CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ของขวัญวิเศษ

    พระราชากับพระราชินีมีพระธิดาอยู่เพียงพระองค์เดียว

    ตั้งแต่เล็กจนโตเธอใช้เวลาหมดไปกับห้องสมุดปะจำเมืองมากกว่างานเต้นรำ

    ในตอนแรกพระราชากับพระราชินีก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรนักหรอก

    จนพระธิดาแสนสวยของพระองค์ไม่มีคู่ครองสักทีทั้งที่อายุของพระธิดานั้น
    เลยวัยที่น่าจะได้แต่งานไปเป็นปีที่สามแล้ว

    อีกทั้งเจ้าชายเมืองต่างๆค่างก็พากันแต่งงานไปจนหมดแล้ว

    รวมไปถึงเจ้าหญิงของเมืองข้างเคียงด้วย

    นั่นเป็นสัญญาณอันตรายว่าเจ้าหญิงจะเป็นสาวทึนทึกในไม่ช้า

    นอกจากพระราชาและพระราชินีจะยอมให้เจ้าหญิงแต่งงานกับชาวบ้านธรรมดา

    พระราชาคิดหนักว่าพระธิดาของพระองค์จะยอมทำตามหรือไม่

    ก็ขนาดเจ้าชายไม่รู้จะกี่พระองค์ต่อกี่พระองค์   เจ้าหญิงยังไม่เอาเลย

    พระราชากับพระราชินีลองถามเรื่องการแต่งงานกับเจ้าหญิงดู

    เจ้าหญิงถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะตอบว่า
    “ลูกจะแต่งก็ได้   แต่มีข้อแม้ว่าผู้ชายคนนั้น
    ต้องหาของขวัญมาให้ลูกหนึ่งอย่าง”

    พระราชาได้ฟังก็ยิ้มพลางคิดว่า
    ง่ายนิดเดียวเองของขวัญแค่นี้

    พวกลูกชายเสนาบดีแล้วก็พวกคหบดี
    คงมีของขวัญสวยๆมาให้ลูกหญิงเป็นแน่ทีเดียว

    แล้วเจ้าหญิงก็พูดต่อไปว่า
    “แต่ต้องเป็นของขวัญที่หาไม่ได้จากหนังสือเล่มไหนๆที่ลูกเคยอ่าน”

    พระราชาและพระราชินีต่างก็มองหน้ากัน
    ด้วยความที่รู้ว่าเจ้าหญิงอ่านหนังสือมากมายขนาดไหน

    คงจะเป็นพันเล่มได้  ไม่สิน่าจะเป็นหมื่นๆเล่มมากกว่า
    หรืออาจจะมากกว่านั้นก็เป็นได้
    แล้วอะไรล่ะที่จะไม่มีในหนังสือ

    เอาแค่มันมีอะไรอยู่ในหนังสือบ้างยังไม่ค่อยจะมีคนรู้เลย
    วันต่อมาพระราชาก็ให้ทำประกาศออกไปว่า

    “ชายผู้ใดก็ตามที่สามารถหาของขวัญที่ไม่มีในหนังสือที่เจ้าหญิงเคยอ่านได้
    ชายผู้นั้นจะได้แต่งงานกับเจ้าหญิง”

    ในเดือนแรกนับจากมีประกาศออกไป
    ผู้ชายเป็นพันๆคนต่อแถวยาวตั้งแต่หน้าตลาดยาวไปจนถึงตลาด
    แต่ทุกคนล้วนแต่ผิดหวังกลับไป

    ทั้งที่หลายคนมั่นใจในของขวัญของตนเองเป็นนักหนา
    ตัวอย่าเช่นชายผู้หนึ่งที่ปีนไปเก็บดอกไม้จากยอดเขามาให้เจ้าหญิง

    แต่คำตอบของเจ้าหญิงก็คือ
    “ในหนังสือที่ข้าอ่านมีดอกไม้งดงามที่ไม่มีวันโรยรา”

    ชายอีกคนอุ้มห่านตัวอ้วนเป็นของขวัญให้เจ้าหญิง
    เจ้าหญิงก็ตอบกลับไปว่า
    “ในหนังสือที่ข้าอ่านมีห่านที่ออกไข่เป็นทองคำ”

    อย่างไรก็ตามในเดือนที่สองก็ยังมีผูชายหลายร้อยคนมารอมอบของขวัญให้เจ้าหญิง

    แต่เจ้าหญิงก็ยังปฏิเสธไปเสียทุกราย
    ของขวัญที่ปราสาทเพิ่มมากขึ้น
    ความกลุ้มใจของพระราชาและพระราชินีก็เพิ่มมากขึ้น

    พระองค์ต่างก็ไม่รู้ว่าอะไรที่ไม่มีในหนังสือ
    พวกขุนนางก็ไม่รู้   ทหารก็ไม่รู้   ชาวบ้านก็ไม่รู้
    คงจะมีแต่พระเจ้ากับเจ้าหญิงเท่านั้นที่รู้

    พระราชาโกรธแค้นตัวเองที่ไม่เห็นความสำคัญของหนังสือมาก่อน

    พระราชินีตั้งใจว่าจะปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้กับคนทุกคนในเมือง

    เสียงโจษจันของชาวบ้านหนาหูขึ้นทุกที
    ว่าที่จริงแล้วพระราชาไม่ได้ต้องการให้เจ้าหญิงแต่งงานหรอก

    พระองค์อาจจะแค่อยากได้ของขวัญเพราะช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี
    และพระองค์ก็ไม่กล้าขึ้นภาษี

    จนเดือนที่สาม  
    มีผู้ชายที่มายืนรอเพื่อมอบของขวัญแก่เจ้าหญิงอยู่เพียงไม่กี่สิบคนท่านั้น

    หลังจากเจ้าหญิงปฏิเสธผู้ชายคนแล้วคนเล่า
    จนกระทั่งถึงคนสุดท้าย

    เขาเป็นผู้ชายร่างเล็ก   ตัวผอม   ใส่แว่นหนาเตอะ
    พระราชา   พระราชินี   เสนาบดีและขุนนางทั้งหลาย  
    รวมทั้งคนอื่นๆไม่มีใครรู้จักเขาหรอก
    และไม่มีใครใส่ใจจะรู้จักเขาด้วย

    พระราชาถามชายผู้นั้นว่า
    “ไหนล่ะของขวัญที่เจ้าเอามา   ข้ามองไม่เห็น”

    “ของขวัญของข้าพระองค์ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าพระเจ้าค่ะ”

    “แล้วมันคืออะไรล่ะ”

    “มันคือชีวิตที่จงรักและหัวใจที่ภักดีต่อเจ้าหญิง”

    พระราชาหันไปสบตาเจ้าหญิง  แทนที่จะเป็นคำปฏิเสธเหมือนเคย
    แต่เจ้าหญิงกลับยิ้มกว้างออกมา

    ทันใดนั้นเสียงแตรก็ระงมทั่วท้องพระโรงไปหมด
    ใครๆจึงเริ่มสนใจเขาขึ้นมา   เสียงกระซิบกระซาบดังแข่งกับเสียงแตร

    “เขาเป็นใครน่ะ”

    “เขาเป็นใครกัน”

    “เขาเป็นชาวเมืองของเราหรือเปล่า”

    “เขามาจากต่างเมืองใช่ไหม”

    “อ๋อ! บรรณารักษ์ของห้องสมุดประจำเมืองนั่นเอง”

    “อ๋อ! เป็นบรรณารักษ์นี่เอง”

    หลังจากเสียงแตรพร้อมด้วยเสียงกระซิบเงียบลง

    พระราชาจึงถามบรรณารักษ์ว่า

    "เจ้าหาของขวัญชิ้นนี้เจอได้อย่างไร"

    เขาเล่าให้พระราชาฟังว่าในเดือนแรก
    เขาค้นหาของทุกชิ้นในบ้าน
    ที่น่าจะไม่มีในหนังสือที่เจ้าหญิงเคยอ่านแต่ก็ไม่พบ
    ตลอดเดือนเขาไปทั่วทั้งเมืองแต่ก็ไม่พบของขวัญที่ว่า

    ในเดือนที่สองเขาจึงตัดสินใจไปยังเมืองอื่น  
    เมืองแล้ว   เมืองเล่า   แต่เขาก็ยังไม่พบอะไรอยู่ดี

    ในเดือนที่สามเขาจึงเดินทางกลับบ้านด้วยความผิดหวัง
    เขาเลิกนึกถึงของขวัญ  เลิกนึกถึงอะไรทุกอย่างนอกจากเจ้าหญิง

    ในที่สุดเขาจึงพบสิ่งที่เขาจะมอบเป็นของขวัญแก่เจ้าหญิง
    ของขวัญที่ซึ่งจะไม่มีในหนังสือเล่มไหนที่เจ้าหญิงเคยอ่าน

    หนังสืออาจพูดถึงความรัก  พูดถึงความภักดี
    แต่ความภักดีที่เขาเทิดทูนสูงสุดในชีวิต
    กับความรักของเขาที่มีต่อเจ้าหญิงอย่างยินยอมมอบกายถวายหัวใจให้
    ย่อมไม่เคยปรากฎในหนังสือเล่มใดมาก่อน

    และแล้วบรรณารักษ์กับเจ้าหญิงก็แต่งงานและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
    นั่นคือเรื่องที่ใครๆก็รู้กันทั้งเมือง

    แต่เรื่องที่ไม่มีใครรู้ก็คือ
    เจ้าหญิงรักบรรณารักษ์มาตลอด

    เจ้าหญิงตั้งใจว่าไม่ว่าขาจะนำของขวัญอะไรมาให้ก็ตาม
    เจ้าหญิงก็จะบอกว่ามันไม่อยู่ในหนังสือ


    ก็เรื่องหนังสือจะมีใครรู้ดีไปกว่าบรรณารักษ์กับเจ้าหญิงล่ะ

    จากคุณ : wormearth - [ 2 พ.ค. 49 17:45:48 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป