเห็นรอยหม่นนั้นได้
...เกิดอะไรขึ้นกับเธอ...ณิชาพัชร์คนที่เคยมีเพียงรอยยิ้มสดใส...
แล้วบ้านกำนันดำไปทางไหนล่ะคะ คุณช่วยบอกทางให้ฉันหน่อย ณิชาพัชร์ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานสุภาพตามแบบฉบับของเธอ
แล้วคุณจะไปบ้านกำนันดำทำไมเหรอครับ
เขาอดไม่ได้จริงๆ ที่จะถาม อยากรู้ว่าเธอมาที่นี่ทำไมในเวลานี้ ทั้งที่เธอควรจะอยู่ที่โรงแรมไหนสักแห่งที่มีงานเลี้ยงใหญ่โต เอ๊ะ ไม่สิ วันนี้มันวันที่สิบห้ากุมภาพันธ์แล้วนี่นา เธอต้องอยู่ที่เรือนหอต่างหากล่ะ...แล้วทำไมเธอถึงมาคนเดียว ทำไมไม่มีใครอีกคนมาด้วย ยิ่งคิดยิ่งสงสัย
ฉันจะไปเช่าเต็นท์นะค่ะ เมื่อกี้ตอนลงรถมาฉันถามคนขับเขาบอกว่าที่นี่มีเต็นท์ให้พักอย่างเดียว
เธอตอบด้วยความผิดหวังเล็กน้อยเพราะอันที่จริงเธอต้องการมาพักที่นี่นานๆ อาจจะเป็นอาทิตย์ เป็นเดือน หรือเผลอๆ อาจจะเป็นปีเลยก็ได้...แต่ถ้ากางเต็นท์นอนอย่างมากเธอก็คงพักได้ไม่เกินสามวันแน่นอน
เอาอย่างนี้ดีกว่า เดี๋ยวผมพาคุณไปบ้านกำนันดำเองแล้วกันนะครับ
เขาเสนอตัวด้วยรอยยิ้มบางๆ ความสงสัยที่มีมากมายในสมองถูกสลัดทิ้ง เพราะตอนนี้แค่เห็นสีหน้าหม่นๆ ของเธอเขาก็ไม่อยากสนใจอะไรไปมากกว่าการได้ดูแลเธออีกแล้ว
ณิชาพัชร์มองเขาอย่างชั่งใจเพียงชั่วครู่เธอก็ตอบตกลง เพราะดูจากลักษณะท่าทางเขาแล้วคงไม่เลวร้ายอะไรนัก...นี่ล่ะมุมมองของเธอ มองในแง่มุมที่ดีเสมอ
อืม ให้ผมช่วยถือกระเป๋าให้ดีกว่าไหมครับ
ปวีร์มองไปทางด้านหลังเธอที่มีกระเป๋าเป้ใบค่อนข้างใหญ่ แล้วเขาก็เสนอตัวอย่างเป็นสุภาพบุรุษ ณิชาพัชร์มองหน้าเขาอย่างชั่งใจอีกครั้ง ในที่สุดเธอก็ปลดกระเป๋าออกจากหลังส่งให้เขาช่วยถือ
เหตุใดนะเธอถึงรู้สึกคุ้นชิน และอุ่นใจอย่างประหลาดเมื่อได้เจอผู้ชายคนนี้...
++++++++++++
จากหาดทรายเนียนละเอียดสีน้ำตาลอ่อนที่ทอดตัวยาวไปตามโค้งทะเลปวีร์ก็เดินนำหญิงสาวตัดแนวสนออกไปท้างด้านหลัง ไม่ไกลนักก็ถึงบ้านไม้สองชั้นหลังไม่ใหญ่โตนัก หากก็โดดเด่นจนน่าสนใจ รอบๆ บ้านมีต้นไม้นานาพันธุ์ ทั้งไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้ยืนต้น ตัวบ้านมีระเบียงยื่นออกมาไว้สำหรับนั่งพักผ่อน อีกอย่างที่ทำให้บ้านหลังนี้โดดเด่นนั่นคือ แถวๆ นี้ไม่มีบ้านหลังอื่นเลย นั่นทำให้ณิชาพัชร์รู้สึกแปลกใจ
...คนที่นำเธอมานี่เป็นใครกัน คำตอบในสมองมีสองอย่างคือ ถ้าไม่ใช่เจ้าของบ้านหลังนี้ก็ต้องเป็นนักท่องเที่ยว...แต่คำตอบหลังไม่น่าจะใช่เพราะถ้าเป็นนักท่องเที่ยวเขาก็ไม่น่าจะคุ้นทางขนาดนี้...
ถึงแล้วครับบ้านกำนันดำ ปวีร์หันมายิ้มให้หญิงสาวและเขาก็ได้เห็นความคิดในดวงตาของเธอ และความคิดนั้นก็หลุดออกจากปากเธอในที่สุด
คุณเป็นคนแถวนี้เหรอคะ คำถามของหญิงสาวทำเอาปวีร์หัวเราะออกมาเบาๆ
ผมเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ครับ คำตอบของเขาทำเอาณิชาพัชร์เบิกตาโต ด้วยความตกใจ...ไม่ใช่...เธอไม่ได้ตกใจที่รู้ว่าเขาเป็นเจ้าของบ้านแต่ตกใจที่...
คุณคือกำนันดำเหรอคะ
ณิชาพัชร์ถามอึ้งๆ ผสมแปลกใจเพราะก่อนจะมาที่นี่บิดาของเธอบอกกับเธอว่ากำนันดำเป็นเพื่อนของท่าน เธอจึงจินตนาการไปว่าเพื่อนของบิดาก็คงจะอายุพอๆ กัน หรือถ้าห่างก็คงไม่กี่ปี แต่นี่ดูท่าทางผู้ชายคนนี้น่าจะอายุมากกว่าเธอแค่ไม่กี่ปีเห็นจะได้
ปวีร์กลั้นหัวเราะก่อนจะตอบ หน้าตาผมอาจจะคล้าย แต่ผมไม่ใช่กำนันดำครับ เขาหยุดนิดหนึ่งเมื่อความเศร้าบางอย่างแล่นผ่านหัวใจ กำนันดำเป็นพ่อผมเอง ท่านเพิ่งเสียไป
เพราะคำตอบของเขามันชวนให้เศร้า บวกกับความเจ็บปวดในใจเธอที่คล้ายๆ กัน ทำให้ต่างคนต่างเงียบ บรรยากาศรอบกายก็เหมือนจะพร้อมใจกันปิดปากเงียบไปด้วย แม้กระทั่งเสียงลมแผ่วๆ ก็แทบจะไม่มี
ขึ้นบ้านกันดีไหมครับ
ในที่สุดเขาซึ่งเป็นเจ้าถิ่นและเจ้าของบ้านก็เป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบทั้งปวง หญิงสาวที่ยืนก้มหน้าเงยขึ้นมองเขาด้วยความไม่เข้าใจว่าเขาจะเชิญเธอขึ้นบ้านทำไม เธอมาเช่าเต็นท์ไม่ใช่มาพักที่นี่
เอ่อ ฉันรอตรงนี้ดีกว่านะคะ คุณช่วยให้ใครก็ได้เอาเต็นท์มาให้ฉันตรงนี้ อ้อ แล้วราคาเท่าไหร่ค่ะ ฉันขอเช่าสักสองวัน เธอระบายยิ้มแห้งเหือดไปให้เขา แม้จะมีทุกข์ในใจแต่คนอย่างณิชาพัชร์ก็ไม่เคยขาดรอยยิ้ม...แม้มันจะไม่สดใสเหมือนเก่าก็ตาม
ผมว่าคุณพักที่นี่ดีมั้ยครับ ผู้หญิงคนเดียวกางเต็นท์นอนมันอันตราย ไม่ต้องกลัวนะครับที่นี่มีผมกับแม่บ้านของผมสองคน รับรองว่าคุณปลอดภัยแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ อีกอย่างคุณจะพักที่นี่นานเท่าไหร่ก็ได้ผมยินดีต้อนรับ อันที่จริงเขาอยากจะบอกเธอออกไปว่า...เขาไม่มีวันทำร้ายเธอเด็ดขาด ไม่มีวันทำร้ายคนที่ใจเฝ้าคอยแน่นอน...
ณิชาพัชร์มองสบตาเขาที่มองมา ทำไมมันดูมีความหมายลึกซึ้งเกินกว่าคนที่เพิ่งรู้จักกันจะพึงมี และทำไมเธอถึงรู้สึกอบอุ่นคุ้นเคยยิ่งนักกับผู้ชายคนนี้ หรือเธอเคยรู้จักเขามาก่อน...ไม่มีทาง...เธอจะรู้จักเขาได้ยังไงเธอไม่เคยมาที่นี่เลยสักครั้งนี่นา
หรือเพราะความห่วงใยนี้มันคล้ายกับความห่วงใยของ...นิพัทธ์...คนที่เธอตกลงร่วมชีวิตด้วย แต่สุดท้ายเขาก็ทิ้งให้เธออยู่เพียงลำพัง ทิ้งให้เธออยู่กับความเหงา เศร้า และความทรงจำที่สวยงาม หากเจ็บร้าวทุกคราวที่คิดถึง
คุณร้องไห้ทำไมครับ กลัวผมหรือ เขาถามด้วยความตกใจ และเหมือนณิชาพัชร์จะได้สติ เธอรีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไม่รู้ว่าร่วงลงมาตอนไหน
ปละ เปล่า ค่ะ เอ่อ คือฉัน... เธอไม่รู้จะตอบยังไง เพราะที่จริงแล้วบิดาของเธอก็ตั้งใจให้เธอมาพักที่นี่ บ้านกำนันดำ แต่เธอเองแหละที่คิดว่าจะพักที่โรงแรม หรือรีสอร์ทที่ไหนสักแห่ง อยากอยู่คนเดียว อยู่กับตัวเอง
หากเมื่อมาถึงเธอก็ได้รู้ว่า ณ เขาพลายดำ แห่งนี้ไม่มีรีสอร์ท ไม่มีโรงแรม ไม่แม้กระทั่งบังกะโล หรืออะไรที่พักได้อย่างสะดวกสบาย กลับมีเพียงเต็นท์ให้เช่านอนเท่านั้น
ผมรู้ว่าคุณมาตัวคนเดียวแบบนี้อาจจะเชื่อใจใครได้ยาก แต่ผมอยากให้คุณเชื่อว่าที่นี่จะปลอดภัยสำหรับคุณ อีกแล้ว...คำพูดของเขาทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยอีกแล้ว
ณิชาพัชร์มองเขาด้วยสายตาที่บอกว่ากำลังชั่งใจเป็นครั้งที่สาม หากแล้วเพราะอะไรก็สุดรู้ที่ทำให้เธอพยักหน้าตกลงเขาไปอย่างง่ายดาย
...ก็นะ ถึงไม่ใช่กำนันดำ ก็เป็นลูกชายกำนันดำ...คงไม่อันตรายจริงๆ อย่างเขาว่าแหละ อีกอย่างเขาก็มีแม่บ้านของเขาเองแล้ว คงไม่คิดมาทำอะไรเธอหรอก...
ปวีร์ยิ้มที่เธอยอมตกลง เขาถือกระเป๋าเป้ของเธอเดินนำขึ้นบันไดบ้านโดยมีเธอตามหลังไปด้วย
อ้าวคุณวีร์ มาแล้วเหรอคะ ป้าเตรียมอาหารไว้ให้แล้ว
ป้ามุก แม่บ้าน ของเขาส่งเสียงเป็นภาษาใต้ออกมารับเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ใบหน้าประแป้งขาวเป็นรอยนิ้ว ร่างอวบๆ สวมไว้ด้วยเสื้อคอกระเช้าสีฟ้าสดใส กับผ้าถุงลายดอกไม้สีน้ำตาลอ่อน
ขอบคุณครับ ป้าครับนี่คุณ
ณิชาพัชร์ค่ะ หรือ เรียกว่า เพชรก็ได้ค่ะ ณิชาพัชร์รีบแนะนำตัวเพราะนึกได้ว่าเธอยังไม่ได้แนะนำตัวกับเขา...หารู้ไม่ว่าเขาน่ะจำชื่อเธอแม่นยิ่งกว่าสิ่งใด
...ณิชาพัชร์...ชื่อที่แปลว่า เพชรอันบริสุทธิ์...เพชรที่ส่องแสงประกายสวยงามในใจเขา...
ครับ
และนี่ป้ามุกแม่บ้านของผม
เขาแนะนำให้เธอรู้จักกับแม่บ้าน ที่เธอแอบคิดว่าแม่บ้านที่เขาหมายถึงนั้นคือ ภรรยา ของเขา ณิชาพัชร์ยิ้มเจื่อนให้ป้ามุก อ้อ ส่วนผมชื่อปวีร์ครับ เขาแนะนำตัวเองด้วยน้ำเสียงที่ทอดเบา
ณิชาพัชร์หันขวับไปมองหน้าเขา ปวีร์ เหรอ เธอเคยได้ยินชื่อนี้ที่ไหนนะ ทำไมคุ้นๆ ที่ไหนๆ นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก และปวีร์ก็พอจะเดาความคิดเธอออก เขาตั้งใจแนะนำตัวเองให้เธอคิดอยู่แล้ว เพียงแต่ยังไม่อยากให้เธอนึกออกตอนนี้เลยไม่อธิบายอะไรให้เธอกระจ่างแจ้ง
ป้าครับ ป้าช่วยจัดห้องให้คุณเพชรเธอสักห้องนะครับเธอจะพักที่นี่กับเราสักระยะ เขาหันไปบอกป้ามุกด้วยภาษาใต้ที่ณิชาพัชร์ฟังไม่ออก แต่ก็พอจะจับใจความได้จากท่าทาง ว่าเขาให้ป้าแกเอาของเธอไปเก็บ
เราไปทานอาหารกันดีมั้ยครับคุณคงหิวแล้ว เขาบอกด้วยรอยยิ้มที่ยังคงทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นก่อนจะเดินนำไปทางห้องครัว โดยมีเธอเดินตามหลังพร้อมสายตาสำรวจรอบๆ บ้านไปด้วย
จากคุณ :
samita
- [
19 เม.ย. 49 04:52:31
]