เพราะความรักไม่จำเป็นต้องสื่อด้วยคำพูดเสมอไป
ผมจึงปล่อยให้หัวใจบอกรัก ได้ยินหรือเปล่าว่ามันกำลังกระซิบว่า ผมรักคุณ
กรี๊ง....กรี๊ง.....กริ๊ง.....เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจนทำให้ตกใจ จึงหยิบขึ้นมาดูแล้วก็อดยิ้มไม่ได้เมื่อรู้ว่าใครโทรมา ว่าไรจ้ะคุณดาว นีรชาพูดเสียงเบา
ก็ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่ทำอะไรอยู่ แล้วนี่อยู่ที่ไหน โทรไปหาที่คอนโดก็ไม่มีคนรับ เอื้อมดาวถามอย่างสงสัย
โห...ดาว...ใจเย็นๆก็ได้พูดเป็นรถไฟด่วนเลยนะ นีรชาพูดด้วยน้ำเสียงติดเศร้าเล็กน้อย
ก็บอกมาก่อนซิว่าอยู่ไหน...เอื้อมดาวถามเพราะฟังน้ำเสียงแล้วไม่ค่อยสบายใจ
อยู่บนรถทัวร์
รถทัวร์ !!...ไปทำอะไรบนนั้นแล้วจะไปไหน เอื้อมดาวถามอย่างงงๆ
ภูกระดึง นีรชาตอบเสียงเบา
ไปทำไมนะ เอื้อมดาวถามอย่างกังวล เพราะคนอย่างนีรชานะหรือจะไปขึ้นภูกระดึงเป็นคุณหนูขนาดนั้น
ก็อยากไปทำใจก่อนซิไม่อย่างนั้น รชาก็คงไม่กล้าไปงานแต่งของธัน ดาวก็รู้นี่ว่า รชาคิดอย่างไรกับ ธัน พูดยังไม่ทันจบเสียงโทรศัพท์ก็ขาดหายไปเมื่อมองไปก็เห็นโทรศัพท์ดับสนิท แบตหมดนี่เอง เฮ้อ ให้มันได้อย่างนี้ซิแต่ก็ดีจะได้มีเวลาคิดอะไรคนเดียวบ้าง
หญิงสาวค่อยๆหลับตาลง พลางทบทวนเรื่องราวต่างๆภายในใจ ขอเวลาอีกสักนิดเพื่อจะลบความทรงจำที่เคยมีให้แก่กันและขอพักใจให้คลายเศร้าลงบ้าง จะให้ธรรมชาติของขุนเขามาช่วยลบรอยแผลเล็กๆที่อยู่ในหัวใจ จะได้ไปงานแต่งงานด้วยรอยยิ้มที่แจ่มใสแสดงความยินดีอย่างจริงใจในฐานเพื่อนคนหนึ่งให้ได้ จึงตัดสินใจมาที่นี่ เพราะที่นี่เป็นที่แห่งเดียวซึ่งจะต้องใช้แรงกายแรงใจอย่างมากเพื่อพิชิตยอดภูกระดึงจะได้ไม่มีเวลามานั่งสงสารหรือเสียน้ำตาให้กับตัวเองมากนักและที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เลือกเดินทางมาที่นี่มาจากคำพูดของคนที่รชาคิดถึงอยู่ตลอดเวลา
รชารู้ไหม ภูกระดึง มาจากคำว่าภู และ กระดึง หรือกระดิ่งนะ คนคนหนึ่งเคยมาเล่าให้ฟัง ตาเขาเป็นประกายเมื่อยามเล่าถึงสถานที่ที่เขาเพิ่งไปมา
เพราะเมื่อเล่ากันว่าทุกวันพระวันโกนบนยอดเขาสูงจะมีเสียงระฆังดังมาชาวบ้านศรีฐานเล่าขานกันว่าเป็นเสียงระฆังของพระอินทร์ ธันเพิ่งไปเที่ยวที่นี่มาล่ะ
ในที่สุดเมื่อการเดินทางมาถึงผานกเค้านาฬิกาข้อมือก็บอกเวลาประมาณตี 4 กว่าๆ รถทัวร์ได้จอดให้คนที่จะขึ้นไปภูกระดึงลงตรงหน้าร้าน เจ๊กิม สิ่งแรกที่สัมผัสได้เมื่อลงจากรถก็คือความหนาวเย็นของอากาศ มันทำให้ต้องห่อตัวลงและรีบไปเอาเป้ที่อยู่ใต้ท้องรถซึ่งทุกคนกำลังยืนอออยู่แน่นขนัด เพื่อเอากระเป๋าของแต่ละคน
เมื่อได้เป้แล้วจึงรีบเดินเข้าไปในร้านซึ่งมีคนจำนวนมากกว่าที่คิด บรรยากาศภายในร้านเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม ทุกคนมาจากที่ต่างๆ แต่ก็สามารถพูดคุยกันได้อย่างเป็นมิตร ทุกคนที่จะขึ้นภูกระดึงได้มารวมตัวกันที่นี่เพื่อทำธุระส่วนตัวล้างหน้าแปรงฟันและซื้อของเล็กๆน้อยๆก่อนที่จะเดินทางกันต่อ หรือบางคนที่ยังนอนไม่เต็มอิ่มก็มานอนพักเอาแรง บ้างก็ท้าทายกันว่าใครจะเป็นคนทำเวลาในการขึ้นให้ถึงยอดภูกระดึงโดยใช้เวลาน้อยที่สุดจะเป็นผู้ชนะ
เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จก็เดินไปเลือกซื้อของใช้อีกนิดหน่อยและเดินไปจ่ายเงินให้แม่ค้า
สวัสดีค่ะ...จะขึ้นภูกระดึงหรือคะ แม่ค้าถามอย่างอารมณ์ดี
ค่ะ คนเยอะดีนะคะ...ขายดีอย่างนี้ตลอดหรือเปล่า นีรชาตอบ
ค่ะ ส่วนมากใครที่จะขึ้นภูกระดึงต้องมาลงรถที่นี่ แล้วต่อรถสองแถวทางด้านโน้น แม่ค้าชี้ไปที่บริเวณจอดรถที่เริ่มมีสองแถวเข้ามาจอดบ้างแล้ว
ดีจังเลยคะ ว่าจะถามพอดีว่าถ้าจะไปภูกระดึงจะไปอย่างไรต่อ
พึ่งมาครั้งแรกซิ รถสองแถวจะออกอีกประมาณชั่วโมงกว่าๆ ภูกระดึงจะเปิดให้ขึ้นประมาณ 6 โมงเช้า ค่ารถก็ไม่แพงคนละ 20 บาท ใครใจร้อนก็เหมาไปได้นะคะคันละ 300 บาทรถก็จะออกให้ทันที
ขอบคุณค่ะแต่คงไม่รีบ รอไปเรื่อยๆก็ได้ นีรชาขอบคุณแม่ค้าและเดินออกจากร้านไปหาที่นั่งอ่านหนังสือรอรถไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงเวลารถออกก็เดินไปขึ้นรถสองแถวและนั่งรอจนคนขึ้นมาเต็มรถ รถก็ออกในที่สุด มองดูคนที่นั่งรถด้วยกัน ใบหน้าของทุกคนมีรอยยิ้มที่แจ่มใส จนทำให้รู้สึกเบิกบานตามไปด้วย
จากคุณ :
samita
- [
10 พ.ค. 49 12:59:12
]