CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    เพื่อนสนิท...ของหัวใจ (ตอนจบ)

    “เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ขณะนี้ The number you…” นิ้วเรียวยาวของศุภกรกดปุ่มวางสายลงอย่างอ่อนใจก่อนที่เสียงนั้นจะพูดจบลง นี่เป็นครั้งที่ห้าแล้วที่เขาได้ยินเสียงนี้จากโทรศัพท์ของคนที่สัญญากับเขาว่าจะรอ

    “แกอยู่ไหนว่ะ ลูกแก้ว ฉันรอแกตั้งหลายชั่วโมงแล้วนะ แล้วทำไมฉันโทรหาแกไม่ติดเลย” ชายหนุ่มที่เชิญตัวเองมาเป็นแขกของบ้านลูกแก้วบ่นกับตัวเองออกมาเบาๆ หลังจากที่เขามานั่งรอลูกแก้วตั้งแต่ที่เขากลับถึงบ้านตอนหกโมงเย็น ตอนนี้จะสามทุ่มอยู่แล้วลูกสาวเจ้าของบ้านคนที่สัญญาว่าจะรอเขาก็ยังไม่มาสักที เขาเริ่มรู้สึกร้อนใจมากขึ้นเพราะเขาติดต่อเธอไม่ได้เลย

    “เป็นไงบ้างกร ติดต่อยัยลูกแก้วได้รึยัง แม่ล่ะเป็นห่วงเขาจริงๆ” แม่ของลูกแก้วเดินออกมาจากห้องครัวของบ้านมานั่งลงข้างๆชายหนุ่มด้วยสีหน้าเป็นกังวล

    “ยังเลยครับ ผมโทรไปหาเพื่อนเขาแล้วก็ไม่เจอเลย แต่ละคนบอกตรงกันว่าลูกแก้วเลิกเรียนแล้วก็ออกจากมหา’ลัยทันทีเลยครับ” ศุภกรถ่ายทอดคำพูดที่เขารับรู้มาจากเพื่อนแต่ละคนของหญิงสาวให้แม่ของเธอฟัง

    “แล้วเขาจะไปไหนนะ” แม่เธอพึมพำออกมาด้วยความเป็นห่วงหญิงสาว

    “ถ้าสี่ทุ่มแล้วลูกแก้วยังไม่มาผมจะออกไปตามเธอครับ” ชายหนุ่มบอกด้วยเสียงจริงจัง

    “แล้วกรโทรไปหาเอ็มรึยัง แม่เห็นช่วงนี้เขาออกไปกับเอ็มบ่อยเหมือนกัน คราวนี้อาจจะไปกับเอ็มก็ได้” แม่ของหญิงสาวถามชายหนุ่มเหมือนนึกขึ้นได้

    “โทรแล้วครับ เอ็มบอกว่าวันนี้เขาจะมาส่งลูกแก้วที่บ้าน ลูกแก้วก็ไม่ยอม บอกว่าจะกลับบ้านเองไม่อยากรบกวน เอ็มก็เลยไม่ได้เซ้าซี้อีก” ศุภกรบอกเล่าถึงคำพูดของชายหนุ่มอีกคน เขายังจำได้ถึงน้ำเสียงที่เป็นห่วงเป็นใยของเอ็มเมื่อเขาบอกว่าลูกแก้วยังไม่ถึงบ้าน พร้อมกับกำชับเขาว่าถ้ามีอะไรคืบหน้าให้โทรบอกด้วย แล้วเขาจะลองช่วยโทรถามเพื่อนคนอื่นๆให้ด้วย ได้อะไรก็จะโทรมาบอกเหมือนกัน

    “กรจะกินข้าวก่อนมั้ย ตอนนี้ก็ดึกแล้วนะ” แม่ของหญิงสาวถามคนที่นั่งหน้าเครียดอยู่ข้างๆ

    “ไม่เป็นไรครับ ผมจะรอลูกแก้วก่อน” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับเสียงโทรศัพท์มือถือของชายหนุ่มที่วางไว้บนโต๊ะดังขึ้น เจ้าของโทรศัพท์รีบกดรับสายทันทีเมื่อเห็นหน้าจอโชว์ว่าเป็นเบอร์ของคนที่พวกเขารอโทรเข้ามา

    “ฮัลโหล ลูกแก้ว แกอยู่ไหนตอนนี้ แล้วทำไมฉันถึงโทรหาแกไม่ได้เลย รู้มั้ยว่าทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วงขนาดไหน” ชายหนุ่มพูดใส่โทรศัพท์ทันทีด้วยความเป็นห่วง

    “เอ่อ...ขอโทษนะค่ะ คุณคือคุณกรใช่มั้ยคะ” เสียงที่ตอบกลับมากลับไม่ใช่เสียงเล็กใสอย่างที่เขาคุ้นเคย กลับเป็นเสียงของหญิงสาวที่ฟังดูแล้วน่าจะเป็นหญิงวัยกลางคนแล้ว ศุภกรที่ได้ฟังนิ่งไปด้วยอาการงงงันก่อนจะถามออกไปอย่างตะกุกตะกักว่า “ครับ คุณเป็นใครครับ แล้วทำไมถึงใช้เบอร์นี้โทรมาได้ครับ”

    “ดิฉันเป็นเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล...ค่ะ ดิฉันเจอโทรศัพท์ของคนไข้ในกระเป๋าน่ะค่ะ ดิฉันหาหลักฐานอะไรในตัวคนไข้ไม่เจอเลย เจอแต่โทรศัพท์นี่แหละค่ะ แล้วพอดีแบตมันหมดก็เลยหาที่ชาร์จมาชาร์จแล้วเปิดเครื่อง ก็เจอเบอร์ของคุณโทรมาเบอร์ล่าสุดก็เลยลองโทรมานี่แหละค่ะ” เสียงปลายสายที่ตอบมายิ่งทำให้ศุภกรงงยิ่งขึ้น

    “คุณบอกว่าเจ้าของโทรศัพท์นี่เป็นคนไข้ของโรงพยาบาลอย่างนั้นเหรอครับ” ชายหนุ่มถามออกไปเมื่อเริ่มรวบรวมข้อมูลต่างๆได้มากขึ้น

    “ค่ะ เจ้าของโทรศัพท์ตอนนี้อยู่ในห้องฉุกเฉินค่ะ เธอถูกส่งมาที่โรงพยาบาลเพราะรถเมล์ที่เธอนั่งมามีเด็กนักเรียนตีกันแล้วเธอก็โดนลูกหลงจากกระสุนปืนน่ะค่ะ แต่ไม่โดนที่สำคัญนะค่ะ เธอโดนยิงเข้าที่แขนค่ะ ตอนนี้หมอกำลังช่วยอยู่ค่ะ ส่วนกระเป๋าสตางค์ของเธอคงโดนมือดีขโมยไปตอนชุลมุนน่ะค่ะ” คุณเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเล่าเหตุการณ์ให้ฟังคร่าวๆ ชายหนุ่มรับปากไปว่าเขาจะรีบไปเดี๋ยวนี้ก่อนจะกดวางสาย

    “แม่ครับ โรงพยาบาลโทรมาบอกว่าตอนนี้ลูกแก้วอยู่ที่โรงพยาบาลครับ โดนลูกหลงจากเด็กตีกันบนรถเมล์ ตอนนี้อยู่ในห้องฉุกเฉินครับ” เขาบอกกับมารดาของลูกแก้วอย่างระมัดระวัง

    “แล้วแม่จะทำไงดีล่ะกร นี่พ่อเขาก็ไม่อยู่ด้วย เราไปโรงพยาบาลกันเถอะ” แม่ของลูกแก้วไม่ได้โวยวายหรือร้องไห้ฟูมฟายอย่างที่ศุภกรนึกกลัว แม่ของหญิงสาวกลับรับฟังอย่างเข้มแข็ง

    “ครับ เรารีบไปกันดีกว่าครับ” พูดจบทั้งสองคนก็พากันออกจากบ้านไปด้วยความเป็นห่วงคนที่อยู่โรงพยาบาล


    เมื่อทั้งคู่ไปถึงลูกแก้วก็ถูกนำไปที่ห้องพักเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนเลยตรงไปที่ห้องที่หญิงสาวนอนพักอยู่ เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าหญิงสาวกำลังนอนหลับอยู่ มารดาของหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงรีบปรี่เข้าไปที่ข้างเตียง

    “ลูกแก้วเป็นไงบ้างลูก เจ็บมากมั้ย” มารดาของหญิงสาวพูดพลางลูบใบหน้าคนที่นอนอยู่ด้วยความอ่อนโยน

    “ลูกแก้วเอ๊ย ทำไมแกถึงได้ซวยอย่างนี้นะ” ศุภกรบ่นออกมาเมื่อรู้สึกโล่งใจที่คนตรงหน้าไม่ได้เป็นอะไรมาก เขาขอตัวออกไปโทรศัพท์บอกเพื่อนๆของลูกแก้วนอกห้อง

    “โอ๊ย! เจ็บ” คนที่นอนอยู่บนเตียงร้องออกมาเบาๆขณะที่กำลังพลิกตัว แม่ของหญิงสาวที่ลูบหน้าลูบตาลูกสาวด้วยความเป็นห่วงรีบพูดกับลูกสาวด้วยความดีใจ “ลูกแก้ว เป็นไงบ้างลูก”

    “แม่...แม่เหรอค่ะ” หญิงสาวพูดด้วยเสียงแหบแห้งเล็กน้อย

    “จ้ะ แม่เองจ้ะ” คนถูเอ่อยถึงด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเพราะความดีใจ

    “แม่ขา หนูหิวน้ำจังเลยค่ะ”

    “นี่จ้ะลูก ค่อยๆกินนะ” แม่พูดพลางยื่นแก้วน้ำพร้อมหลอดดูดให้กับคนที่ร้องขอ

    “แม่ขาหนูง่วงจังเลยค่ะ หนูขอนอนก่อนนะค่ะ แล้วพรุ่งนี้เจอกันค่ะ” หญิงพูดพร้อมกับหลับไปเพราะฤทธิ์ยาที่หมอให้


    “แม่ครับลูกแก้วเป็นไงบ้างครับ” ศุภกรถามเมื่อเขากลับเข้ามาในห้องหลังจากโทรศัพท์บอกเพื่อนๆเสร็จ

    “เมื่อกี้ตื่นมาแล้วล่ะ เพิ่งหลับไปเอง คืนนี้เขาคงหลับยาว เดี๋ยวแม่จะอยู่เฝ้าเขาเอง”

    “งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะมาเยี่ยมลูกแก้วใหม่นะครับ แล้วผมจะบอกให้เด็กที่บ้านของแม่เตรียมเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยนด้วยละกันนะครับ พรุ่งนี้ตอนกลางวันผมจะมาเฝ้าเขาให้เองละกันนะครับ แม่จะได้ไปทำงาน” ชายหนุ่มบอกแผนการให้ผู้สูงวัยกว่าฟัง

    “เอางั้นก็ได้ ว่าแต่พรุ่งนี้เราไม่มีเรียนเหรอกร”

    “มีครับแต่ผมโดดได้ครับ ไม่มีปัญหา”

    “งั้นก็ตกลงตามนี้ละกันนะ กรก็กลับบ้านไปพักผ่อนได้แล้วล่ะ แล้วอย่าลืมกินข้าวด้วยนะลูก เรายังไม่ได้กินอะไรเลยนี่” มารดาของคนที่นอนอยู่พูดด้วยความเป็นห่วง

    “ครับ” พูดจบชายหนุ่มก็เดินไปที่เตียงเพื่อที่จะบอกลาคนที่นอนอยู่พร้อมกับบีบมือเล็กนั้นเบาๆ ก่อนจะหันไปลาผู้ใหญ่คนเดียวในห้องนั้นแล้วเดินออกจากห้องไป


    “อรุณสวัสดิ์ครับแม่” ศุภกรทักทายมารดาของลูกแก้วที่กำลังนั่งดูข่าวภาคเช้าอยู่

    “จ้ะ มาแต่เช้าเชียวนะกร แล้วนี่กินไรมารึยัง” แม่ของคนที่นอนตอบด้วยน้ำเสียงแจ่มใส

    “เรียบร้อยแล้วครับ นี่ครับเสื้อผ้าของแม่ แล้วแม่กินข้าวรึยังครับ” ชายหนุ่มพูดพลางยื่นถุงกระดาษที่บรรจุเสื้อผ้าเครื่องใช้ให้กับแม่ของลูกแก้ว

    “ยังเลย แม่เพิ่งตื่นได้ไม่นานเอง” ผู้สูงวัยกว่าตอบพลางยื่นมือไปรับถุงกระดาษนั้นมาแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อธุระส่วนตัว

    “ลูกแก้วแกเจ็บมากมั้ยเนี่ย แกรู้มั้ยว่าฉันเป็นห่วงแกมากขนาดไหน วันหลังฉันไม่ยอมให้แกกลับบ้านเองแล้ว” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับลูบต้นแขนที่ถูกพันด้วยผ้าพันแผลสีขาวสะอาดของคนที่นอนอยู่เบาๆก่อนจะนั่งมองหน้าใสๆของคนที่นอนหลับอยู่ด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความรู้สึกในใจ

    “กรเดี๋ยวแม่จะลงไปหาอะไรกิน แล้วแม่จะเลยไปทำงานเลยละกัน แล้วเดี๋ยวเย็นนี้แม่จะรีบมา” แม่ของลูกแก้วที่ทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วและอยู่ในชุดพร้อมจะไปทำงานบอกกับศุภกร

    “ครับ เดี๋ยวผมดูแลลูกแก้วให้เองครับ แม่ไม่ต้องห่วงนะครับ” ชายหนุ่มพูดพลางยกมือไหว้ลาผู้อาวุโสกว่าเมื่อท่านก้มลงจูบที่หน้าผากของลูกสาวด้วยความรักและห่วงใย ศุภกรมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกอิจฉานิดๆ เขายังจำได้ว่าเขาก็เคยได้รับความรักและความห่วงใยจากคนเป็นแม่อย่างนี้เหมือนกันแต่เมื่อนานมาแล้ว ก่อนที่ทั้งพ่อและแม่ของเขาจะแยกทางกันเหมือนปัจจุบันนี้ เขาแอบถอนหายใจเบาๆเพื่อระบายความรู้สึกอิจฉานั้นออกไป

    “ลูกแก้วฉันอยากทำแบบแม่แกบ้างจัง” ศุภกรนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆเตียงพร้อมบอกกับคนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่เบาๆ ก่อนจะพูดประโยคต่อไป “ฉันขออนุญาตนะแก” พูดจบชายหนุ่มก็โน้มตัวลงมาจูบที่หน้าผากนวลเนียนนั้นเบาๆ พร้อมกับก้มลงไปกระซิบข้างหูของคนป่วยว่า “ฉันรักแกนะลูกแก้ว” แล้วผละออกมานั่งมองหน้าของคนป่วยที่ตอนนี้เขารู้สึกว่าหน้านั้นมีสีแดงมากขึ้น ทำให้เขารู้สึกเอะใจ ก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์

    “ลูกแก้วสงสัยแกต้องไข้ขึ้นแน่เลย ไหนเราขอวัดไข้แกหน่อยนะ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับก้มหน้าลงมาเอาปากจูบที่หน้าผากนวลเนียนนั้นอีกครั้ง คราวนี้เขารู้สึกได้ว่าคนที่นอนอยู่กำลังขยับตัวขยุกขยิกก่อนที่จะได้ยินเสียงแหบแห้งของร่างนั้นพูดออกมา “ปล่อยฉันนะไอ้กร แกทำอะไรของแกน่ะ”

    “อ้าว! ตื่นแล้วเหรอแก ฉันก็จะวัดไข้ให้แกไง” ชายหนุ่มผละออกมานั่งจ้องหน้าคนที่ตอนนี้หน้าแดงอย่างกับมะเขือเทศด้วยดวงตาพราวระยับ

    “ตื่นตั้งนานแล้วด้วย” คนที่ตื่นตั้งนานแล้วพูดด้วยเสียงห้วนพลางหันหน้าหน้าอีกทางเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเห็นดวงตาพราวระยับของคนเจ้าเล่ห์

    “ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่นี่ ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงกวนประสาท จนคนฟังอยากจะต่อยปากนั้นสักทีแต่ติดที่แขนข้างที่ถนัดนั้นยังเจ็บจากบากแผลอยู่

    “ตื่นตั้งแต่ตอนที่แม่ฉันเข้ามาจูบลานั่นแหละ” หญิงสาวยังคงพูดด้วยน้ำเสียงห้วนเหมือนเดิม

    “งั้นแกก็...” ชายหนุ่มพูดยังไม่ทันจบประโยคดีคนป่วยที่ตอนนี้หน้ากลับมาแดงอีกครั้งก็รีบหันมาเอามือปิดปากของชายหนุ่มไว้พลางกับบอกว่า “พอเลยแกไม่ต้องพูดเลยนะ”

    “แกรู้เหรอว่าฉันจะพูดเรื่องไร” ชายหนุ่มพูดเมื่อแกะมือนั้นออกได้แล้วและกุมมือนั้นเอาไว้ถึงแม้ว่าเจ้าของมือพยายามที่จะดึงออกมา

    “รู้ดิ” หญิงสาวพูดเบาๆด้วยความเขิน

    “งั้นแกก็บอกมาดิว่าเรื่องอะไร ถ้าแกรู้อ่ะ” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงกวนประสาทเช่นเดิม

    “ไม่เอา” หญิงสาวที่ตอนนี้หน้าแดงเหมือนมะเขือเทศบอกเบาๆพลางหันหน้าหนีไปอีกทางเพื่ออีกฝ่ายหนึ่งจะได้ไม่เห็นหน้าที่กำลังแดงจัดของเธอ

    “ไม่รู้จริงนี้หว่า งั้นเดี๋ยวเราบอกเองก็ได้” ศุภกรพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ก่อนจะปล่อยมือที่กุมอยู่นั้นไว้ที่เตียงแล้วลุกขึ้นยืนก้มหน้าลงไปที่หน้าผากเนียนนั้นอีกครั้ง

    จากคุณ : Crystal Star - [ 3 พ.ค. 49 22:36:17 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป