CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    เรื่องสั้นขนาดย้าว...ยาว(รักอลวน หัวใจอลเวง ตอนที่ 5)

    ตอน ๕
    เผชิญโลก

    เช้าวันใหม่สำหรับรักเดียวดูยุ่งเหยิงไม่แพ้วันก่อน ๆ เธอหยิบเอากระดาษจดรายการข้าวของที่จำเป็นกับอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการทำงานขึ้นมาดูเพื่อจัดลงกระเป๋า ทีแรกคิดว่าคงไม่มากมายนักและคงจะยัดใส่เป้ใบเล็ก ๆ ได้สบาย แต่พอเอาเข้าจริงปรากฏว่าข้าวของชิ้นไหน ๆ ก็จำเป็นและมีความสำคัญไปเสียหมดจนไม่สามารถตัดใจหยิบออกจากกระเป๋าได้ เบ็ดเสร็จรักเดียวจึงพบว่าตัวเองมีสำภาระมากมายอย่างกับจะไปต่างจังหวัดเป็นเดือน ๆ

    หนึ่งในอุปกรณ์ที่สำคัญในการเดินทางครั้งนี้คือปากกานำโชค ซึ่งก็คือปากกาอันเก่าที่รักเดียวได้มาจากพี่ชายใจดีคนหนึ่ง แม้ปลอกปากกาจะเก่าจนสีซีดและเปลี่ยนไส้ในมาแล้วหลายครั้ง แต่ถ้าต้องทำอะไรยากๆ สักอย่าง เธอก็จะมีเจ้าปากกานำโชคนี้ติดตัวไปด้วยเสมอ อย่างตอนเอ็นทรานซ์หรือตอนสัมภาษณ์งาน

    แล้วเธอก็เพิ่งจะนึกได้ว่าลืมถามหัวหน้าแผนกไปเสียสนิทเกี่ยวกับเจ้าของบทความ “แจ้ซ้อนซ่อนรัก” ที่ใช้นามแฝงว่า “พรานดาว” ซึ่งก็คือพี่ชายใจดีเจ้าของปากกานำโชคของเธอ

    ……………………………………………………………………………………..
    รถโฟร์วิลด์ล้อเกรอะโคลนราวกับเพิ่งหลุดออกมาจากสารคดีดิสคอฟเวอรี่จอดสนิทตรงหน้าสำนักงานของรักเดียว ปราบศึกเห็นลูกทัวร์ของเขาเดินโงนเงนออกมาพร้อมกระเป๋าใบเขื่องกับเอกสารแฟ้มโต

    “เก็บกระเป๋าไว้ตรงนี้ก็แล้วกันครับ” ปราบศึกทักเธอด้วยรอยยิ้มจาง ๆ รับบรรดาสัมภาระของเธอไปไว้ตรงเบาะหลัง รักเดียวกำลังจะเดินไปนั่งกับกระเป๋าของตัวเองตรงเบาะหลัง แต่เสียงเข้มของปราบศึกเรียกไว้ก่อน

    “นี่...ผมไม่ใช่คนขับรถประจำตำแหน่งของคุณนะ” เสียงดุดันของเขากระชากให้เธอต้องเดินกลับมานั่งตรงเบาะด้านหน้าด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ

    แล้วรถของปราบศึกแล่นออกจากความชุลมุนวุ่นวายในตัวเมืองมุ่งหน้าสู่เส้นทางสันป่าตอง-แม่วาง มัคคุเทศก์หนุ่มและลูกทัวร์สาวพากันนั่งตัวลีบอยู่ท่ามกลางความเงียบภายในรถ ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจเข้าออกของคนทั้งคู่

    “ช่วงเที่ยงเราจะแวะรับประทานอาหารกลางวันแถว ๆ ปางช้างแล้วค่อยเดินทางต่อไปที่หมู่บ้านปกาเกอะญอ ที่นั่นไม่สะดวกสบายเท่าไหร่หรอกนะ ไม่มีร้านค้าหรือมินิมาร์ทสักแห่งเดียว...แม้แต่สัญญาณโทรศัพท์มือถือก็ไม่มี” เขาพูดพลางปรายหางตามองลูกทัวร์ที่เพิ่งหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเกมเล่นแก้เซ็ง

    “รู้แล้วน่า อย่างน้อยใช้เป็นนาฬิกาปลุกได้ก็แล้วกัน” เธอแอบพึมพำเบา ๆ และแอบมองปราบศึกด้วยหางตาอย่างหมั่นไส้ ขณะที่รถเคลื่อนตัวเร็วขึ้นและทิ้งห่างตัวเมืองออกไปเรื่อย ๆ

    รถไต่ระดับความสูงขึ้นเมื่อถึงเขตอำเภอแม่วางซึ่งเป็นแนวสันเขาที่ทอดต่อมาจากดอยอินทนนท์ และผ่านเส้นทางคดเคี้ยวมากมาย

    รักเดียวเริ่มรู้สึกหูอื้อด้วยแรงดันจากอากาศภายนอก เธอพยายามบังคับตัวเองไม่ให้แสดงอาการเมารถออกมาให้เห็น เพราะไม่อย่างนั้นแล้วตลอดหลายวันบนดอยเป็นอันต้องมีเรื่องชวนให้นายมัคคุเทศก์ปากเสียคนนี้หัวเราะได้ไม่เบื่อทีเดียว

    แต่พอรถแล่นผ่านโค้งหักศอกไปได้สักพัก ความรู้สึกพะอืดพะอมของรักเดียวก็ถูกเก็บซ่อนต่อไปไม่ไหวจนต้องสำแดงออกมาทางสีหน้าอย่างเห็นได้ชัด

    “เป็นอะไรไปหรือเปล่าคุณ” สุ้มเสียงของปราบศึกบ่งบอกว่าตกใจ เมื่อเหลียวไปมองข้าง ๆ พบลูกทัวร์นั่งหน้าซีดราวกับผีสาวในหนังจีน

    “ปะ...เปล่า” เธอกลั้นใจปฏิเสธเขาไปโดยไม่รู้เลยว่าสภาพของตัวเองในยามนี้ไม่ได้แตกต่างจากคนป่วยอาการร่อแร่เท่าใดนัก

    ปราบศึกค่อย ๆ เลี้ยวรถลงไปจอดตรงลานหญ้าริมทาง แต่ไม่ทันที่รถจะจอดสนิทรักเดียวก็รีบเปิดประตูถลาไปนั่งขย้อนอาหารเช้าที่เป็นแค่นมจืดกล่องหนึ่งที่ไม่สมควรกินเข้าไปเลยทั้งที่เธอก็รู้ว่าเวลาท้องว่างแล้วดื่มนมเป็นต้องอาเจียนออกมาทุกที

    ส่วนเขาเองก็มือไม้แข็งทำอะไรไม่ถูก ครั้นจะเอามือไปลูบหลังเธอก็กระไรอยู่ เลยได้แต่ยืนบื้อใบ้อยู่อย่างนั้น

    แม้ลึก ๆ แล้วเขาจะรู้สึกสมน้ำหน้าด้วยความที่เธอชอบทำท่าอวดดีนัก แต่ก็อดหวั่นวิตกไม่ได้ว่าเขาจะสามารถดูแลเธอได้มากแค่ไหน ขนาดเพิ่งเริ่มต้นยังออกอาการแบบนี้ แล้วอีกหลายวันบนดอยเธอจะเผชิญกับความลำบากลำบนเหล่านั้นได้อย่างไร

    ปราบศึกถอนใจยาวอย่างโล่งอกเมื่อเห็นรักเดียวหยุดอาเจียน เขารีบหันไปหยิบขวดน้ำและกระดาษทิชชูในรถมาให้ อาการเธอค่อย ๆ ดีขึ้นใบหน้าซีดจืดของเธอค่อยดูมีสีชมพูเรื่อขึ้นทีละน้อย

    รักเดียวเดินกลับมาขึ้นรถโดยมีปราบศึกเดินตามอยู่ใกล้ ๆ เมื่อเห็นเธอนั่งเรียบร้อยแล้วเขาก็รีบกลับไปประจำตำแหน่งคนขับและออกรถอย่างช้า ๆ

    “เอ่อ…คุณเป็นยังไงบ้าง” เขาถามออกอาการเป็นห่วงอยู่กราย ๆ รักเดียวยิ้มน้อย ๆ ก่อนตอบเสียงแผ่ว

    “ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะค่ะ” รักเดียวตอบด้วยความรู้สึกเสียฟอร์ม เธอเอนเบาะรถและหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน

    เกือบเที่ยงรถของปราบศึกแวะจอดที่ปางช้างแม่วินเพื่อรับประทานอาหาร ร้านอาหารที่นี่เป็นแพริมแม่น้ำ สามารถชื่นชมความงามของป่าไผ่ที่ขนาบสองฝั่งแม่น้ำได้อย่างชัดเจน ต้นฤดูหนาวแบบนี้ระดับน้ำไม่สูงมากนัก จึงเห็นนักท่องเที่ยวพากันล่องแพไม่ไผ่กันอย่างสนุกสนาน


    “คุณเป็นไกด์เดินป่ามาห้าปีแล้วเหรอ” รักเดียวถามขึ้นขณะเคี้ยวอาหารอยู่เต็มปาก และสายตาเธอก็ไม่ได้จับจ้องไปที่เขารวมถึงไม่ได้สนใจว่าตอนนี้เขาจะหยุดมือที่กำลังจะตักข้าวใส่ปากเพื่อฟังเธอให้ชัด

    “ว่าไงนะ”

    “คุณธีระบอกฉันว่าคุณเป็นไกด์เดินป่ามาห้าปีแล้ว แถมชมว่าคุณเก่งแล้วก็ชำนาญการเดินป่า การขึ้นดอยมาก ๆ”

    “งั้นเหรอ...แล้วไง” เขาถามกลับด้วยเสียงเข้มดุ รักเดียวรีบกลืนข้าวคำสุดท้ายลงคอก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบสายตาเขาที่กำลังมองรออยู่

    “เปล่า...แค่ถามเฉย ๆ ไม่ได้รึไง”

    “เรียนจบผมก็เป็นเจ้าหน้าที่อุทยานฯอยู่สองปี พอเพื่อนที่เคยเรียนด้วยกันชวนมาทำทัวร์ผมเลยลาออก” เขาตอบสั้น ๆ น้ำเสียงที่เข้มดุนั้นจางลง แต่รักเดียวก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรอีก บรรยากาศจึงกลับคืนสู่ความเงียบดังเดิม


    นายปราบศึกคนนี้ท่าจะเก่งจริง ๆ อย่างที่หัวหน้าแผนกบอก นี่ถ้าไม่เพราะความห่ามและปากเสียของเขา รักเดียวคงรู้สึกสบายใจและเดินทางไปกับเขาได้อย่างปกติสุข


    เมื่อมื้อกลางวันเสร็จสิ้นลงการเดินทางก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ปราบศึกชะลอความเร็วลงเพราะเส้นทางข้างหน้านั้นค่อนขางชันและขรุขระ รักเดียวไม่รู้สึกมึนหัวอีกเพราะเธอเผลอหลับไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้

    กว่าที่ปราบศึกจะพาลูกทัวร์ของเขามาถึงม่อนยะก็เป็นเวลาโพล้เพล้เต็มที ดวงอาทิตย์ที่ลอยเด่นเหนือทิวเขากำลังสาดแสงอ่อนขับไล่ลมหนาวอยู่รำไร

    ปราบศึกจอดรถตรงลานดินกว้างริมทางขึ้นบ้านพักที่ตั้งอยู่บนเนินดินซึ่งสูงจากบริเวณลานจอดรถเกือบห้าเมตร เมื่อเขาเหลียวไปมองลูกทัวร์สาวก็พบว่าเธอหลับสนิท

    “คุณ...คุณ”

    ชายหนุ่มเลื่อนมือไปสะกิดพร้อมด้วยเสียงเรียกเบา ๆ แวบหนึ่งที่เขาเผลอมองเสี้ยวหน้าเรียวรับกับดวงตาจมูกและปากอย่างเหมาะเจาะของหญิงสาวแล้วรู้สึกว่าหัวใจเกิดวูบไหวขึ้นมาอย่างประหลาด  

    “คุณ...คุณ” เขาเรียกอยู่หลายครั้งกว่าเธอจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นอย่างสะลึมสะลือ

    “ถึงแล้วเหรอ” รักเดียวถามตัวเองอย่างไม่เชื่อ ก็เพราะเมื่อมองไปรอบ ๆ ตัวเธอเห็นแต่ลูกหมูตัวดำปี๋ผอมกะหร่องวิ่งปะปนอยู่กับลูกสุนัขตัวไล่เลี่ยกันจนแทบแยกไม่ออก

    เธอเปิดประตูและก้าวลงจากรถ สิ่งแรกที่ผ่านมาทักทายคือกลิ่นเหม็นของบรรดาอุจจาระหมูที่กระจัดกระจายอยู่แทบทุกพื้นที่ เกือบลืมตัวยกมือขึ้นบีบจมูกแล้ว แต่นึกได้ว่าถ้าทำอย่างนั้นนายปราบศึกยิ่งจะคิดดูแคลนเธอมากขึ้น ก็เลยได้แต่กลั้นหายใจเชิดหน้าเดินตามเขาไป

    ปราบศึกหอบกระเป๋าของเขากับลูกทัวร์เดินนำลิ่วขึ้นไปบนเนินดินสูงซึ่งเป็นกระท่อมไม้หลังเล็กสองหลังที่ถูกสร้างขึ้นด้วยไม้ไผ่ขัดตอกและใช้ใบตองตึงมุงหลังคาอย่างหยาบ ๆ ซึ่งปราบศึกแจ้งไว้ในเอกสารว่าเป็นบ้านพักโฮมสเตย์

    รักเดียวสะพายเป้บรรจุอุปกรณ์ถ่ายภาพขนาดเล็กเดินเลี่ยงพื้นดินสกปรกไปยังทุ่งโล่งที่แซมด้วยดอกหญ้าสีสันแปลกตาจนเพลิดเพลินกับการมองทัศนียภาพรอบด้านจนไม่ทันสังเกตว่าปราบศึกเดินทิ้งห่างไปไกลแล้ว

    ปราบศึกหยุดเดินเมื่อหันกลับไปมองแล้วพบว่ารักเดียวมัวแต่ถ่ายภาพดอกหญ้าข้างทางอยู่ เขาส่ายหน้าให้กับพฤติกรรมโอ้เอ้ของเธอ ความจริงยังมีเวลาเหลืออีกตั้งหลายวันที่เธอจะสรรหามุมสวย ๆ ถ่ายภาพแทนที่จะเป็นตอนนี้ที่เธอควรขึ้นมาดูที่พักและจัดเก็บข้าวของให้เรียบร้อยเสียก่อน

    เมื่อรักเดียวตามขึ้นไปถึงที่พักเธอก็ตกใจ เพราะข้างในนั้นนอกจากจะคับแคบแล้วเตียงนอนยังเป็นเพียงแคร่ไม้ไผ่ปูด้วยเสื่อขาดรุ่งริ่ง แถมมุ้งก็สกปรกและเป็นรูโหว่จนเอานิ้วแหย่ทะลุได้

    “เอาน่า...หนาว ๆ แบบนี้คงไม่มียุงหรอกมั๊ง” รักเดียวปลอบใจตัวเองอย่างเงียบ ๆ

    “เป็นไงคุณ โอเคไหม” เสียงปราบศึกดังขึ้นก่อนที่เขาจะชะโงกคอผ่านประตูเข้ามาไถ่ถาม


    “ฮื่อ...ดูกลมกลืนกับธรรมชาติดี” เธอกัดฟันตอบออกไปก่อนจะกลืนน้ำลายอย่างฝืด ๆ

    “ถ้างั้นก็ดีครับ หลังจากเก็บข้าวของเสร็จคุณก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านะ ห้องน้ำอยู่ตรงโน้น...ผมให้เวลาชั่วโมงครึ่งแล้วเราจะไปกินมื้อเย็นกันที่บ้านหัวหน้าเผ่า” ปราบศึกบอกแค่นั้นแล้วเดินกลับออกไปปล่อยเธอให้นั่งกอดเข่าเจ่าจุกอยู่ลำพัง

    หลังจากทำใจยอมรับสภาพที่พักได้บ้างแล้ว เธอก็รีบจัดเก็บสัมภาระของตัวเอง และสิ่งที่เธออยากทำในมากที่สุดในเวลานี้ก็คือการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าซึ่งน่าจะช่วยให้เธอดูมอมแมมน้อยกว่าที่เป็นอยู่

    ห้องน้ำที่ปราบศึกชี้นิ้วบอกทางเธอนั้นอยู่ด้านข้างของกระท่อม แต่ต้องเดินขึ้นเนินไปอีกหลายสิบก้าวรักเดียวในชุดผ้าถุงลานดอกสีแดงสดกับหมวกอาบน้ำสีสันสดใสพร้อมอุปกรณ์อาบน้ำครบชุดเดินท่อม ๆ ขึ้นเนินหินอย่างระแวดระวัง

    เธอมองเห็นไกล ๆ ว่ามันเป็นเหมือนกล่องไม้ไผ่สี่เหลี่ยมสูงราวสองเมตร เมื่อก้าวเข้าไปในนั้นพบว่าออกจะคับแคบไปสักหน่อย น้ำในตุ่มก็มีอยู่แค่ครึ่งจนเห็นตะกอนกับตะใคร่น้ำเขียวครึ้ม แต่เมื่อสูดลมหายใจเข้าปอดก็รู้สึกปลอดโปร่ง มองไปรอบด้านเป็นป่าหญ้าสูงทึบ เสียงนกและแมลงร้องกันระงมทำให้เธออารมณ์ดีขึ้น


    “ฮื่อ...ก็ไม่เลวนักหรอก” เธอพยักหน้าบอกตัวเอง รอยยิ้มค่อย ๆ ผุดพรายขึ้นบนใบหน้า แต่พอเอื้อมมือควานหาประตูก็ต้องตกใจจนเผลออุทานเสียงหลง

    “ว๊าย...นี่มันเรื่องงี่เง่าชัด ๆ เลย”
    ปราบศึกที่นั่งเหลาไม้ไผ่อยู่ตรงลานดินหน้ากระท่อมได้ยินเสียงร้องโวยวายของลูกทัวร์สาวก็รีบวางมือแล้วรุดไปดูทันที

    “อะไรกันคุณ ร้องโวยวายอย่างกับเจอเสือ”

    “จะไม่ให้โวยวายได้ยังไงล่ะ คุณดูนี่สิ...ห้องน้ำบ้าอะไรไม่มีประตู”

    “โธ่...คิดว่าเรื่องอะไร” เขาถอนใจแล้วก็ทำท่าจะหันหลังเดินกลับอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับเรื่องที่รักเดียวบอก

    “เดี๋ยวสิ...คุณจะไปไหน แล้วฉันจะอาบน้ำยังไงล่ะเนี่ย”

    “นี่คุณ...ในป่าแบบนี้ไม่มีใครมาแอบดูคุณหรอกน่า จะมีก็แต่ไส้เดือนกิ้งกือเท่านั้นแหละ...อ้อ ถ้าคุณไม่รีบ ๆ อาบซะ พอมืดงูมันอาจจะเข้าไปขออาบด้วยไม่รู้นะ” เขาทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงขำ ๆ แล้วเดินกลับลงไปนั่งตรงลานดินหน้ากระท่อมตามเดิม

    “บ้า...บ้า...บ้า...” รักเดียวรีบ ๆ ตักน้ำราดตัวอย่างลวก ๆ อาบไปก็ก่นว่าเขาไป...มีอย่างที่ไหน เธอเป็นลูกทัวร์ของเขาแท้ ๆ แทนที่จะเอาใจใส่และคอยอำนวยความสะดวก กลับทำเมินเฉย ไม่หนำซ้ำยังพูดขู่ให้เธอกลัวจนลนลานไม่เป็นอันได้อาบน้ำอย่างสุนทรีอย่างที่วาดภาพไว้แต่แรกเลย...
    ........................................................................................................
    ขอโทษทีครับ ไม่ค่อยว่างเลย งานเขียนจึงไม่ค่อยละเมียดละไม...นี่เลยครับ...
    ตอนเก่า ๆ ครับผม...
    ตอน 4
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4319382/W4319382.html
    ตอน 3
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4284211/W4284211.html
    ตอน 2
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4277960/W4277960.html
    ตอน 1
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4267124/W4267124.html

    แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 49 21:17:59

    แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 49 21:13:48

    แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 49 20:55:38

    จากคุณ : บุตรของเดือนและดาว - [ 7 พ.ค. 49 11:25:39 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป