CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ฟุตบอลโลกในฝันของฉัน

    ผมไม่ชอบกีฬาฟุตบอลเลย...

    และก็ไม่ค่อยเข้าใจในความรู้สึกของพ่อมากนัก ในการพยายามให้ผมรู้จักกับเจ้าเกมกีฬาชนิดนี้มาตั่งแต่เด็กๆ กับข้ออ้างเพียงเพื่ออยากให้ผมแข็งแรง และรู้จักการเข้าสังคมกับเพื่อนคนอื่นๆ แต่ข้ออ้างเหล่านี้ก็มากพอที่ทำให้ผมต้องจำยอมแล้วเออออไปกับพ่ออย่างเสียไม่ได้ กับการได้ใกล้ชิดบ่อยๆ บวกกับแรงสนับสนุนอย่างดีจากพ่อ ทำให้ผมค่อยๆ ซึมซับกับเจ้าเกมกีฬาชนิดนี้ทีละน้อย มันเหมือนเพื่อนสนิทที่ดีคนหนึ่งของผมเลยในช่วงเวลานั้น

    นึกย้อนกลับไปนอกจากการโลดแล่นในสนามของผมอย่างที่พ่อต้องการแล้ว พ่อยังหาวีดีโอฟุตบอลในสมัยนั้นที่หยิบยืมมาจากเพื่อนของพ่อที่ไปต่างประเทศบ่อยๆ มาเปิดให้ผมดูเป็นประจำ จนเมื่อร้านสตาร์ซอคเกอร์สาขาแรกที่พันธ์ทิพย์เปิดให้เช่าวีดีโอฟุตบอลขึ้น แน่นอน- พ่อพาผมไปสมัครเป็นสมาชิกเพื่อที่จะได้เช่าวีดีโอฟุตบอลกลับมาดูได้จุใจกว่าเก่า

    ผมค่อยๆ รู้จักเจ้ากีฬาชนิดนี้ดีขึ้นทั้งจากหนังสือสตาร์ซอคเก้อร์สมัยอา ย.โย่ง ยังอยู่ และวีดีโอจากทางร้าน กอปรกับการร่วมเล่นฟุตบอลกับพวกเพื่อนบ่อยๆ ไม่ช้าผมก็หลงรักมันอย่างหัวปักหัวปำ

    วันหนึ่งระหว่างที่ผมนั่งหน้าทีวีเพื่อรอเวลาดูฟุตบอลโลกครั้งแรกในชีวิตของผมจากการถ่ายทอดทางทีวี คือฟุตบอลโลก ปี 1982 ที่สเปน ‘เอสปันญ่า 82’ พ่อเดินถือบางอย่างซ่อนไว้ข้างหลังเข้ามาหาผม ก่อนค่อยๆ ยื่นกล่องกระดาษใบหนึ่งตรงหน้าผม “สำหรับลูก” พ่อพูดสั้นๆ ก่อนทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ผม “แกะดูเลยสิ” พ่อยิ้มใสพยักหน้าให้ ผมทำตามคำพ่อ ไม่กี่วินาทีจากนั้นสิ่งที่อยู่ในกล่องก็ทำให้ผมต้องตาลุกวาว รอยยิ้มผุดที่ใบหน้า ก่อนที่ผมจะกระโดดกอดพ่อแน่น!!

    ฟุตบอลโลกที่สเปนครั้งนั้น จบลงโดยทีมอิตาลีได้แชมป์ไป ผมเฉยๆ กับการที่ทีมอัซซูรี่ ได้ถ้วยเวิลด์คัพไปไว้ในอ้อมกอด เหตุผลไม่มีอะไรซับซ้อนเพียงแค่ผมจำความรู้สึกของตัวเองได้ว่า เสียความรู้สึกให้กับฟุตบอลโลกครั้งนี้ เพราะในแม็ทช์ที่นักเตะแดนรองเท้าบูทเขี่ยขุนพลแซมบ้าตกรอบ ความรู้สึกว่ามันช่างไม่ยุติธรรมเลยสำหรับทีมที่เล่นสวยงาม โชว์ทักษะสร้างความตื่นตา ตื่นใจเพื่อเอนเตอร์เทนคนดูอย่างบราซิลต้องมาตกรอบให้กับทีมที่เล่นตีหัวเข้าบ้านอีกทั้งยังเล่นหนักแถมอุดประตูตัวเองแน่นหนา แล้วรอจังหวะผิดพลาดของบราซิลเพื่อโต้กลับอย่างเดียว! พ่อหัวเราะผมแล้วเข้ามาบอกว่า กีฬาต้องมีแพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดา นักดาบที่แข็งแกร่ง ยังมีวันที่อ่อนล้า ให้อดีตเป็นไฟฉาย เพื่อส่องทางที่ดีในวันหน้าดีกว่า บราซิลต้องเรียนรู้เพื่อที่จะยิ่งใหญ่ต่อไป ผมไม่ค่อยเข้าใจคำพูดพ่อมากนักในวันนั้น แต่ก็พยักหน้าจดจำคำพ่อไว้ในใจ และอีกอย่างที่รู้ก็คือผมปราวารณา ตัวเองเป็นแฟนทีมบราซิลไปเรียบร้อยแล้ว

    เกมกีฬาชนิดนี้ ได้สอนอะไรให้ผมได้เรียนรู้อีกมากมาย ทั้งมิตรภาพ แง่งามในความคิด ดังคำที่ว่า ‘กีฬาสร้างคน’ ผมลุ่มหลงอยู่กับกีฬาฟุตบอล ที่พ่อปลูกฝังให้ผม ทำให้ผมรักที่จะอยู่กับมันมากกว่าจะลุ่มหลงไปกับสิ่งยั่วยุ ตามวัยอย่างที่ธรรมชาติในวัยหนุ่มเรียกร้อง ผมยกความดีอันนี้ให้กับพ่ออย่างไม่ต้องสงสัย ที่ทำให้ผมเลือกใช้วิธีต่อกรกับสิ่งเร้าพวกนั้นโดยการทุ่มเวลาที่มีให้กับเกมฟุตบอลที่รักมากกว่า

    เมื่อตอนที่ผมมีอายุเกือบ 18 ปีได้ มีอยู่วันหนึ่งพ่อมานั่งจับเข่าคุยกับผม แล้วพูดอย่างเปิดอกว่า ‘ทุกสิ่งที่ผ่านมา พ่อขอโทษ’ แวบความรู้สึกนั้นผมตกใจ พ่อพูดต่อว่า เหตุที่พ่อต้องเคี่ยวเข็ญอยากให้ผมสนใจเกมฟุตบอล เรื่องที่อยากให้ร่างการแข็งแรงก็ถูก อยากให้มีสังคมกับเพื่อนๆ ก็ถูก แถมยังรู้สึกดีใจที่ผม ไม่หลงใหลไปกับการเที่ยวเตร่ กินเหล้าเมายา เหมือนอย่างเพื่อนฝูงที่เห็นรอบตัว เสียงพ่อเริ่มสั่นก่อนพูดออกมาว่า ‘ที่พ่อทำไปเพื่ออยากทดแทนสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้ในวัยหนุ่ม เมื่อมีลูกก็อยากให้ลูกมาเติมเต็มความฝันนั้นที่คั่งค้างของตัวเองไว้’ พ่อก้มหน้าหงุดหลบสายตาผม ‘พ่อบอกว่าอยากเล่นบอลให้ได้เก่งๆ เพราะการดูฟุตบอลโลกในอดีตแล้วเห็นเหล่านักเตะดังๆ ของบราซิลอย่างไข่มุกดำ เป่เล่ หรือไม่ก็เจ้าชายลูกหนัง ทอสเทา หรือกระทั่งเจ้านกน้อย การ์รินช่าของบราซิล ก็เลยอยากเป็นบ้าง เมื่อตัวเองทำไม่ได้ก็เลยต้องมาลงที่ลูก แต่ก็ไม่ได้หวังไกลถึงขนาดว่าผมต้องเป็นแบบพวกนั้น เพราะพ่อเข้าใจระหว่างความจริงกับความฝันได้ดี แม้สิ่งที่พ่อคิดออกจะดูเกินความเป็นไปได้แต่ภาพที่ติดในห้องพ่อ ซึ่งเป็นภาพของ วิทยา เลาหกุล ในชุดฟอร์มของแฮร์ธ่า เบอร์ลินยอมทีมดังของบุนเดสลีกา ของเยอรมัน ในช่วงทศวรรษที่ 80 ก็บ่งบอกได้ดีว่าสิ่งที่พ่อคิดก็ไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อแต่อย่างใด ’ พ่อบอกว่า ‘พ่อขอโทษที่มัวแต่รับใช้ความฝันแต่ของตัวเองโดยไม่เคยแม้แต่จะถามลูก’ ในวันนั้นพ่อเสหน้าเพื่อหลบบางอย่างที่นองหน้า ผมโผเข้ากอดพ่อโดยไม่ลังเลแล้วบอกกับพ่อว่า พ่ออย่าคิดอย่างนั้น ผมต้องขอบคุณพ่อซะอีก ที่ทำให้ผมได้รู้จักกับเจ้าเกมกีฬาชนิดนี้ และตอนนี้ผมก็รักมันมาก รักมันโดยหัวใจตัวเอง ไม่ใช่รักเพราะพ่อสั่งให้รัก ขอให้พ่อสบายใจได้ ส่วนเรื่องที่จะเป็นอย่างที่พ่อหวังหรือเปล่า ให้อนาคตเป็นผู้ให้คำตอบ สิ่งที่ผมจำได้แม่นในความทรงจำก็คือในอ้อมกอดพ่อ ฝ่ามือพ่อในวันนั้นตบเบาๆ ที่หลังของผม เหมือนเป็นสิ่งที่แทนคำพูดของพ่อที่ตอบผมกลับมา

    นับจากนั้นไม่ว่าฟุตบอลโลกปี 1986 ที่เม็กซิโก,ฟุตบอลโลก 1990 ที่อิตาลี ผมอดตาหลับขับตานอนเพื่อเฝ้ารอดูการถ่ายทอดการแข่งขันเสมอ ทุกครั้งที่ได้ดูมีทั้งอารมณ์สนุกสนาน ตื่นเต้น เบื่อหน่าย ประทับใจ ในเกมการแข่งขัน คละเคล้ากันไป โดยมีพ่ออยู่ไม่ห่าง แม้ในทุกครั้งที่เราเฝ้าเชียร์ ทีมรักของเราจะไม่เคยไปถึงฝั่งฝันเสียทีก็เถอะ

    จนกระทั่งฟุตบอลโลกปี 1994 ที่สหรัฐอเมริกา การรอคอยที่ยาวนานของการที่อยากจะได้เห็นนักเตะแดนแซมบ้าคว้าถ้วยเวิลด์คัพก็สิ้นสุดลงเสียที ผมจำภาพ เบเบโต้ โรมาริโอ ดุงก้า ในท่า ‘กล่อมลูก’ ได้ดี ในตอนเฉลิมฉลองถ้วยแชมป์ น้ำตาผมไหลทุกครั้งเมื่อเห็นภาพนี้คราใด ความคิดถึงพ่อมันจุกขึ้นอก ใช่-พ่อผมจากไปก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลกที่อเมริกาจะเริ่มขึ้นไม่นาน พ่อผมไม่มีโอกาสเห็นความสำเร็จของทีมรักเลย

    อีกไม่นานการแข่งขันฟุตบอลโลก 2006 ที่ประเทศเยอรมันก็จะเริ่มขึ้นอีกครั้ง แน่นอน- คุณคงรู้ว่าผมจะเชียร์ทีมไหน ในแม็ทช์แรกในวันที่ 13 มิถุนายน ทีมบราซิลจะลงสนามพบกับทีมโครเอเชีย ที่เบอร์ลิน ผมคงต้องรื้อกล่องของขวัญที่พ่อให้กับผมในการดูการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรกในชีวิตของผม แล้วหยิบบางอย่างในกล่องขึ้นมา มันเป็นรองเท้าสตั๊ด อดิดาส รุ่นลาพลาต้า 13ปุ่มแบบถอดปุ่มไม่ได้ ที่พ่อให้ในวันนั้นขึ้นมาอีกครั้ง แม้สภาพมันจะทั้งเล็กและเก่าเกินที่จะใส่เล่นฟุตบอลได้อีกแล้วก็ตามที แต่ที่ไม่ลืมเด็ดขาด ก็คือเสื้อทีมชาติบราซิล ที่มีอักษรด้านหลังเสื้อว่า ‘suwun’ ซึ่งเป็นชื่อพ่อผม ผมจะสวมเสื้อบราซิลตัวนี้และมีรองเท้าสตั๊ดที่พ่อซื้อให้อยู่เคียงข้างขณะชมการแข่งขันที่ทีมบราซิลลงสนามทุกครั้ง จริงๆ ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมทำแบบนี้ แต่ผมทำแบบนี้มานานแล้ว นับตั่งแต่พ่อผมจากไป...

    ฟุตบอลโลกในฝันของหลายๆ คนอาจหมายถึง ฟุตบอลโลกที่มีแม็ทช์การถล่มประตูแบบมโหฬารอย่างที่ ฮังการี ถล่มเอลซัลวาดอร์ 10-1 เมื่อปี 82 ที่สเปน หรือฟุตบอลโลกที่มีแม็ทช์อื้อฉาวของ มาราโดน่า ที่ทำให้คำว่า “แฮนด์ ออฟ ก๊อด” เป็นทอคท์ออฟเดอะทาวน์ไปพักใหญ่ และต่อเนื่องกับลูกไถ่ปาปของมาราโดน่า ที่ลากจากครึ่งสนามก่อนซัดผ่าน ปีเตอร์ ชิลตัน นายทวารของอังกฤษเข้าไปสร้างภาพจำให้คนทั่งโลกรับรู้ว่าเป็นประตูที่สวยงามที่สุดตั่งแต่มีการแข่งขันมา หรือ ฟุตบอลโลกที่มีแม็ทช์คลาสลิคขึ้นหิ้ง ที่มีทุกอย่างที่ฟุตบอลดีๆ นัดหนึ่งพึงจะมี ที่พูดถึงกันต่อมาอย่างมิรู้ลืม อย่างนัด บราซิลเจอฝรั่งเศส ในปี 86 ที่เม็กซิโก หรือฟุตบอลโลกที่ฝรั่งเศส ‘ฟร๊อง 98’ที่มีแม็ทช์ที่สร้างฮีโร่ขึ้นมาประดับวงการลูกหนังโลกของ ไมเคิล โอเว่นที่ยิงทีมฟ้า-ขาว อาเจนติน่าจนทำให้พรมแดงในเวทีลูกหนังลูกปูต้อนรับ ‘เบบี้โกล’ อย่างเป็นทางการนับจากนั้นและต้องไม่ลืมในนัดเดียวกันนั้น ก็มี ‘ใบแดงอัปยศ’ ของสามีพอช สไปซ์เกิรล์ ที่เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน หรือกระทั่งล่าสุดฟุตบอลในฝันของใครอาจจะหมายถึงฟุตบอลโลกที่มีการการพลิกหน้าประวิติศาสตร์เวิลด์คัพอย่างที่ทีมพลังโสมจากเอเชีย อย่างเกาหลีใต้ จะสร้างเทพนิยายฉบับแดนกิมจิให้ชาวโลกต้องตื่นตะลึง ด้วยการคว้าอันดับ 4 ในฟุตบอลโลก ปี 2002

    แต่สำหรับผม ‘ฟุตบอลโลกในฝัน’ มันคือฟุตบอลโลกที่มีพ่ออยู่ดูด้วยต่างหาก
    แน่นอน- มันเป็นไปไม่ได้แล้ว
    แต่จะสำคัญอะไรละ ในเมื่อผมรู้แก่ใจตัวเองอยู่แล้วว่า ผมดูฟุตบอลโลกกับพ่อมาโดยตลอด
    ต่างแต่เพียงว่า.... เราทั้งสองต่างดูกันอยู่คนละที่ แค่นั้นเอง....



    โดย “ตานายเดิน”
    canabordee@yahoo.com

    หายหน้าไปนานครับสำหรับผม ส่งบทความนี้เพราะเห็นว่าใกล้กับเทศกาลบอลโลกที่เยอรมันพอดี หวังว่าเพื่อนๆ พี่ๆ คงพอจำชื่อนี้ได้
    ผมหายไปได้นวนิยายหนาเกือบ 300 หน้ามาเล่มนึง และส่งไป ให้บก. สนพ. แห่งหนึ่งพิจารณาอยู่ ผลไม่สำคัญแต่ก็คิดว่าคงไม่ผ่าน(ตามที่เคยเจอเป็นสิ่งปกติ) แต่ไม่เป็นไร ก็จะพยายามต่อไปนะครับ ขอบคุณทุกท่านครับ

    จากคุณ : "ตานายเดิน" - [ 21 เม.ย. 49 23:05:41 A:210.86.146.28 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป