สวัสดีครับ
เสียงที่ถูกส่งมาจากหลังเคาน์เตอร์ทำให้ผมยิ้มออก เสียง คนบนฟ้า
ที่สายฝนส่งมาให้ผม
สวัสดีครับ
อ้าว...วันนี้ไม่มีงานหรือครับ
อ๋อ...พอดีไปพบลูกค้ามา คงไม่เข้าบริษัทแล้วล่ะ
ผมว่าพลางเดินนั่งยังโต๊ะประจำ ทุกวันนี้ผมมักจะแวะเข้ามาทานกาแฟ
หรือของว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังเลิกงาน จะเพราะด้วยกาแฟรสนุ่มกับขนม
อร่อยๆ หรือเพราะคนตรงหน้าคอยบริการผมก็ไม่ค่อยแน่ใจในตัวเอง
เท่าไหร่นัก
นั่งด้วยกันก่อนสิ
ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพัทต้องทำงานก่อน
สรรพนามที่ใช้ในการเรียกเปลี่ยนไป เมื่อผมกับเขาสนิทกันมากขึ้น
จากที่คอยแทนตัวเองว่าผม ก็กลายเป็นว่าแทนด้วยชื่อตัว ดูน่ารักไปอีก
แบบนะผมว่า...
จนเมื่อเหลือลูกค้าคือโต๊ะผมตัวเดียวนั่นแหละ เขาถึงมาทรุดตัวนั่งลงตรง
ข้ามผม
เหนื่อยไหมพัท เห็นวิ่งวุ่นอยู่คนเดียว
ก็เหนื่อยนะครับ แต่สนุกด้วยแหละ
แล้วนี่งานไปถึงแล้วล่ะ มัวแต่ทำงานจะเสร็จไหมล่ะ
ก็ใกล้แล้วครับ...กำลังตรวจความเรียบร้อยน่ะครับ
คืนนี้ไปดูหนังกันไหม
อยู่ๆ ผมก็เปลี่ยนเรื่องเสียดื้อๆ จนทำเอาอีกคนชะงักมองใบหน้าผมอย่างงงๆ
ผมยิ้มหวานให้ พลางย้ำอีกครั้ง
คืนนี้ไปดูหนังกับพี่ไหม พี่เลี้ยงเอง
เอ่อ...
เขาทำหน้าลังเลนิดหนึ่ง จนผมต้องถามอย่างสงสัย
มีธุระเหรอ งั้นไม่เป็นไรไว้คราวหน้าก็ได้
ปะ เปล่า ไปครับ
จากนั้นผมก็นั่งจิบกาแฟ ทานเค้กช็อกโกแลตไปพลาง มองเด็กหนุ่มทำงาน
คนบนฟ้า ที่สายฝนส่งมาให้ผม อดยิ้มน้อยๆ กับความคิดนี้ไม่ได้
ถึงจะเจอกันเพียงแค่ไม่นานนัก แต่ผมกลับรู้สึกดีกับศิรภัทรอย่างบอกไม่ถูก
แม้ศิรภัทรจะไม่ใช่คนน่ารัก หรือดูดีเสียมากมายในสายตาใครๆ แต่ผมกลับ
รู้สึกว่าเขามีอะไรที่ดึงดูดให้อยากเข้าไปอยู่ใกล้ๆ ให้คอยดูแลคอยเอาใจใส่
ถ้าหากความรู้สึกนี้มันคือ ความรัก ผมก็อยากจะลองรักดูอีกสักครั้ง เมื่อมี
โอกาสในตอนนี้ผมก็อยากจะฉกฉวยเอาไว้ ไม่ใช่ยืนมองปล่อยให้ทุกอย่าง
มันผ่านไปโดยไม่ทำอะไรเลยเหมือนคราวก่อนๆ
---
พัท
ครับ?
คนข้างๆ ผมเงยหน้าขึ้นมาจาการดูเครื่องประดับเงินรูปแบบต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นสร้อย แหวน สร้อยข้อมือที่อยู่ตู้แสดงสินค้าตรงหน้าที่
เจ้าตัวดูอย่างสนใจเป็นพิเศษ
ชอบเส้นนั้นเหรอ
ผมว่าพลางชี้ไปยังสร้อยเงินเสนหนึ่งที่มีจี้เป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวดูน่ารัก
ใช่หยอก
ก็สวยดีครับ...
งั้นพี่ซื้อให้เอาไหม
เฮ้ย! พี่จะมาซื้อให้พัททำไม ไม่ต้องหรอก
ครับผม
หนังจะเข้าแล้ว พัทว่าเราไปดูหนังกันเถอะ
ว่าแล้วศิรภัทรก็เดินนำผมไปยังบันไดเลื่อนเพื่อขึ้นไปยังโรงภาพยนตร์ที่
ตั้งอยู่บนชั้นสูงสุดของห้าง
หนังที่เราเลือกดูเป็นหนังคอมมาดี้ตลกๆ ที่ผมกับเขาชอบดูเหมือนๆ กัน
เราคิดตรงกันว่า หากในชีวิตประจำวันของเรามีเรื่องให้คิดเสียมากมายแล้ว
เราจะมาดูหนังเครียดๆ กันอีกทำไม
เราเข้าไปในโรงเมื่อเหลือประมาณห้านาทีก่อนหนังจะฉาย ดูตัวอย่างหนัง
ไปพลาง กินข้าวโพดถังใหญ่สำหรับสองคนและดูดแป๊บซี่ที่ซื้อเข้าไปคน
ละแก้วซึ่งศิรภัทรดื้อที่จะจ่ายให้ เพราะจะได้รู้สึกว่า แฟร์ๆ กัน
ภาพเคลื่อนไหวตรงหน้าดำเนินไปเป็นเวลาสองชั่วโมงเต็ม หากผมคิดว่า
รวมๆ แล้วผมดูไปได้แค่ครึ่งชั่วโมงได้กระมัง เพระมัวแต่นั่งมองใบหน้าของ
อีกคนหัวเราะร่วนกับภาพตรงหน้าอยู่แทน ดูน่ารัก สดใส แล้วก็เป็นตัวของ
ตัวเองดีจริงๆ
มีบ้างที่คนถูกมองจะหันมาพร้อมกับเลิกคิ้วถาม แต่ผมก็ส่ายหน้าเสหันไป
มองหน้าจอภาพยนตร์เสียทุกครั้ง เจ้าตัวคงรู้แล้วหล่ะว่าโดนแอบมองอยู่
ไม่งั้นผมคงจะไม่สังเกตเห็นใบหน้าระเรื่อของอีกฝ่ายเมื่อโรงหนังสว่างจาก
แสงในจอภาพยนตร์เป็นแน่
เดี๋ยวพัทรอพี่ตรงนี้แป๊บนึงนะ เดี๋ยวพี่มา
ครับ
ศิรภัทรตอบรับพร้อมกับใบหน้างงๆ ผมเห็นเขานั่งลงตรงเก้าอี้เพื่อรอดู
หน้าโรงภาพยนตร์ ก่อนผมจะวิ่งรีบกลับมาภายในสิบนาที ดีที่เขายังนั่ง
อยู่ที่เดิมไม่ไปไหนเสียก่อน
ไปไหนต่อไหม
ผมถามพร้อมรอยยิ้ม วันนี้ผมมีความสุขจริงๆ ศิรภัทรก้มมองนาฬิกาข้อมือ
จะห้าทุ่มครึ่งแล้วพี่ กลับกันดีกว่า
ครับ
ผมพยักหน้าตกลง มันก็จริงอยู่นี่ก็ดึกแล้ว ไอ้ครั้นจะไปไหนก็คงจะไม่ได้
อีกอย่างพรุ่งนี้อีกคนต้องเปิดร้านด้วย กว่าจะตื่น กว่าจะไปที่ร้าน สายกันพอดี
ผมจัดการขับรถพาอีกคนมาส่งถึงที่ ศิรภัทรที่กำลังจะเปิดประตูลงจากรถ
หันมาถามผมอย่างไม่แน่ใจ
ว่าไงครับพัท
ขับรถดึกๆ อันตรายนะครับ พัทว่าพี่นอนห้องพัทก่อนไหม พรุ่งนี้ค่อยกลับ
อ่ะ...
ผมครุ่นคิดนิดนึงและก็ตกลงในที่สุด ขับรถไปจอดไว้ใต้ตึกคอนโดมิเนียม
ก่อนจะขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นสี่ซึ่งเป็นห้องพักของอีกคน
จัดการตัวเองจนเรียบร้อยเราก็มานั่งกันอยู่บนโซฟาตัวสีฟ้าหน้าจอโทรทัศน์
เครื่องเดิม หากกดรีโมตไปมาก็ไม่เห็นจะมีรายการอะไรน่าดูนัก จนแยกย้าย
กันจะไปนอนแล้วนั่นแหละ
สมองผมก็ครุ่นคิดวุ่นวายไปหมด
วันนี้ดีไหม...หรือไว้ก่อนดี
วันนี้ล่ะวะ!
พัท
ไม่ทันเสียแล้ว สมองกำลังกลั่นกรอง ไหงปากมันพาไปเรียกอีกคนที่กำลัง
ก้าวผ่านหน้าไปเสียแล้ว หนำซ้ำยังไปจับข้อมือเขาไว้อีกต่างหาก จนคน
ถูกเรียกไว้หันมามองผมอย่างไม่สงสัย
แต่เมื่อตัดสินใจจะทำอะไรไปแล้ว...เราก็ต้องเดินหน้าต่อ ไม่ว่าผลมันจะเป็น
อย่างไร เสี่ยงแค่ไหน แต่ถ้าสำเร็จมันก็น่าลองไม่ใช่หรือ
พัท
ผมเรียกชื่อคนตรงหน้าซ้ำอีกครั้ง พลางมองลึกเข้าไปในดวงตาสีสนิมของ
อีกฝ่าย ยกมือของเด็กหนุ่มทั้งสองข้างขึ้นมาเกาะกุมไว้อย่างมั่นคง
รู้ใช่ไหมว่าพี่คิดยังไงกับพัท
จนเด็กหนุ่มพยักหน้าน้อยๆ ผมจึงพูดต่อ พยายามบังคับเสียงให้หนักแน่น
สื่อให้คนตรงหน้าเห็นความตั้งใจจริงของผม
วันนี้พี่จะขอบอกพัทตรงๆ ...แต่ผลลัพท์จะเป็นยังไงพี่ก็จะยอมรับ ขอให้
พัทบอก
...พี่อยากบอกว่า พี่ชอบพัทนะ
เอ่อ...
ขอบคุณครับที่รับฟังพี่ ผมว่าต่อเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังนิ่งเฉยอยู่จนน่าใจหาย
งั้นพี่ไปนอนละนะ
ผมก้มหน้าเดินผ่านไปอีกทางเพื่อจะไปยังห้องนอนอีกห้องที่ถูกจัดไว้ให้
แต่เดินไม่ทันจะเกินห้าก้าว เสียงเรียกของอีกคนก็หยุดขาผมไว้เสียก่อน
จนต้องหันกลับมามอง
พี่วินท์
ครับ...
พัทก็ชอบพี่วินท์
ว่าไงนะ พี่ไม่ได้ยิน
ผมว่าพลางทำหน้าสงสัย เดินไปยืนข้างหน้าอีกคน ก่อนจะมองใบหน้าใสที่
ค่อยๆ เรื่อขึ้น
พัทว่าไงนะ
เอ่อ...ไม่มีอะไรครับ
อ้าว ตะกี๊ยังบอกว่าชอบพี่อยู่เลย
ศิรภัทรเงยใบหน้าแดงๆ ขึ้นมาถลึงตาโกรธๆ ใส่ผมอย่างรวดเร็วจนผมตกใจ
ว่าทำอะไรผิดไป
งั้นตะกี๊พี่วินท์ก็ได้ยินอ่ะดิ่ว่าพัทพูดอะไร แล้วยังจะมาถามอีก
ว่าแล้วศิรภัทรก็เบี่ยงตัวจะเดินกลับห้องนอนไปด้วยใบหน้างอง้ำหาก
แดงก่ำในคราวเดียวกัน แต่ผมก็มือไวพอจะคว้าอีกฝ่ายมาไว้ในอ้อมกอด
ได้ทัน
พี่ขอโทษนะ พี่ก็แค่อยากได้ยินพัทบอกชอบพี่หลายๆ ครั้งนี่
แล้วมาแกล้งพัทนี่นะ
พี่เปล่านะ
ผมค่อยๆ ดันตัวเด็กหนุ่มออกจากอ้อมกอด หยิบเอาอะไรบางอย่าง
ออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะจัดการใส่ให้ร่างตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
สร้อยที่ดูเมื่อหัวค่ำ?
ครับ พี่เห็นพัทอยากได้ แล้วชอบไหมครับ
เอ่อ...ชอบครับ...
แต่ก่อนจะอีกฝ่ายจะได้พูดอะไรต่อ ผมก็ชิงพูดตัดหน้าออกมาเสียก่อน
พัทเป็นแฟนพี่นะครับ
เอ่อ...
นะครับ....
ครับ
.........
เฮ้ย! พี่วินท์ปล่อยพัทลงนะ จะมาอุ้มพัททำไมเนี่ย
ก็เข้าหอไง
เข้าหออะไรเล่าพี่วินท์ ปล่อยพัทลงเดี๋ยวนี้น้า
ไม่ปล่อย!
ไม่ทันที่คนในอ้อมกอดจะได้พูดอะไรต่อ ผมก็รีบพาอีกคนสาวเท้าไปยัง
ห้องนอนแรกซึ่งติดกับห้องรับแขกทันที
...ปัง...
จบ
---
แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 49 16:17:34
แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 49 16:08:43
แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 49 12:39:08
แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 49 12:18:27
แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 49 12:16:32
แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 49 12:14:19