ร่างบางนั่งเหยียดยาวกับเก้าอี้หวายในสวนหน้าบ้านอย่างเหม่อลอย แสงดาววิบวับลอยเกลื่อนอยู่บนฟ้ากว้างเหมือนประกายจากเพชรน้ำงามที่ถูกนำขึ้นไปติดไว้บนผ้ากำมะหยี่สีดำผืนใหญ่ เธอมองเลยแสงดาวเหล่านั้นก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ดวงจันทร์กลมโตซึ่งอวดแสงสีเหลืองนวลตา หากแต่สิ่งที่ทำเอาเธอต้องยกมือขึ้นมาขยี้นัยน์ตาอย่างงงๆ คือ ภาพดวงหน้าเข้มของใครบางคนที่ปรากฏอยู่บนดวงจันทร์
ยังไม่นอนหรือครับ
ดวงจันทร์พูดได้ ไม่ใช่สิ...ดวงจันทร์ที่ไหนจะพูดได้ เธอเรียกสติสะตังของตัวเองกลับมาอย่างรวดเร็ว ท่อนขาเรียวยาวภายใต้ชุดนอนกางเกงขาสั้นถูกยกลงมาวางกับพื้นหญ้า
...เป็นเพราะมารดาของเธอแท้ๆ ที่ขันอาสาให้ชายหนุ่มมาพักที่นี่ หลังจากที่พาแก้วเชิญให้ชายหนุ่มมาทานอาหารเย็นด้วยกันที่บ้านและหลังจากอาหารมื้อเย็นจบลง ผู้เป็นมารดาก็ชวนชายหนุ่มให้มาพักเสียด้วยกัน จนกว่างานแต่งงานของพาแก้วจะเสร็จ โดยให้เหตุผลง่ายๆ ว่า...ยังมีห้องนอนที่ว่างอยู่ ทำไว้รับแขกแต่ไม่ค่อยได้มีใครมาพักสักเท่าไหร่แล้วนี่คุณพ่อก็ยังไม่กลับจากราชการที่ต่างจังหวัด...กลางค่ำกลางคืนอยู่กันแต่ผู้หญิงไม่ปลอดภัย
ใจคอจะไม่ยอมพูดกับผมเลยหรือไง
ดวงหน้าเข้มเจื่อนลงอย่างที่ทำเอาคู่สนทนารู้สึกผิดแต่ก็ยังอดนึกหงุดหงิดขึ้นมาไม่ได้ หงุดหงิดอะไร...นั่นสิ...เธอก็ยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้เลยว่าจู่ๆ เธอจะหงุดหงิดอะไร
ก็เห็นฉันนั่งอยู่ จะถามทำไมเล่าว่า...ยังไม่นอนหรือครับ
ปลายประโยคร่างบางโยกตัวไปมาล้อเลียนคำพูดของชายหนุ่ม ท่าทางที่เห็นนั้นทำเอาริมฝีปากหยักลึกสีสดยิ้มเผล่ออกมาอย่างชอบอกชอบใจ
ฉันถามจริงๆ เถอะนะคุณ... ดวงหน้าเข้มหันกลับไปมองที่หญิงสาวอย่างอดสงสัยไม่ได้ ที่จู่ๆ น้ำเสียงของเธอก็แปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง ที่คุณมางานแต่งงานของพี่สาวฉันเนี่ยมีอะไรหมกเม็ดอยู่หรือเปล่า
หมกเม็ด ชายหนุ่มทวนคำในใจอย่างนึกขำที่เธอช่างสรรหาคำเปรียบเปรยได้ดีเสียจริงๆ
แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะ
ฉันไม่ไว้ใจคุณ!
ถ้อยคำที่ได้ยินนั้นทำเอาชายหนุ่มยิ้มไม่ออก
แล้วทำไมคุณถึงไม่ไว้ใจผม
ก็...ไม่รู้สิ สมัยที่พี่แก้วเรียนจบกลับมาใหม่ๆ เวลาโทรศัพท์คุยกับเพื่อน ฉันมักจะได้ยินแต่พี่แก้วถามหานายจากเพื่อนคนอื่นๆ เอ่อ...ดูเหมือนว่าตอนนั้นพี่แก้วจะรักนายมาก ฉันก็เลยกลัวว่า...
กลัวว่าผมจะกลับมาทวงความรักที่แก้วเคยมีให้ผมคืนงั๊นสิ
เขาพูดขึ้นอย่างรู้ทัน พาขวัญชะงักไปนิดหนึ่งกับ รอยตัดพ้อจางๆ ที่ปรากฏในดวงตาคู่เข้ม เธอพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างยากเย็นหวังเพียงเพื่อจะเรียกความมั่นใจให้กับตัวเอง ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ แทนคำตอบ
ฟังผมดีๆ นะพาขวัญ ชายหนุ่มพูดช้า ทอดเป็นห้วง ร่องรอยในน้ำเสียงนั้นเรียบเย็นแต่แฝงไปด้วยความจริงจังและที่สำคัญมัน...อบอุ่น
ผมกับแก้วเราเคยรักกันก็จริงแต่นั่นเป็นความรักของวัยรุ่น ที่แค่อยากจะมีใครสักคนไว้เป็นเพื่อนไปนู่นไปนี่ ไม่ใช่ความรักของคนที่จะเดินร่วมทางกันไปตลอดชีวิต ตอนนี้แก้วเจอคนที่จะเดินเกาะเกี่ยวหัวใจไปด้วยกันจนแก่จนเฒ่า ผม...ก็เป็นได้แค่อดีตที่แทบจะไม่มีความทรงจำอะไรให้แก้วได้จดได้จำเสียด้วยซ้ำ เพราะอันที่จริงเราสองคนก็เป็นแค่เพื่อนกัน เพียงแต่ตอนนั้นเราเข้าใจว่านั่นน่ะ...คือความรัก ดังนั้น การที่ผมมางานแต่งงานของแก้วก็เพื่อมาแสดงความยินดีด้วยใจจริง ไม่ใช่กลับมาทวงสิทธิ์ของแฟนเก่าอย่างที่คุณคิด
ดวงตาคู่สวยของพาขวัญบอกอาการไม่เชื่ออย่างชัดเจน หากแต่ปลายประโยคที่ได้ยินนั้นก็ทำเอาเธอต้องแสร้งกลอกตาไปมา
ใครว่าฉันคิด ฉันยังไม่ได้คิดอะไรซักหน่อย คุณตีความเอาเองเสร็จสรรพแล้วก็มาโยนความผิดให้ฉัน
คนเถียงก้มหน้าก้มตา อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมจึงไม่กล้ามองตอบดวงตาคู่เข้มของชายหนุ่มตรงๆ หากแต่ที่เธอรู้สึกได้ คือ ในตอนนี้ดวงตาของเขาแพรวพราวยิ่งกว่าดวงดาวบนท้องฟ้าเสียอีก
ฉันง่วงแล้ว ไปนอนก่อนนะ
พูดจบ หญิงสาวก็เผ่นผิวกลับเข้าไปในบ้าน พร้อมเสียงตึงตังวิ่งขึ้นบันไดแล้วตามด้วยเสียงปิดประตูห้องนอนอีกโครมใหญ่ ธนัชไล่ระดับสายตาขึ้นไปหยุดยังตำแหน่งห้องนอนของเธอ เงารางๆ ที่ทอดตัวผ่านม่านหน้าต่างทำเอาเขาเผลอยิ้มกว้าง เพราะเงาที่เห็นนั้นกำลังเดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องนอนอย่างกับหนูติดจั่น
เอ๊...ถ้าจะขอเป็นน้องเขยแฟนเก่าจะดีไหมหนอ
เขาชะงักไปนิดกับความคิดของตัวเองก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
จากคุณ :
samita
- [
4 พ.ค. 49 20:00:05
]