สายลม..........
อากาศ.........
แววสะท้อนในดวงตา............
สิ่ิ่งนั้น......ฉันไม่อาจเื้อื้อมมันได้.........
มีกระจกสองบาน หันหน้าเข้าหากัน และฉันก็อยู่ระหว่างกลางของกระจกคู่นั้น
ฉันหันซ้าย....ฉันเห็นใบหน้าซ้ำซ้อนไร้สิ้นสุดในบานซ้ายขุ่นมัวนั้น
ฉันหันขวา.....ฉันเห็นดวงตาทึบเศร้าไม่อาจนับได้ในบานขวานั้นเช่นเดียวกัน
ดวงตา......ใบหน้า......สะท้อนไปมา
ไม่อาจสะท้อนเปลี่ยนไปจากอื่น ด้วยความจริงตามหลักการหักเหของแสง
ถ้าหากสมองมีอำนาจมากกว่าที่จะเปลี่ยนการมองเห็นสู่นัยน์ตาให้เป็นไปตามที่สมอง"มองเห็น"
ฉันก็คงอาจเห็น........แววตาสดใสหนึ่งคู่ที่โดดเด่นกว่าในบรรดานัยน์ตาทึบเศร้าอนันต์นั้น
ซึ่งไม่ใช่ของฉัน................
สมองสั่งการมือให้ขยับ สมองสั่งการขาให้เดิน สมองสั่งให้กระทำสิ่งที่"สัตว์สังคม"ควรกระทำตามครรลอง
และสมองสั่งหัวใจทำงาน.......
แต่หากว่าในสมองฉันนั้น มีกระจกบานคู่หันเข้าหากัน โดยที่ยังคง"สะท้อนกลับ"ทั้งแววตาสึทึบและแววตาสดใสนั้น
็สิ่งที่สะท้อน บดบังความคิดสั่งการตาม"สัตว์สังคม"กระทำสิ้น
มือไม่ขยับดั่งใจ ขาไม่ก้าวเร็วกว่าที่ควร ถูกดูแคลนด้วยการกระทำที่น่าอืดอาด
เชื่องช้าเกินไปที่จะเอื้อมโอกาสอย่างใคร
และสายเกินที่จะสัมผัส........
แม้แต่อากาศที่อยู่รอบตัวเขา ฉันก็คว้ามาสัมผัสไม่ได้....
และมือของฉันก็ว่างเปล่า.......
และหัวใจของฉันก็เต้นช้าลง......
ผิวซีดขาวของฉันรับสัมผัสสายลมปะทะ เส้นผมบางลื่นตามสมัยนิยมกำลังลู่ลมไปด้านหลัง
ฉันหลับตา ด้วยสายลมเท่านั้นที่รู้สึก....
ขอเพียงแค่สายลม.......สายลมเดียวกับที่พัดปะทะเขาคนนั้น
ประหนึ่งว่าได้รับสัมผัสร่วมกับเขา.......ผ่านสายลม
มือที่ว่างเปล่าจะถูกกุมแน่น....
ไหล่ที่ว่างเปล่าจะถูกโอบกอด.....
ปลายคางจนถึงหน้าผากบนสุด.....อุ่นสัมผัสแนบ
สัมผัสแตะเบารู้สึกได้จากปลายจมูก
และ........อากาศอุ่นของเขานำพาริมฝีปากปรารถนา......แนบชิด
ความรู้สึกแห่งความจริงกลับมา......ทำให้ตระหนักชั่วหนึ่งว่า....สัมผัส.....ช่างหายไปเร็วยิ่งนัก
ทุกอย่างกลับมาว่างเปล่าในสายลมที่อ่อนกำลังลง
เหลือเพียงแต่แววตาสองคู่เหลื่อมซ้อนกันในกระจกสองบานในสมอง.....
เป็นหลักฐานการไขว่คว้าที่ว่างเปล่า....
ฉันยังคงหลับตาอยู่....มองภาพสะท้อนในความคิดที่อยู่เต็มสมองไปหมด
อะไรควบคุมร่างกายเป็นอันดับหนึ่งกันแน่
สมอง หรือ หัวใจ......ยังเป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ยังคงตีความไม่แตก
แม้ฉันรู้ว่าทุกอย่างที่กำหนดการกระทำนั้นมาจากสมอง แต่ฉันไม่แน่ใจตัวเอง
ความรู้สึกนั้น.....อยู่ในสมอง หรืออยู่ในใจกันแน่.....
ชั่วครู่หนึ่ง ภาพในกระจกสองบานในสมองไม่มีใบหน้าใดๆซ้อนไม่มีสุดสิ้นอีก
ผิดหลักตรรกศาสตร์ กระจกทั้งสองบานสะท้อนเพียงใบหน้าคู่เดียว...ใบหน้าเดียวกัน
ใบหน้าคุ้นนั้น...ที่กำลังยิ้ม.....
เขายิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน.......
ฉันรู้ดีว่ารอยยิ้มนั้น.....เป็นความทรงจำ....ที่เกิดขึ้นกับฉันจริง.....
และเป็นความทรงจำสุดท้าย....ก่อนที่สมองตีบตันจะสั่้งการกระทำหนึ่ง....
ก้าวเท้าไปข้างหลัง...........ในพื้นที่ว่างเปล่า
วูบสุดท้ายก่อนหัวใจจะไร้ความรู้สึกตลอดกาล...ฉันบอกกับรอยยิ้ม ให้ความรู้สึกสุดท้ายส่งผ่านสายสมไปถึงเขา.....ว่า
ขอให้มีความสุข................................
จากคุณ :
Reflection of Innocence
- [
26 เม.ย. 49 04:09:43
A:203.113.35.6 X:203.113.16.241 TicketID:119474
]