CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ^^^^^...เก้าอี้ตัวเดิม...^^^^^ ( The waiting story )

    ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมจึงยังมาที่นี่ . . .

    ผมพยายามหาคำตอบให้กับตัวเองทุกทุกครั้งที่มาที่นี่ แต่ผมก็ยังไม่สามารถหาคำตอบที่ดีที่สุดให้กับตัวเองได้เลย

    เราจากกันที่นี่ เป็นเวลา 2 ปีแล้ว แต่ผมก็ยังมาที่นี่ทุกวันอาทิตย์อย่างที่เคย ไม่ได้ขาด ทำไมผมต้องมา ผมมาทำไม มันคือคำถามที่วนเวียนอยู่ในหัวผมในทุกทุกวันอาทิตย์ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา

    ผมมาเที่ยว ผมมาพักผ่อน ผมมาถ่ายรูป ผมมาเดินเล่น หรือผมมารอใครบางคน คำตอบทั้งหมดนี้ ผมใช้มันสับเปลี่ยนไปมาเสมอ จนผมเบื่อและระอากับมันเต็มที ทำไมผมถึงไม่กล้าแม้แต่จะให้คำตอบที่แท้จริงกับใจของตัวเองเลยสักครั้ง ผมกลัวอะไรเหรอ หรือผมกลัวความจริง ความจริงที่ว่า. . .เธอทิ้งผมไป. . .

    ผมกับดาเรารักกันมากว่า 5 ปี เธอคือผู้หญิงที่ผมรักและรักมากที่สุดรองจากแม่ ทุกวันผมจะต้องนำดอกทิวลิปสีขาวไปเสียบไว้ที่ตู้ไปรษณีย์หน้าบ้านเธอพร้อมกับรูปอีก 1 ใบที่ผมเป็นคนถ่ายเอง มันก็เป็นรูปผมเองนี่แหละตอนตื่นนอน เธอบอกว่าเธออยากเป็นคนแรกที่เห็นหน้าของผมทุกครั้งที่ตื่นนอนในตอนเช้า ตลกดีมั๊ยล่ะ แต่ผมก็ทำมัน จนมันกลายเป็นกิจวัตรของผมไปซะแล้ว เราทำงานกันคนละที่คนละเวลา ผมเป็นช่างภาพ เธอเป็นแอร์โฮสเตส เวลาสำหรับเราทั้งสองคนจึงอาจจะหายากสักหน่อย แต่มันก็ไม่ใช่อุปสรรคสำคัญอะไรสำหรับคนที่รักกันอย่างเรา

    จริงๆแล้วเราสองคนไม่มีอะไรที่คล้ายกันสักเท่าไหร่ ผมหน้าตาดูไม่ได้ หนวดเครารกรุงรัง ใส่กางเกงยีนส์ขาดๆที่ขนาดผงซักฟอกยังอาจรับไม่ได้ เธอสวย สะอาด ดูดีในทุกอิริยาบถ และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ครอบครัวของเธอไม่อนุญาตให้เธอคบกับผมในตอนแรก แต่สุดท้ายผมก็ได้รักกับเธอ

    แต่มีสิ่งหนึ่งที่เราเหมือนกันก็คือ  เราชอบเดินทาง  ผมเจอกับเธอครั้งแรกบนเครื่องบิน ผมในฐานะผู้โดยสาร และเธอในฐานะผู้โดยสารเช่นกัน ตอนนั้นเธอยังไม่ได้เป็นแอร์ เธอเผลอทำกาแฟหกใส่ผมในขณะที่ผมกำลังเลือกรูปเพื่อจะนำไปส่งให้กับนิตยสารที่ผมทำงานอยู่ กาแฟของเธอหกใส่ภาพที่ผมเลือกไว้แล้ว และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้รู้จักกัน . . .

    ความฝันของดาคือการได้มีโอกาสเดินทางไปในที่ต่างๆ และค้นพบประสบการณ์ใหม่ๆ เธอฝันที่จะมีโอกาสได้ไปฮอลแลนด์ ดินแดนแห่งดอกทิวลิปที่เธอรัก ส่วนผม ตอนนี้ผมไปที่ไหนก็ได้ที่มีเธอ เพราะเธอ ผมจึงได้รู้ถึงคุณค่าของการเดินทาง เธอบอกว่าคนที่เดินทางโดยไม่รู้จุดมุ่งหมายก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่อยู่กับที่ คุณค่าของการเดินทางอยู่ที่การเข้าใจและรู้ว่าที่ที่เราจะไปนั้นเราไปเพื่อจุดมุ่งหมายอะไร เราไปเพราะเรารู้สึกว่าไปแล้วมีความสุข เราจึงไป

    ผมกับดาเรามักจะนัดเจอกันที่สวนสาธารณะแห่งนี้ ที่ที่มีเก้าอี้สีขาวตัวยาวตั้งอยู่เอาไว้ให้ผมนั่งรอเธอในทุกทุกวันอาทิตย์ เวลาบ่ายสองโมง และนี่ก็คืออีกสิ่งหนึ่งที่ผมได้จากเธอ เธอทำให้ผมได้รู้ถึงคุณค่าของการรอคอย ว่ามันมีค่ามากมายแค่ไหนตอนที่ผมเห็นเธอวิ่งมาหาผมพร้อมกับรอยยิ้มและคำขอโทษบอกที่บอกว่าเธอมาสายไป 5 นาที

    วันนี้ผมมาช้ากว่าปกติไป 15 นาที เนื่องจากผมลืมกล้องเอาไว้ที่ป้ายรถเมล์จึงวิ่งกลับไปเอา และโชคดีที่มันยังคงวางอยู่ที่เดิม ผมเดินกลับมาที่สวนสาธารณะอีกครั้ง ตรงไปยังเก้าอี้ตัวเดิม เก้าอี้ที่ผมเคยมีช่วงเวลาอันน่าจดจำมากมายร่วมกับคนรักของผม

    เด็กผู้หญิงคนหนึ่งในชุดกระโปรงสีชมพูกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนั้น ผมสังเกตเห็นดอกทิวลิปสีขาวในมือของเธอ ผมยกกล้องขึ้นมาและถ่ายภาพของเธอเอาไว้ก่อนที่เธอจะหันมาเห็นและวิ่หนีไป ผมเดินตามเธอไป ผมเดินตามเธอไปทำไม ผมไม่รู้ แต่ผลจากการที่ผมได้เดินตามเธอไป เธอทำให้ผมได้พบ “ เธอ “

    “ คุณแม่คะ ดูผู้ชายคนนั้นสิคะ เขาแอบถ่ายรูปหนูและเดินตามหนูมาด้วยค่ะ ท่าทางเขาแปลกๆนะคะ “
    “ ดา. . . ดาใช่มั๊ย. . . “
    “ คุณมาที่นี่ทำไม ที่นี่ยังมีอะไรดีดีเหลือให้คุณจดจำอีกเหรอ “
    “ ผมมีเหตุผลของผม ผมมา เพราะผมอยากมา ผมจึงมา  นั่น. . . ลูกสาวของคุณเหรอ
     น่ารักไม่แพ้แม่เลยนะ “
    “ ลูกกวาดจ๊ะ หนูเดินไปที่รอรถก่อนนะ เดี๋ยวคุณแม่ตามไป “
    “ ค่ะ “



    “ คุณแต่งงานตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่คิดจะเชิญผมไปร่วมงานบ้างเลยเหรอ คุณนี่มันใจร้ายจริงๆเลยนะ แล้วตอนนี้คุณเป็นยังไงบ้างล่ะ คงจะมีความสุขดีใช่มั๊ย ใช่  ผมรู้ คุณต้องมีความ-สุขอยู่แล้ว  แล้วตอนนี้คุณทำงานอะไรล่ะ  ยังเป็นแอร์เหมือนเดิมรึเปล่า  แล้วคุณได้ไปฮอลแลนด์รึยัง คุณคง. . . “
    “ คุณมาที่นี่ทำไมคะ. . . ภูมิ “
    “ ผมมาคอยคนรักของผมน่ะสิ “
    “ คอยทำไมคะ คุณก็รู้ว่าฉันทิ้งคุณไปแล้ว คุณจะยังมาคอยฉันทำไม “
    “ ก็ความรักของผมอยู่ที่นี่. . . คุณรู้มั๊ย  ตลอดเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ผมไม่เคยกล้าที่จะให้คำตอบที่แท้จริงกับตัวเองเลยสักครั้งว่าผมมาที่นี่ทำไม จนผมได้มาพบคุณอีกครั้งในวันนี้ ผมจึงรู้แล้วว่าคำตอบของผมคืออะไร “
    “ ฉันขอโทษนะคะภูมิ ฉัน. . . “
    “ ไม่เป็นไรหรอกดา ผมเข้าใจ  ผมขอบคุณนะ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณให้กับผม  คุณทำให้ผมรู้ว่าการเดินทางไปในที่ที่หนึ่งด้วยความตั้งใจและมีจุดมุ่งหมายให้กับมัน มันมีค่ามากแค่ไหนเมื่อเราได้ไปถึงในที่แห่งนั้น เราจะพบว่าการรอคอยใครสักคนหรือบางสิ่งบางอย่างมันมีค่ามากแค่ไหน เมื่อเราได้พบกับการมาถึงของคนคนนั้นหรือบางสิ่งบางอย่างที่เรารอคอย และวันนี้ก็คงเป็นวันสุดท้ายแห่งการรอคอยของผมแล้วล่ะ “
    “ ทำไมล่ะคะ คุณจะไปไหนเหรอ “
    “ ก็ผมได้พบคำตอบของผมแล้ว มันก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไรที่ผมจะรอคอยมันต่อ
     จริงมั๊ยล่ะ “
    “ ถ้าอย่างนั้นก่อนคุณจะไป ฉันขออะไรคุณอย่างหนึ่งได้มั๊ย “
    “ อะไรเหรอ. . . “
    “ คุณช่วยถ่ายรูปฉันในแบบที่เป็นฉันอย่างนี้ให้หน่อยได้มั๊ย “
    “ อ้อ. . . ได้สิ  อืม. . . นี่ไง ได้แล้ว คุณนี่ยังสวยเหมือนเดิมจริงๆนะ “
    “ ขอบคุณนะคะ คุณ. . . ช่วยเก็บมันไว้หน่อยได้มั๊ย “
    “ อ้อ. . . ได้ ผมจะเก็บไว้อย่างดีเลย “
    “ ขอบคุณค่ะ. . . ถ้าอย่างนั้นฉันไปก่อนนะ เอ่อ. . . ยัยลูกกวาดไม่ใช่ลูกสาวของฉันหรอกค่ะ ฉันรับแกมาจากสถานสงเคราะห์น่ะ ฉันไปล่ะนะ “

    เธอมอบรอยยิ้มสุดท้ายให้กับผม ก่อนจะหันหลัง แล้วเดินจากผมไปอย่างช้าๆ


    ผมกลับมาที่บ้านและตัดสินใจยื่นไปลาออกในวันรุ่งขึ้น ผม. . . พร้อมกับกระเป๋าเป้ใบเก่าและกล้องตัวเดิมกำลังจะออกเดินทางอีกครั้ง. . .  และจุดมุ่งหมายของการเดินทางในครั้งนี้ของผมก็คือ “ การลืมเธอ “

    เวลาผ่านไป 2 ปี ผมกลับมาที่นี่อีกครั้ง. . . ด้วยเหตุผลที่ว่า “ ผมลืมเธอไม่ได้ “
    แล้วก็ไม่น่าเชื่อว่าผมจะได้พบกับเธออีกครั้งที่นี่. . .

    “ สวัสดีครับ “
    “ ภูมิ. . . คุณกลับมาที่นี่อีกทำไมคะ ไหนคุณบอกว่า. . .“
    “ คุณไม่คิดจะเปลี่ยนคำถามบ้างเหรอดา เฮ้อ. . . ยังชอบทำอะไรซ้ำๆเหมือนเดิมเลยนะ “
    “ ก็. . . คุณบอกว่าจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้วนี่คะ “
    “ ผมมีเหตุผลของผมน่า. . . ว่าแต่คุณเถอะ มาที่นี่ทำไมเหรอ “
    “ ฉัน. . . ฉัน. . ฉันมาหาความรักของฉัน. . . มันอยู่ที่นี่ “
    “ อ้อ. . . คุณคงมาคอยคนรักของคุณน่ะสิ เขาอยู่ไหนล่ะ เขาคงจะหน้าตาดีกว่าผมแน่ๆ
      ฮ่าๆๆ “
    “ ไม่มีหรอกค่ะ ไม่มี. . . คนที่รักฉัน ไม่มีใครรักคนพิการอย่างฉันหรอกค่ะ “
    “ ดา. . . “
     ผมจ้องมองไปที่เธอตั้งแต่ไปหน้า เรื่อยมาจนถึงขา. . . ขาของเธอกลายเป็นขาเทียม
     ไปแล้ว  ตั้งแต่เมื่อไหร่. . .
    “ ฉันอยู่คนเดียวอย่างนี้ดีแล้วล่ะ ฉันไม่อยากให้คนที่ฉันรักต้องลำบากมาคอยดูแลฉัน   ต้องเสียใจที่เห็นคนรักของเขาในสภาพอย่างนี้ “
    “ ดา. . . ทำไมคุณไม่บอกเรื่องนี้กับผม “
    “ คุณไม่รู้ก็ดีแล้วนี่คะ “
     ผมนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบกล้องในกระเป๋าเป้ขึ้นมา หันหน้ากล้องไปที่เธอพร้อมกับกดชัตเตอร์
    “ คุณถ่ายรูปฉันทำไม ทิ้งมันไปซะ ฉันไม่อยากให้คุณเก็บภาพความทรงจำจากรูปของฉันในสภาพแบบนี้ “
    “ ผมไม่สนหรอกนะว่า คนที่ผมรักจะอยู่ในสภาพแบบไหน คนที่ผมรักก็คือคนที่ผมรัก “
    “ คุณจะทำอะไรน่ะ “
    “ เอ้า. . . ก็จะพาไปออกเดินทางกับไกด์ที่หน้าตาดีที่สุดน่ะสิ ขึ้นมาเร็ว หลังผมไม่มีขี้กลากหรอกน่า ถึงผมจะสกปรกแต่ผมก็อาบน้ำ 2 วันครั้งนะ “
    “ คุณนี่มันจริงๆเลยนะ. . . ขอบคุณนะคะภูมิ  ฉันรักคุณค่ะ “
    “ แต่ผมรักคุณมากกว่า. . . อิอิอิ “
    “ หลังคุณอุ่นจัง. . .  “

    และแล้วการเดินทางของผมก็ได้เริ่มต้นอีกครั้ง. . .กับ. . . เธอ

    จากคุณ : ikka - [ 15 พ.ค. 49 14:35:03 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป