CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ฝรั่งบางลำพู (บันทึกของคนเดินเท้า)

    บันทึกของคนเดินเท้า

    ฝรั่งบางลำพู


    ชาวต่างประเทศที่เข้ามาเมืองไทย ไม่ว่าจะมาเที่ยว มาทำธุรกิจ หรือมาตั้งรกรากอยู่อาศัยในเมืองไทยนั้น เราเรียกว่าฝรั่งทั้งนั้น
    ไม่ว่าจะเป็นชาวยุโรป ออสเตรเลียหรืออเมริกา

    และส่วนมากของนักทัศนาจรจะมารวมกันอยู่เป็นกระจุก แถบถนนข้าวสาร ถนนพระอาทิตย์ ย่านบางลำพู เขาเหล่านั้นคงจะได้รับข่าวสารหรือคำบอกเล่าว่า ในย่านบางลำพูนั้นเป็นถิ่นที่เหมาะสม สำหรับนักทัศนาจรที่มีทรัพย์และสมบัติไม่มากนัก ประเภทแบกเป้ใบเดียว เพราะมีสถานที่กินที่พักอาศัยซึ่งเรียกว่าเกสต์เฮ้าส์

    และมีที่เที่ยวอันดับหนึ่งของประเทศไทย คือวัดพระแก้ว พระบรมมหาราชวัง วัดโพธิ์ และแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ไกลจากท่าช้างซึ่งสามารถจะลงเรือไปเที่ยวตลาดน้ำ หรือชมภูมิประเทศตามแม่น้ำลำคลองไปได้อีกไกล โดยเสียค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างถูก สำหรับเงินในกระเป๋าของเขาหรือเธอเหล่านั้น

    ซึ่งคนไทยที่ทำมาค้าขายอยู่ในย่านนั้น ต่างก็มีรายได้ที่น่าพอใจ ไม่ว่าจะทำธุรกิจประเภทใด ตั้งแต่เจ้าของเกสต์เฮ้าส์ ร้านอาหารเครื่องดื่ม รวมทั้งบาร์และร้านเหล้าที่เรียกว่าผับ ร้านขายสิ่งอุปโภคข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ รวมทั้งของที่ระลึก ตลอดจนรถแท็กซี่และตุ๊กตุ๊ก

    ได้เคยมีนักข่าวของหนังสือพิมพ์รายวัน ไปสัมภาษณ์ชาวต่างประเทศที่มาพักอาศัยในย่านบางลำพู ก็ได้ความว่า

    นักท่องเที่ยวจากยุโรปและอเมริกา ซึ่งประเทศของเขามีค่าเงินแพงกว่าของไทย ได้หลั่งไหลเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยแบบกระจอก ๆ จนมีฉายาว่า ฝรั่งกินข้าวแกง กันมาก

    การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ท.ท.ท.คำนวณรายได้ผิดพลาดไปมาก เพราะฝรั่งประเภทนี้กินข้าวแกง ไม่พักโรงแรมชั้นหนึ่งและชั้นสอง ที่มีค่าห้องคืนละเป็นพัน ๆ บาท ไม่กินอาหารตามร้านใหญ่ ๆ  ไม่ขึ้นรถแท็กซี่แต่ได้โหนรถเมล์แทน ไม่ซื้อเสื้อผ้าใช้ เพราะเดินนุ่งกางเกงขาสั้นใส่เสื้อกล้ามตัวเดียว

    นักท่องเที่ยวกระจอกจำนวนมาก แต่นำเงินตราต่างประเทศเข้ามาเมืองไทยเป็นจำนวนน้อย เหล่านี้ มีทั้งชาวยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และญี่ปุ่น

    ซึ่งพนักงานต้อนรับของห้องเช่าประเภทเกสต์เฮ้าส์ในซอยรามบุตรี เล่าว่า ประมาณเดือนธันวาคม ถึงเดือนพฤษภาคม ของทุกปี จะมีชาวเยอรมัน ออสเตรเลีย และสวีเดน มาเช่าพักเป็นจำนวนมาก เพราะระยะเวลานี้ประเทศของเขาหนาวมาก

    ถ้าเป็นชาวสหรัฐและอังกฤษ จะมาพักตลอดปี บางรายก็พักหนึ่งอาทิตย์ บางรายก็สามสี่วัน ตามแต่โปรแกรมที่เขาตั้งไว้ นักท่องเที่ยวประเภทฝรั่งกินข้าวแกงนี้ จะมากันคณะละสองสามคนเป็นส่วนใหญ่ ที่บุกเดี่ยวมาเที่ยวคนเดียวก็มีมาก

    พวกนี้จะหอบสัมภาระใส่ถุงเป้สะพายหลัง พร้อมที่จะพักอยู่ตามชายหาดหรือป่าเขา สำหรับค่าเช่าเกสต์เฮ้าส์คิดคนละ ๕๐ บาทต่อวัน ห้องหนึ่งพักได้สองคน

    บางครั้งอาจต้องจัดให้นักท่องเที่ยวหญิงจากสหรัฐ พักกับนักท่องเที่ยวหนุ่มจากออสเตรเลีย ในห้องเดียวกัน แล้วมอบกุญแจให้คนละดอก นอนคนละเตียง แต่ก็ไม่มีเรื่องราวอะไร

    เพราะฝรั่งจะมีการพูดจากัน ไปเที่ยวด้วยกันจนถูกอกถูกใจกันแล้ว จึงจะร่วมรักกัน ไม่มีการหน้ามืดข่มขืนให้เกิดคดีเลย แต่บางรายที่จับคู่นอนห้องเดียวกันแล้ว แล้วไม่ถูกสเป็คกันและกันก็มี

    นักท่องเที่ยวพวกนี้ไม่มีปัญหาเรื่องอาหารการกิน เพราะกินข้าวแกงเหมือนคนไทยเป็นส่วนใหญ่ ถ้าบางรายสู้อาหารเผ็ดไม่ได้ก็กินข้าวผัดและก๋วยเตี๋ยวราดหน้าแทน  ส่วนนมหนองโพนั้นขายดีมาก เพราะถูกกว่าเมืองนอก

    เมื่อมีฝรั่งชาติต่าง ๆ มาเที่ยวไทย และพักที่ย่านบางลำพู อย่างมีความสุข พอกลับไปก็ได้พูดจาเล่าขานกันต่อ ๆ ไป จนชาวต่างชาติที่มาเที่ยวภายหลัง ก็จะมีแผนที่และและชื่อของสถานที่พักเหล่านี้ ติดมือกันมาทุกคน

    แม้เรื่องที่นักข่าวหนังสือพิมพ์เล่ามานี้ จะเป็นเวลานานถึงยี่สิบปีแล้ว ชื่อเสียงของแดนท่องเที่ยวย่านบางลำพู ก็ยังไม่จืดจางลงแต่อย่างใด มีแต่ผู้ที่มาเที่ยวซ้ำทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็นอันมาก ทุกปีที่ผ่านมา

    ในเมื่อชาวต่างประเทศผู้มาพักอาศัยก็พอใจ และผู้ที่มีภูมิลำเนาในย่านนี้ต่างก็พอใจ เพราะมีรายได้ดีกว่าทำมาค้าขายเฉพาะคนท้องถิ่นเดียวกันเป็นอันมาก จึงไม่น่าจะมีเรื่องเดือดร้อนอะไร แต่ก็มีเรื่องให้เป็นข่าวจนได้

    เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของสถานีตำรวจนครบาล               ชนะสงคราม  ดังนั้นนายร้อยเวรจึงต้องรับแจ้งความอยู่ตลอดเวลา

    ตั้งแต่วันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๒๖ หมอสอนศาสนาคนหนึ่ง ถูกคนร้ายไล่แทงที่ซอยข้างสะพานเฉลิมวันชาติ ข้ามคลองบางลำพู

    พอถึงวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๒๗ เวลา ๑๙.๓๐ น. ก็ได้รับแจ้งว่ามีชาวต่างประเทศถูกทำร้ายบาดเจ็บ ที่หน้าห้างบางลำพูสรรพสินค้า  นายร้อยเวรจึงนำกำลังไปดูที่เกิดเหตุ พบนายมาร์ติน อายุ ๓๑ ปี เป็นนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันมีบาดแผลถูกแทงด้วยมีดปลายแหลม ที่สีข้างขวาหนึ่งแผล นอนฟุบร้องครวญครางอยู่บนทางเท้า เจ้าหน้าที่จึงนำส่งโรงพยาบาลวชิรพยาบาล แพทย์รับตัวไว้รักษา เพราะมีอาการสาหัส

    ขณะที่เหตุการณ์ในโรงพยาบาลยังไม่เรียบร้อย ก็ได้รับรายงานทางวิทยุ ว่ามีชาวต่างประเทศถูกคนร้ายแทง ที่ข้างวัดบวรนิเวศด้านถนนสิบสามห้าง เจ้าหน้าที่ต้องรีบไปยังที่เกิดเหตุ ก็พบนางเมอร์ฟี่ อายุ ๒๖ ปีเป็นชาวออสเตรเลีย ถูกแทงที่สีข้างบาดเจ็บเล็กน้อย และพบมีดที่คนร้ายใช้เป็นอาวุธตกอยู่ ๒ เล่ม จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

    ต่อมาอีกประมาณ ๒๐ นาที  ก็ได้รับแจ้งว่านักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ถูกคนร้ายแทงได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบริเวณหน้าป้อมพระสุเมรุ ถนนพระอาทิตย์ เจ้าหน้าที่ก็รีบรุดไปยังที่เกิดเหตุ ปรากฏว่าผู้บาดเจ็บชื่อนายโยชิดะ อายุ ๓๐ ปี มีบาดแผลถูกแทงที่บั้นเอวข้างขวา ๑ แผล เมื่อเจ้าหน้าที่พาไปทำแผลที่วชิรพยาบาลแล้ว ก็พาผู้เสียหายและพยานผู้รู้เห็นเหตุการณ์ ไปสอบสวนที่สถานีตำรวจนครบาลวัดชนะสงคราม เพื่อหาตัวคนร้ายต่อไป

    ในระหว่างนั้นสถานีตำรวจนครบาลท้องที่อื่น ก็ได้รับแจ้งว่า มีชาวต่างประเทศถูกแทงที่หน้าโรงแรมเฟิสท์ ถนนเพชรบุรี เมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๒๗ และวันเดียวกันห่างแค่หนึ่งชั่วโมง ก็มีชาวเยอรมันถูกแทงที่ซอยสุขุมวิท ๑๓ อีกด้วย

    หลังจากนั้นรองผู้กำกับการตำรวจนครบาลเหนือ ก็ได้เรียก เจ้าหน้าที่ในเขตกองบัญชาการตำรวจนครบาลเหนือทั้งหมด ร่วมประชุมวางแผนที่จะหาตัวคนร้ายรายนี้ ซึ่งเชื่อว่าเป็นคนเดียวกัน

    เพราะได้ทราบว่าคนร้ายรายนี้สูงประมาณ ๑๖๐ ซ.ม. มีลักษณะใบหน้าร่างกายเหมือนกันหมดทุกราย และทำร้ายชาวต่างประเทศโดยไม่หวังทรัพย์สินแต่อย่างใด

    ซึ่งเป็นอาชญากรรมที่มุ่งไปยังนักท่องเที่ยวต่างประเทศ อันจะทำให้เกิดความเสียหาย แก่การท่องเที่ยว และกระทบกระเทือนถึงสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศอีกด้วย

    สรุปได้ว่าคนร้ายรายนี้เป็นผู้มีอายุระหว่าง ๒๕- ๒๘ ปี เป็นคนเคร่งขรึม  สายตาสั้นไม่มากนัก เป็นคนมีความรู้ เพราะเคยผ่านการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย แต่ไม่สำเร็จ

    และในวันที่ ๒๒ มกราคม ก็มีผู้คิดฆ่าตัวตายด้วยการนอนพาดรางรถไฟ  ไม่ ห่างจากสถานีรถไฟมักกะสันนัก แต่บังเอิญรถไฟเพิ่งเคลื่อนออกจากสถานี พนักงานขับรถได้เห็นและหยุดขบวนรถได้ทัน จึงบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย

    เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกสืบหาตามโรงพยาบาลต่าง ๆ เนื่องจากผู้คิดสั้นรายนี้ มีลักษณะรูปพรรณสันฐานตรงกับคนร้ายมาก แต่ก็ไม่พบร่องรอยแต่ประการใด

    จนถึงวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๒๗ เลา ๑๗.๐๐ น. หัวหน้าสายสืบสถานีตำรวจนครบาลวัดชนะสงคราม จึงได้นำตัวผู้ต้องสงสัยรายนี้มาให้พนักงานสอบสวน พร้อมด้วยพี่ชายก็ได้ติดตามมาด้วย

    จากการสอบสวนได้ความว่า  คนร้ายชื่อนายเมฆ (นามสมมุติ) ขณะที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย ได้ป่วยเป็นโรคทางประสาท ต้องรับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลรามาถึง ๕ ปี เมื่อออกจากโรงพยาบาลก็ไม่ได้ศึกษาต่อ

    และได้สารภาพว่าตนมีความฝังใจเกลียดคนต่างชาติ ที่มักดูถูกประเทศไทยว่าเป็นประเทศด้อยพัฒนา จึงได้มุ่งที่จะทำร้ายชาวต่างประเทศอย่างเดียว

    เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไว้ที่สถานีตำรวจ โดยไม่ได้เข้าห้องขัง แต่ให้อยู่ในห้องแยกจากผู้ต้องขังอื่น และมีตำรวจเฝ้าตลอดเวลา และพี่ชายต้องหาอาหารมาเยี่ยม เพื่อให้กินอาหารและยาระงับประสาทตามเวลา

    เจ้าหน้าที่ตำรวจชี้แจงว่าการควบคุมตัวผู้ต้องหาทำร้ายร่างกายนั้น ตำรวจจะมีอำนาจควบคุมได้เพียง ๗๒ ช.ม.เท่านั้น จากนั้นต้องนำส่งศาลแขวงให้พิพากษา

    แต่สำหรับผู้ต้องหารายนี้ มีคดีทำร้ายร่างกายรวมถึง ๑๑ คดี  จึงจะต้องดำเนินคดีกันนานสักหน่อย

    แต่ถึงอย่างไรเวลาก็ได้ผ่านมาถึงยี่สิบกว่าปีแล้ว เหตุการณ์เหล่านี้ก็ได้เลือนไปจากความทรงจำของผู้คนแล้ว

    ถนนข้าวสาร  ถนนสิบสามห้าง ถนนรามบุตรี ถนนพระสุเมรุ และถนนพระอาทิตย์ รอบย่านบางลำพูในทุกวันนี้ จึงเป็นสถานที่ซึ่งปลอดภัย สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ นอกจากฝรั่งแล้วยังมีชาวต่างประเทศแถบตะวันออกและทวีปเอเซีย พากันมาเที่ยวหาความสำราญอยู่ตลอดปี

    โดยเฉพาะในเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งไม่เหมือนที่ใดในโลก.

    ###########

    จากคุณ : เจียวต้าย - [ 11 พ.ค. 49 06:39:56 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป