กว่าเสียงนอกกระโจมพยาบาลจะสงบเงียบก็เป็นเวลาค่อนคืน ธารายกแขกขึ้นเช็คเหงื่อบนหน้าอย่างอ่อนเพลีย จุ่มมือทั้งสองข้างที่เปื้อนเลือดจากการเย็บแผลคนเจ็บคนสุดท้ายในอ่างน้ำสะอาดข้างตัว แล้วเช็คมือกับผ้าที่ไผ่เงินยื่นมาให้
กระโจมพยาบาลหลังนี้เป็นกระโจมที่สร้างขึ้นอย่างเร่งด่วนเพื่อความสะดวกในการรักษาพยาบาลคนเจ็บ แสงจากตะเกียงเจ้าพายุดวงใหญ่ทำให้เห็นสภาพภายในกระโจมที่มีคนเจ็บนอนอยู่บนพรมเนื้อหนาเกือบยี่สิบคน ข้างนอกกระโจมมืดสนิท ผู้คนที่เดินขวักไขว่เมื่อครู่หายไปกันจนหมดสิ้น
ธารานายท่านบอกว่า ถ้าเจ้ารักษาคนเจ็บเรียบร้อยแล้วให้ไปหาด้วย
ได้ ไปบอกเขาเถอะ ถ้าข้าพันแผลให้คนเจ็บเรียบร้อยแล้วข้าจะไปหา เจ้าน่ะควรจะไปพักผ่อนได้แล้ว ตื่นเต้นตกใจมาทั้งวันถ้าพักผ่อนน้อยอีกจะมีปัญหากับเด็กในท้องได้
เจ้ารีบไปพบนายท่านเถอะ จะได้ไปพักผ่อนเสียที คนเจ็บที่เหลือข้าจะดูแลต่อไปเอง ไผ่เงินพูดพร้อมแย่งผ้าพันแผลในมือหญิงสาวไป
ใครๆข้างนอกพากันพูดว่า ดีที่กองคาราวานนี้มีเจ้ามาด้วย ไม่งั้นพวกเราคงแย่ เพราะไม่มีใครรู้วิชาแพทย์ดีเท่าเจ้าสักคน ข้าว่าแต่ก่อนที่เจ้าจะความจำเสื่อม เจ้าคงเป็นหมอแน่ๆ
ธาราหัวเราะเบาๆ ข้าไม่เห็นจะจำได้เลยว่าตัวเองเป็นหมอ เพียงแต่รู้สึกคุ้นเคยกับการทำงานพวกนี้ก็เท่านั้น
หญิงสาวเหม่อมองไปทางตะเกียงเจ้าพายุที่ให้แสงสว่างในกระโจม รู้สึกคุ้นเคยกับภาพเหล่านี้อย่างประหลาด แต่กระโจมพยาบาลนั้นมีผู้คนมากกว่านี้ กว้างกว่านี้ กลิ่นยาตลบอบอวล เสียงครางอย่างเจ็บปวดดังระงมไปทั่ว พอหล่อนพยายามนึกว่าภาพพวกนั้นคืออะไร ก็เริ่มรู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาทันที
ธาราเจ้าเป็นอะไร
ไม่...ไม่มีอะไร ธาราตอบ ลดมือที่ยกขึ้นมากุมศีรษะลง เมื่อเห็นสีหน้าเป็นห่วงของอีกฝ่าย ข้าคงเพลียมากเกินไป คนไข้คนนี้ฝากเจ้าดูแลด้วยก็แล้วกัน ข้าจะรีบไปพบกับนายท่านก่อน พูดจบก็ลุกเดินออกจากกระโจม
ภายนอกเงียบสงบ สายลมโชยพัดพากลิ่นควันไฟที่สุ่มอยู่ตามมุมต่างๆ เพื่อให้สามารถมองเห็นไปยังระยะไกล ดวงจันทร์กลมโตส่องแสงเหลืองนวล ยิ่งทำให้เห็นหลุมศพที่ช่วยกันฝังอย่างรีบร้อนวังเวงดูน่ากลัวมากยิ่งขึ้น หญิงสาวรีบสาวเท้าไปยังกระโจมใหญ่อย่างรวดเร็ว
ภายในกระโจมมีชายวัยกลางคน ผิวคล้ำ รูปร่างท้วมเล็กน้อยที่ทุกคนเรียกว่านายท่าน กำลังนั่งขีดเขียนอะไรบางอย่างอยู่ใต้แสงตะเกียง รอบๆตัวมีม้วนกระดาษหลายม้วนกองอยู่ ซึ่งบางม้วนก็ถูกแกะเชือกออกมาแผ่บนโต๊ะ
ท่านเรียกข้ามาพบใช่หรือไม่ ?
วิทยาเงยหน้ามองหญิงสาวที่เข้ามา หน้าตานั้นขมุขมอมไปด้วยผงถ่าน ควันไฟ และบางส่วนของเสื้อผ้ายังมีคราบเลือดเปื้อนเป็นหย่อมๆ เขากระพริบตาคาดไม่ถึงว่าคนที่เขาเรียกมาพบจะมีสภาพทรุดโทรมขนาดนี้
แม้เสื้อผ้าจะดูสกปรก ใบหน้าเปรอะเปื้อนขนาดนี้ แต่กริยาท่าทางการยืน หลังไหล่ที่เหยียดตรงเป็นสง่านั้น กลับทำให้เขาอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ เหมือนกำลังนั่งเฝ้าแหนเจ้านายชั้นสูง แทนที่จะเป็นหญิงสาวจลจัดความจำเสื่อมที่ไผ่เงินเมียคนที่สี่ของเขาช่วยมาจากริมฝั่งแม่น้ำเมื่อเดือนก่อน
ใช่... วิทยาพยายามสลัดความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นออกจากหัว นั่งก่อนได้ไหม ขอข้าคิดบัญชีตรงนี้ให้เรียบร้อยก่อน พูดจบตัวเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องใช้ภาษาสุภาพกับผู้หญิงคนนี้ด้วย
ได้ ธาราทรุดตัวลงนั่งบนเบาะที่อยู่ตรงข้ามกับที่นายวาณิชนั่ง โดยมีโต๊ะขนาดใหญ่คั่นกลาง
พอได้นั่งนิ่งๆ อย่างนี้ หล่อนก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเพลียมาก เพราะตั้งแต่เกิดการปล้นขึ้น หล่อนก็ไม่ได้พักผ่อนเลย ท้องเริ่มอุทธรณ์ถึงอาหารเย็นที่ควรได้รับตั้งแต่เมื่อหกชั่วโมงที่แล้ว รู้สึกหนังตาเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ แม้จะพยายามฝืนไว้ก็ตาม
อะไรกันน้องน้อย ง่วงนิดๆหน่อยๆแค่นี้เจ้าก็เอาชนะมันไม่ได้ ลืมตาตื่นเถอะ ท่านเสนาบดีกลาโหมจะกล่าวรายงานจบแล้ว สุรเสียงกลั้วหัวเราะนั้นกระซิบเบาๆข้างพระกรรณ
น้องไม่ได้หลับ ตามันเหนื่อยเลยปิดลงมาเอง เสียงที่ตอบเป็นเสียงใสๆของเด็กที่อายุยังไม่มากนัก
งั้นลืมตาตื่นขึ้นมาหน่อยเถอะน้องน้อยคนเก่ง เดี๋ยวท่านเสนาบดีจะเสียใจ
ก็ได้ๆ คราวหน้าข้าจะไม่ตามเสด็จมาเข้าประชุมกับเสนาบดีอีกแล้ว ชอบหลอกให้ข้ามานั่งฟังคนโน้นคนนี้พูดยาวๆ เรื่องอะไรก็ไม่รู้อยู่เรื่อย
ธาราลืมตาขึ้น กะพริบตาอยู่หลายครั้งอย่างงุงงง ความจริงภาพที่หล่อนควรจะเห็นไม่น่าเป็นภายในกระโจม ควรจะเป็น...
ใช่ควรจะเป็นที่ไหน...
หญิงสาวพยายามคิด มันควรจะเป็นห้องสีครีมกว้างกว่านี้ และมีคนนั่งกันเต็มโต๊ะหินอ่อนสีขาวรูปวงรี
พอพยายามจะคิดต่อไป อาการปวดศีรษะที่มักกำเริบทุกครั้งที่หล่อนรู้สึกเหมือนจะนึกเรื่องในอดีตอะไรสักอย่างออกก็กำเริบขึ้นอีกครั้ง จนหล่อนต้องรีบหยุดตัวเองไม่ให้คิดอะไรอีก
ท่าทางของนายวาณิชที่กำลังขีดๆเขียนๆอย่างอารมณ์เสียนั้นเรียกความสนใจทำให้ธารามองตาม ดูไม่นานก็รู้ว่า นายวาณิชกำลังทำบัญชีสินค้าขึ้นมาใหม่ เพื่อตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการถูกปล้นเมื่อเย็น แต่ด้วยความไม่ชำนาญทำให้การบวกลบเลขผิดหลายครั้ง ต้องมีการลบแก้ไขจนกระดาษทั้งแผ่นเลอะเทอะไปหมด
ท่านบวกผิดแล้ว ตรงนั้นต้องได้ 15,815 ธาราพูดขึ้นอย่างอดใจไม่อยู่
วิทยาเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่พอใจ
อวดดีที่สุด มาว่าเราบวกเลขผิด หึ!ผู้หญิงนะหรือ แค่นับเลขหนึ่งถึงร้อยได้ถูกต้องไม่ผิดเลยก็ถือว่าเก่งแล้ว ไม่มีทางจะบวกลบเลขหลักหมื่นอย่างนี้หรอก
วิทยาคิดในใจอย่างดูถูก
มีอะไรหรือนายท่าน
เจ้าคิดเลขเป็นหรือ เสียงถามกระชาก
เป็น ธาราตอบเบาๆ ไม่เข้าใจสายตาดูถูกของคนตรงหน้า
งั้นเจ้าลองคิดให้ข้าดูสิ วิทยายื่นกระดาษและภู่กันให้
หญิงสาวรับมาเขียนผลลัพธ์ที่ถูกต้องอย่างรวดเร็ว ลายมือที่เขียนนั้นสวยงามอย่างคนที่ได้รับการศึกษามาอย่างดี
ไหนลองคิดต่อสิ อันที่กากบาทคือมูลค่าที่ด้องลบออก เขาพูดพลางยื่นม้วนกระดาษให้หญิงสาวตรงหน้าลองทำต่อไป มองดูสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
เป็นไปได้อย่างไรกันที่ผู้หญิงจะบวกลบเลข อ่านเขียนหนังสือได้ดีขนาดนี้ ผู้หญิงที่เขาเคยเจอ แค่บวกลบเลขง่ายๆไม่เกินหลักร้อยก็มีโอกาสผิดพลาดแล้ว เรื่องเขียนอ่านหนังสือไม่ต้องพูดถึง ก็ใครเล่าจะไปเสียเวลาสอนหนังสือให้พวกเธอ ในเมื่องานที่ผู้หญิงต้องทำคือ การทำอาหาร ปรนนิบัติสามีและลูกให้อยู่ดีกินดี ในพวกชาวนาชาวไร่ก็อาจต้องช่วยสามีเพาะปลูกด้วย เขาเคยให้คนทำบัญชีที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อเย็น ช่วยสอนบรรดาเมียๆทั้งสี่คนของเขาให้บวกลบคูณหารเลขได้ เพื่อให้มาช่วยงานทางด้านนี้บ้าง แต่ก็ไม่มีใครที่จะเรียนได้ แม้แต่ภรรยาคนแรกที่คอยดูแลงานด้านต่างๆให้เขาก็ไม่อยากจะเรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งชบาเคยมาออดอ้อนอย่างน่ารักกับเขาว่า
ทำไมต้องให้ชบาเรียนด้วย ชบาไม่เรียนได้ไหมนายท่าน พอเรียนทีไรก็จะรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทุกที พระเจ้าเขาคงไม่ต้องการสร้างผู้หญิงให้เกิดมาเพื่อมานั่งคิดเลขทั้งวันอย่างนี้หรอก ไม่อย่างนั้นใครจะมาปรนนิบัตินายท่านละเจ้าค่ะ
พยายามกันอยู่ได้ไม่ถึงอาทิตย์ ในที่สุดเขาก็ต้องยอมแพ้ ปล่อยให้บรรดาเมียๆของเขากลับไปทำงานที่ตัวเองถนัดต่อไป
วิทยามองสิ่งที่เกิดตรงหน้าอย่างงุงงง ย้อนคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อเย็น ต้องยอมรับกับตัวเองว่า เพราะหญิงสาวตรงหน้าอีกนั้นแหละที่ทำให้เขาไม่สิ้นเนื้อประดาตัว จนถึงชีวิตตัวเองก็อาจจะเอาไว้ไม่ได้ เมื่อหัวหน้าโจรประกาศก้องต้องการชีวิตของเขา
++++++++++++
(มีต่อค่ะ)
จากคุณ :
w_panda
- [
13 พ.ค. 49 00:26:20
]