14.52 PM. 14/4/06
Happy Hut
นับเป็นการกลับมาในช่วงสงกรานต์ครั้งแรกนับตั้งแต่ไปแสวงโชค ณ เมืองกรุง เมืองที่ผู้คนต่างมีน้ำใจและสภาพแวดล้อมดีที่สุดในโลก สภาพอากาศที่เชียงใหม่ในตอนนี้ร้อนไม่แพ้กรุงเทพในเดือรที่ร้อนที่สุดในเดือนนักษัตร จะแตกต่างกันก็ตรงที่กรุงเทพนั้นร้อนอบอ้าว แต่ทว่าบ้านเกิดของผมนั้นร้อนแบบแผดเผาเปรียบดั่งสภาพจิตใจของในสองสถานที่นั้น ๆ
ครั้งอยุ่กรุงเทพฯ สภาพจิตใจของผมนั้นอบอ้าวไม่แพ้สภาพอากาศ ความร้อนวนเวียนอยู่ภายในจิตใจ หารูเล็ดรอดออกไปแทบไม่เจอ คาดหวังจะมาบำบัดจิตที่เชียงให่แต่กลับเจอความรุนแรงของแสงแดดแผดเผาภายนอกจนไม่เหลือชิ้นดีเช่นเดียวกับภายใน
สิบสามเมษายน มหาสงกรานต์เพลาพลบค่ำ เป็นต่ำคืนแห่งการพบปะสังสรรค์ของเพื่อนเก่าสมัยเรียนมหาวิทยาลัย มันคงเป็นการร่ำสุราที่มีความสุขไม่แพ้โกวเล้ง หากภายหลังนั้นตัวผมไม่มีอาการเมามายแบบมีนัยสำคัญ
เธอ...สตรีที่ผมหลงและรัก ตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย จนถึงตอนนี้ก็ผ่านมา 5 ปี แต่ผมรู้สึกราวกับว่าเพิ่งรู้จักกับเธอฉันท์เพื่อนได้เพียงแค่ 2 ปี เพราะช่วงเวลาที่เหลือ ผมผลาญมันไปเพื่อปรับสภาพจิตใจให้ยอมที่จะเป็นเพื่อน ซึ่งเป็นสถานะที่เธอให้ผมเป็นได้ หากยังต้องการมีตัวตนอยู่ในเส้นทางชีวิตของเธอ
มันไม่ได้ต่างอะไรเลยกับการนำน้ำจำนวนหนึ่งไปใส่ ไว้ในช่องแช่แข็งของตู้เย็น ตราบใดที่ไม่นำมันออกมา มันย่อมมีสถานะเป็นน้ำแข็งอยู่อย่างนั้น แต่เพียงแต่มันพลัดหลงออกมาข้างนอกเมื่อใด ย่อมละลายเปลี่ยนสถานะกลับเป็นน้ำดังเดิม แต่สาบาน ปริมาตรของมันยังคงเดิม..
เธอกลับมาเชียงใหม่ในช่วงเวลาเดียวกัน เธอเลิกกับแฟนเก่าไปแล้ว ผู้ชายคนเดียวที่ผมยอมเพียงเพราะว่าเขามาก่อน กอปรกับตัวผมเองนั้นยังไม่มีใคร แต่ไม่ว่าจะด้วยสถานการณ์ใด ผมก็ไม่สามารถที่จะเป็นคนรักของเธอ
ขณะที่ผมกำลังก้มหน้าก้มตาใส่น้ำแข็ง รินเหล้า และเทน้ำเปล่าอยู่นั้น เธอเดินเข้ามาพร้อมกับผู้ชายคนใหม่ของเธอ เธอทักทายผมประหนึ่งปกติวิสัย ผมก็เช่นกัน แต่ในความรู้สึกของผู้ชายคนหนึ่งเหมือนกับทหารหาญที่ถูกบังคับให้ร้องขอชีวิตพร้อมกับเอาเท้ามาลูบบนใบหน้า
ผมเรียกมันว่า
การเหยียดหยามด้วยความอ่อนโยน
เขา.....คนที่เธอบอกว่าเป็นแค่พี่ชาย
เขา.....คนที่เธอยอมไปไหนมาไหนด้วย
ฉัน.....คนที่เธอบอกว่าเป็นได้แค่เพื่อน
ฉัน.....คนที่เธอไม่เคยให้แม้กระทั่งโอกาส
-------- ความยุติธรรมกับความเหลื่อมล้ำเดินเคียงคู่กันไปในสังคม
ทันใดนั้นเพลง คนไม่เข้าตา ก็ถูกบรรเลง ทุกอย่างช่างเหมาะเจาะ สายตาของผองเพื่อนทุกคู่มองมาที่ผมเหมือนถูกตั้งเวลาไว้ มองใครต่อใครที่เขาจับมือเกี่ยวกัน เห็นเขาเหล่านั้นก็นึกอิจฉาในใจ ทำไมไม่เป็นไม่มีอย่างเขา คิดแล้วมันก็เศร้าใจ มีเพียงความเหงาที่เดินกอดคอเท่านั้น ที่นั่งติดกันเวลาดูหนังคือใคร จะกิน จะเดิน จะนอนก็หนาว ไม่มีใครเคียวข้างกาย ไม่มีใครเลย......จะมีใคร ใครรัก คนหน้าตาอย่างฉันที่มันธรรมดา ไม่เข้าตาเหมือนใคร ๆ จะมีใคร ใครไหมที่จะมองแต่หัวใจ จะมีไหมใครเข้าใจ สักคน
เธอเดินจากไป ทำไมต้องเป็นตอนนี้
เธอคงจะรุ้สึกไม่ดี ที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของเพลงนี้สำหรับผม--------ผมเดา
ไม่แปลก ผู้ชายคนหนึ่งเกิดมาในครอบครัวของชนชั้นกลาง ทุกอย่างธรรมดา ลักษณะทางกายภาพไม่จัดว่าดี
กับอีกคนหนึ่ง ที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ทั้งฐานะ ชาติตระกูล การศึกษาละบุคลิกภาพ
มีผู้หญิงหลายคนบอกกับผมว่า ผู้หญิงไม่ได้มองผู้ชายที่เงิน ผมไม่เถียง เพียงแต่คิดอยู่ในใจว่า หากมีผู้ชายคนหนึ่งที่สามารถทำความรู้จักและสร้างความคุ้นเคยให้แก่ผู้หญิงคนหนึ่ง แล้ววันหนึ่ง วันที่เขาและเธอจะพบกัน ผู้ชายคนนั้นถูกแบ่งออกเป็นสองคน ด้วยสมมติฐานที่เท่าเทียมกัน
1. ผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยปากว่า ให้ผมไปรับคุณที่บ้านเวลา 12.00 นะ
2. ผู้ชายอีกคนกล่าวว่า เจอกันที่....เวลา 12.00นะ
คุณคิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะเลือกข้อไหน
ผู้หญิงไม่ได้มองผู้ชายที่เงิน ผมไม่เถียง เพียงแค่ว่า เงินสามารถถูกแปรสภาพให้ไปอยู่ในรูปแบบต่าง ๆ ได้ ก็แค่นั้น และ สิ่งที่เป็นผลจากการแปรสภาพนั่นแหละ คือสิ่งที่ผู้หญิงต้องการ
คงมีแต่คนไม่ปกติเท่านั้นที่จะเลือกข้อ สอง และผมก็เลือกที่จะไม่ใช้ชิวิตคู่กับคนไม่ปกติ
เพราะฉะนั้น
สักวันกูด้องได้ดี เร็ว ๆ นี้
ON-LONELY-YELL
ท่ามกลางเสียงหวีดร้องแห่งความโดดเดี่ยว
จากคุณ :
onlonelyyell
- [
4 พ.ค. 49 13:22:27
A:203.146.139.59 X:
]