Title : On the road
Rate : No rate?
copyright by Anonymous (SDM) please do not use or post anywhere without permission :)
-----------------------------------------------------------------------------
ไฟตัดหมอกหน้ารถสว่างจ้าเป็นลำพุ่งมาจากทิศทางของความมืดลิบ ๆ มองเห็นได้แต่ไกล จุดประกายความหวังที่ริบหรี่ในใจของฉันให้ลุกโพลงขึ้นมาใหม่ ฉันรีบกระวีกระวาดลุกขึ้นจากพื้นถนนที่เปียกชื้นด้วยไอหมอกซึ่งลงไปนั่งกอดเข่าด้วยความสิ้นหวัง แล้วจับตามองแสงสว่างจ้าที่เคลื่อนเข้ามาหาอย่างรวดเร็วราวกับกระสุนปืนนั้นอย่างไม่วางตา ในใจภาวนาขอให้เขามองเห็น และจอดรับฉันด้วย
นานเท่าไรแล้วก็ไม่รู้ ที่ฉันรอคอยการมาถึงของใครสักคนที่จะจอดรถ รับฉันจากริมถนนทางโค้งที่มืดราวกับหลับตานี้ไปสู่ความสว่างไสวของแสงไฟนีออนที่ฉันคิดถึงมากกว่าเวลาใด ๆ ในชีวิต
รถ 4WD ที่ฉันภาคภูมิใจนักหนาว่ามันมาจากน้ำพักน้ำแรงการทำงานหนักของตัวเองทรยศฉันได้อย่างหน้าตาเฉยเมื่อฉันขับมันออกต่างจังหวัดเป็นครั้งแรก
โดยไม่ฟังคำเตือนของแม่ที่เหมือนจะเป็นคำตำหนิฉันกลาย ๆ เมื่อท่านรู้ว่าฉันจะออกท่องเที่ยวคนเดียวกับรถคู่ใจโดยไม่มีจุดหมายปลายทาง จนกว่าวันลาพักร้อนจะหมดลง
ฉันเอาหูไปนา เอาตาไปไร่กับคำบ่นอันยืดยาวของแม่ และลงท้ายด้วยหางเสียงเป็นเชิงน้อยใจว่า ฉันดื้อรั้นและไม่เคยเชื่อฟังแม่เลย
ตอนนั้น ฉันรู้สึกว่าตัวเองสามารถรับมือกับสถานการณ์ทุกอย่างในโลกได้ด้วยลำพังตัวเองคนเดียว ฉันโตแล้ว และแม่ก็คือแม่
ที่เห็นลูกเป็นเด็กเล็ก ๆ ร่ำไป
ฉันไม่จำเป็นต้องฟังท่าน
แต่เวลานี้ ฉันอยากกลับไปฟังคำพูดเหล่านั้นอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แสงอาทิตย์ลาลับไปพร้อมกับพรากเอาความมั่นใจราวกับสามารถควบคุมโลกนี้ไว้ในมือได้ของฉันไปด้วย อากาศเริ่มเย็นลง และความสลัวก็กลายเป็นความมืดสนิท
ความกลัวที่ผุดออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้จู่โจมเข้าจับหัวใจฉัน
แล้วเพียงเท่านั้น
ลูกพี่ใหญ่ของเพื่อนร่วมงาน
ผู้หญิงมั่นแถวหน้าคนนี้
ก็กลายเป็นเด็กตัวน้อย ๆ ที่ร่ำร้องหาแม่อยู่ทุกลมหายใจ
ฉันกลัว
ฉันหิว
ฉันหนาว
ฉันอยากกลับบ้าน
รถคันนั้นเคลื่อนใกล้เข้ามา พร้อมกับที่หัวใจของฉันระรัวด้วยความหวัง และความลังเลใจว่า ฉันควรจะเอาตัวเข้าขวางหน้ารถเพื่อให้เขาจอดเสียเลยดีไหม
ฉันไม่อยากเสี่ยงกับความผิดหวังจากการที่รถเหล่านั้นจะผ่านหน้าไปราวกับมองไม่เห็นอีกแล้ว
ความกลัว ความอยากกลับบ้าน ทำให้ฉันวิงวอนเพียงแค่
ใครก็ได้ ได้โปรดช่วยฉันด้วย
แทนที่จะคิดถึงความแล้งน้ำใจของคนในสังคมต่อผู้ที่กำลังตกทุกข์ เหมือนอย่างที่ฉันคงจะคิด หากเป็นเวลาปกติที่ฉันอยู่ท่ามกลางแสงไฟ
รถคันนั้นเคลื่อนใกล้เข้ามา พร้อมกับที่หัวใจของฉันระรัวด้วยความหวัง
ฉันยื่นมือออกไปสุดแขน แล้วโบกขอความช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถเพื่อให้แน่ใจว่าคนในรถจะมองเห็นฉัน
ไม่กล้าจะกระโดดออกไปขวางหน้ารถอย่างที่แอบคิด เพราะกลัวเขาจะตกใจและเบรกไม่ทัน
ฉันรู้ว่าพวกเขาหวาดระแวงและกลัวคนแปลกหน้าที่โบกรถยามค่ำคืนมากพออยู่แล้ว
ฉันเคยได้ยินมาเหมือนกันเรื่องตัวตายตัวแทน
ได้โปรด
ขอให้เขามองเห็นฉัน
ขอให้เขาจอดรถรับฉันไปด้วยเถิด
ฉันภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก วิงวอนด้วยความรู้สึกอันแรงกล้าที่สุดในชีวิต
ฉันอยากกลับบ้าน
แสงไฟรถสาดจับมาที่ตัวฉันเต็มที่ ฉันมองเห็นคนในรถ
เป็นชายหนึ่ง และหญิงหนึ่ง
ทั้งสองคนมองมายังตัวฉัน
เขามองเห็นฉัน
หัวใจของฉันเต้นระรัวจนแทบจับจังหวะไม่ได้ด้วยความยินดี
ฉันกำลังจะได้กลับบ้านแล้ว
แต่ดวงตาของทั้งคู่ถูกฉาบด้วยความตื่นตกใจทันควันนั้น
แวบหนึ่ง ฉันรู้สึกว่าผู้หญิงอ้าปากเพื่อหวีดร้อง
ดวงตาที่เบิกกว้างของเธอจ้องจับมาที่สีแดงสดที่ชุ่มโชกบนเสื้อยืดสีขาวของฉัน
ดวงตา
แบบเดียวกับดวงตาของฉันที่สะท้อนออกมาจากกระจกมองหลัง เมื่อรู้ตัวว่า 4WD คู่ใจคันนั้นทรยศ
เบรกของมันไม่ทำงาน
ฉันมองตามหลังรถคันหรูที่ผ่านหน้าไปอย่างรวดเร็วราวกับกระสุนปืนนั้นพลิกเลี้ยวหักศอกราวกับถูกพุ่งปะทะด้วยพลังอำนาจอันมองไม่เห็น
ร่วงหล่นลงจากทางหลวง กลิ้งลงไปตามแนวแรงลาดสันเขาชันด้านข้าง
เสียงหวีดร้องถูกกลบด้วยแรงปะทะดังสนั่น
พร้อมกับพรากความหวังที่เพิ่งเริ่มเรื่อเรืองขึ้นในใจฉันให้เลือนหายไปพร้อมกับมัน
ฉันยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ดวงตาเหม่อลอยมองผ่านไปท่ามกลางความมืดที่กลับเข้าปกคลุมอีกครั้ง
นาน
กว่าจะทรุดกายลงนั่งชันเข่ากับพื้นถนนเปียกชื้นด้วยไอหมอก
ของเหลวสีสดรินลงมาจากดวงตาที่ปวดช้ำด้วยความรู้สึกร้าวด้วยความสิ้นหวังที่เข้าครอบครอง
ฉันซบหน้าลงกับเข่าตัวเอง
สะอื้นไห้
ฉันกลัว
ฉันหิว
ฉันหนาว
ฉันอยากกลับบ้าน
เท่านั้นเอง
แค่เท่านั้นเอง
fin...
จากคุณ :
Beauty&Stupid
- [
14 พ.ค. 49 12:02:31
]