CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    เยือนถิ่นดอกไม้งาม นามฮอลแลนด์ ... ท่องแดนเบลเยี่ยม

    ไปเที่ยวกันต่อมั้ยค่ะ อยู่เคมบริดจ์ครบเดือนแล้ว หนีเที่ยวกันมั้ยเอ่ย ไประเหเร่ร่อนสักเก้าวัน พอสะบักสะบอม แล้วค่อยกลับเนอะ ที่จริงแล้วจุดประสงค์หลักในการดิ้นรนออกจากเมืองไทยในครั้งนี้ ก็เพื่อสวนทิวลิป Keukenhof Garden ในเนเธอร์แลนด์นั่นเอง ไม่งั้นคงไม่หาเรื่องกลับมาลำบากในอังกฤษอีกครั้ง  เพราะฉะนั้นเราจะไปกันเงียบ ๆ  อย่าเอะอะไปน้า ...  เดี๋ยวธราธรจะโดนดุ ฮ่ะ ๆ

    เหมือนเดิมนะคะ ไปกับธราธร ต้องอดทน!  แหะ ๆ เพราะว่าคนนำเที่ยวสติไม่ค่อยครบ สตางค์ก็ไม่ค่อยมี งานนี้ลำบากแน่ ๆ เล้ย แต่รับรองไม่ทิ้งกันแน่ค่ะ ไปเถอะเนอะ

    เอ้า! ... ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว เริ่มเลยค่ะ

    เช้าวันจันทร์ที่ ๑ พฤษภาคม ตื่นตีสามนะคะ   อ้าว! ... ไม่ยอมตื่นเหรอ  งั้นนอนต่อก็ได้ แป๊บเดียวนะ ต้องไปขึ้นรถโค้ช ตอนตีสี่ครึ่ง  แต่พอถึงเวลาเข้าจริงๆ เกือบจะไม่ได้ออกจากหอแล้ว เพราะประตูรั้วของคอลเลจดันปิด แล้วก็ไม่มีกุญแจซะด้วย ปรกติเคยเข้าออกแต่เวลากลางวัน เล่นเอาใจเสียเลยค่ะ มองหา porter ก็ไม่อยู่ สงสัยแกแอบไปงีบแน่เลย คิดว่างานนี้สงสัยได้ปีนรั้วแหง ๆ แต่ว่าจะไปปีนตรงไหนละเนี่ย ทั้งสูงทั้งใหญ่ มีหวังขาหักก่อนเที่ยวแน่นอน ฝนก็ตกพรำ ๆ ทำไมมันลำบากตั้งแต่ออกจากหอเลยฟะ สงสัยเริ่มก้าวเท้าผิดแน่ ๆ  หันซ้ายแลขวา ดูลาดเลาว่าไม่มีใครแน่แล้ว ก็ ... เอาละวะ ...

    โป๊ก โป๊ก โป๊ก ...
    เงียบ!

    โป๊ก ๆๆๆๆ ๆๆๆ
    ยังเงียบอีกแหนะ!  เจ้าประคุณเอย … ช่วยลูกช้างทีเถอะ

    คราวนี้ทุบประตูไม้ไป พูดไป
    “มีใครอยู่มั้ยค้าาาาา ไม่อยู่จะปีนแล้วนะค้าาาาา!”


    ที่จริงก็เรียกไปงั้นแหละค่ะ ไม่คิดว่าจะมีใครอยู่  แต่ได้ผลในพริบตาแฮะ   porter โผล่ออกมาจากไหนไม่รู้ ทำหน้าดุ ๆ ว่าจะเอาอะไร มาเรียกตั้งแต่ยังไม่สว่าง  รีบอธิบายไม่ทันเลยค่ะ กลัวแกไม่ยอมปล่อยให้ออกไป ถามใหญ่เลยว่าทำไมเราไม่มีกุญแจประตูรั้ว ปรกติจะไม่ปล่อยให้ใครออกไปยามวิกาลนะ แถมยังเห็นหิ้วของพะรุงพะรัง สงสัยกลัวว่าเราจะขโมยอะไรออกไปหรือเปล่า  แต่ในที่สุดก็ปล่อยออกมาจนได้  แทบจะเข้าไปกอดแกแรง ๆ ให้สมรัก ฮ่ะ ๆ งานนี้ถ้าไม่ยอม มีหวังยืนร้องไห้แง ๆ ทั้งแก่แบบ ๆ นี้แหละ ความฝันคงสลายตั้งแต่ยังไม่ทันออกจากหอเลย

    จากเคมบริดจ์ เราจะไปขึ้นรถ National Express ไปยังสนามบิน London Stansted กันค่ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณห้าสิบนาที บริการรถโค้ชของเขาสะดวกดีมากเลย มีรถวิ่งไปยังสนามบินตลอดทั้งคืน เฉลี่ยแล้วประมาณชั่วโมงละหนึ่งคัน คนขับจะบริการยกกระเป๋าใส่ใต้ท้องรถให้อย่างเป็นระเบียบ เรียงตามลำดับการลงก่อนหลัง บนรถก็จะอธิบายเส้นทาง ว่าจะแวะจอดที่สนามบินไหนบ้าง ใช้เวลาประมาณเท่าไหร่ และสภาพการจราจรตอนนั้นเป็นยังไง จะไปถึงที่หมายตามกำหนดเวลาหรือเปล่า

    เที่ยวบินของเราเป็นสายการบิน Easy Jet เที่ยวบินที่ 3881 เวลา 7 โมงเช้า ตอนตรวจตั๋วและหนังสือเดินทาง ก็แอบลุ้นอยู่เหมือนกัน กลัวเจ้าหน้าที่สายการบินจะไม่ยอมให้ไป  เพราะไม่มีวีซ่าเข้าเนเธอร์แลนด์ แต่ก็ผ่านเรียบร้อยด้วยดี   เคยมีกรณีของพี่คนหนึ่งที่ใช้ Official Passport ซึ่งไม่จำเป็นต้องขอวีซ่าเข้าบางประเทศในยุโรป แต่เจ้าหน้าที่สายการบินไม่ทราบ เลยไม่ยอมให้ขึ้นเครื่อง อธิบายเท่าไหร่ ก็ไม่ฟัง งานนั้นเสียเส้น ต้องกลับมานอนต่อทั้งวันให้หายแค้น ป่านนี้ก็คงยังแค้นไม่เลิกมั้ง
    >_<


    สำหรับสายการบินราคาถูก เขาจะไม่ระบุหมายเลขที่นั่งบนเครื่อง แต่ตอนตรวจเช็คอิน จะได้บัตรขึ้นเครื่อง (boarding pass) ซึ่งจะระบุลำดับก่อนหลังในการขึ้นเครื่อง ตั้งแต่กลุ่ม A  B  C และ D  ใครมาเช็คอินก่อน ก็จะได้อยู่กลุ่ม A และสามารถขึ้นเครื่องได้ก่อน วิธีนี้ทำให้ไม่ต้องไปยืนรอต่อแถวนาน ๆ ตอนเรียกขึ้นเครื่อง ก็ดีเหมือนกันนะคะ

    สนามบิน Stansted จะแบ่งอาคารที่ตรวจตั๋วเครื่องบินและ security ออกจากอาคารที่ไปรอขึ้นเครื่อง  พอเราผ่านด่าน security ตรวจสัมภาระติดตัวเรียบร้อย ก็ต้องไปขึ้นรถไฟฟ้าต่อไปยัง Gate ที่ระบุไว้  สายการบินที่ออกจากสนามบินนี้ ส่วนมากเป็นสายการบินขนาดเล็ก พวก Easy Jet หรือ Ryan Air ที่บินระยะทางไม่ไกลนัก ส่วนมากบินอยู่ในทวีปยุโรปนั่นเอง


    ยังไม่ทันงีบก็ถึง สนามบิน Schiphol ในอัมสเตอร์ดัม ใช้เวลาบินจริง ๆ แค่ประมาณ 40 นาที เท่านั้น ใกล้กว่ากรุงเทพ-เชียงใหม่ หรือกรุงเทพ-ภูเก็ตซะอีก  สนามบินสคิพโพลเป็นสนามบินขนาดใหญ่ เป็นศูนย์กลางการบินแห่งหนึ่งในยุโรป ภายในแบ่งออกเป็นสามส่วน คือ Lounge 1, Lounge 2 และ Lounge 3 บริเวณขาเข้ากับขาออกจะอยู่คนละชั้น ส่วนตอนกลางด้านล่างของสนามบินจะเป็นชานชาลารถไฟ สะดวกมาก แค่เดินลงบันไดเลื่อนก็ต่อรถไฟได้เลย  แต่ถ้าพูดถึงการตกแต่งภายใน หรือความเป็นระเบียบของร้านค้า ยังสู้สนามบินแฟรงเฟิร์ตของเยอรมันนีที่กว้างขวาง และดูโล่งโปร่งตากว่าไม่ได้

    พอลงจากเครื่องก็ต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง เขาจะแบ่งเป็นสองบริเวณ คือ EU passport กับ Other Passports ที่นี่คิวไม่ยาว พลิกดูพาสปอร์ตไปมา ปั๊มตราเข้าประเทศดังปั้ง! เรียบร้อย ไม่มีถามให้มากความ หรือขี้เกียจพูดกับคนหน้าแปลกก็ไม่รู้ได้ ไม่เหมือนกับที่สนามบิน Heathrow ที่ยืนรอกันเป็นครึ่งชั่วโมง กว่าจะหลุดออกมา

    เวลาในยุโรป จะเร็วกว่าในอังกฤษประมาณ 1 ชั่วโมง เพราะงั้นเรามาถึงเนเธอร์แลนด์เมื่อเวลาประมาณ 9 โมงเช้าค่ะ  วันนี้เราจะเที่ยวอัมสเตอร์ดัมกันทั้งวัน แล้วตอนเย็นค่อยต่อรถไฟไปพักที่ร็อตเตอร์ดัม เมืองใหญ่อีกเมืองหนึ่งเนเธอร์แลนด์ เนื่องจากตอนนี้ที่พักเยาวชนในอัมสเตอร์ดัมเต็มหมดเลย เพราะเป็นช่วงที่ใคร ๆ ก็อยากมาเที่ยวชมดอกทิวลิปกัน ถ้าไม่จองที่พักล่วงหน้ากันเป็นเดือน มีหวังได้นอนสนามบิน หรือสถานีรถไฟแน่ ๆ   แล้วธราธรก็โชคไม่ดี ที่จองที่พักในอัมเตอร์ดัมไม่ได้ เลยต้องไปพักไกลหน่อย แถมต้องแบกเป้เดินทั้งวันอีกตังหาก เท่านั้นยังไม่พอ ฝนตกพรำ ๆ ตลอด ยิ่งเดิน ยิ่งตก ร่มก็ไม่ได้พก เปียกหมดทั้งตัว รวมทั้งเป้ด้วย แค่เป้ธรรมดาก็หนักพอแรงแล้ว เสื้อผ้าเปียกฝนยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ เล่นเอาปวดบ่าปวดหลังไปหลายวัน และที่เสียดายที่สุด คือ ถ่ายรูปวิวออกมาไม่สวย ฟ้าช่างไม่เป็นใจเลยค่ะ

    T_T

    แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 49 04:53:05

    จากคุณ : ธราธร - [ วันวิสาขบูชา 03:50:08 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป