เหมือนฝันใช่เลยสวรรค์ : เรื่องของข้าวฟ่าง
ข้าวฟ่างชอบกินข้าวฟ่าง กินแล้วรู้สึกอร่อยดี ถ้าเอาข้าวฟ่างไปต้มโดยเทน้ำลงไปให้พอเหมาะใส่น้ำตาลให้พอดี เมื่อต้มสุกแล้วตักใส่ถ้วยราดด้วยน้ำกะทิสดที่ปรุงโดยผสมเกลือเล็กน้อย ก็จะได้ข้าวฟ่างที่มีรสกลมกล่อม เป็นอาหารอันโอชะของข้าวฟ่างแล้ว
ความรู้สึกอร่อยนี้มีมานานแล้ว จำได้ว่าตอนเป็นเด็กข้าวฟ่างไปวิ่งเล่นกับเพื่อนแถวข้างบ้าน พอเข้าบ้านมาหม่าม้าก็จะเรียกข้าวฟ่างให้กินหนม ขนมที่หม่าม้าเรียกให้ข้าวฟ่างกินก็คือ ข้าวฟ่างต้มราดด้วยน้ำกะทิสดนี่แหละ ข้าวฟ่างกำลังหิว ก็เลยกินข้าวฟ่างอย่างเอร็ดอร่อย
แล้วเอาข้าวฟ่างไปกินข้าวฟ่างได้อย่างไร กินกันได้หรือ เอาข้าวไปกินข้าว เอาข้าวโพดไปกินข้าวโพด อย่างนี้ถ้าว่ากันตามตัวอักษรหรือตามหลักไวยากรณ์ ที่มี ประธาน กริยา กรรม หรือที่ภาษาฝรั่งบอกว่าประโยคจะต้องมี Subject Verb Object แล้ว ข้าวฟ่างก็ชักจะเริ่มสับสน
ความรู้สึกสับสนของข้าวฟ่างในเรื่องนี้ มีมาตั้งแต่สมัยที่ข้าวฟ่างยังเป็นเด็กตอนไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนแล้ว ในครั้งนั้นพอข้าวฟ่างเดินผ่านเพื่อนกลุ่มใหญ่ ได้ยินเพื่อนคนหนึ่งตะโกนด้วยเสียงอันดังว่า ข้าวฟ่าง ตัวข้าวฟ่างเองก็นึกว่าเพื่อนเรียกจึงขานรับ เลยหน้าแตก ได้ยินเสียงเพื่อนกลุ่มนี้ โห่กันตรึม
พอข้าวฟ่างเดินเข้าไปหาเพื่อนกลุ่มนี้ จึงรู้ว่าเพื่อนๆกำลังเล่นทายปัญหากันว่า ข้าวอะไรเอ่ย ที่คนกินก็ได้ ใช้ทำไม้กวาดก็ได้ หรือปลูกเป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ก็ได้ เพื่อนคนนี้รู้ จึงตะโกนขึ้นมาด้วยเสียงอันดังเพราะกลัวเพื่อนคนอื่นแย่งตอบว่า ข้าวฟ่าง
อ๋อ เป็นอย่างนี้เอง ข้าวฟ่างรู้แล้ว ข้าวฟ่างก็นึกว่าคำว่าข้าวฟ่างนี้หมายถึงตัวของข้าวฟ่างเองคนเดียว เป็นตัวเราคนเดียว เป็นของเราคนเดียว หรือเป็นตัวกูของกูคนเดียว ซึ่งในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่
ข้าวฟ่าง เป็นนามสมมติ ที่ใช้เรียกคน หรือสรรพสิ่งต่างๆ เพื่อสะดวกในการอยู่ร่วมกันในโลกแห่งสมมติใบนี้ ต่างหาก
สมมติ มีรากมาจากคำบาลี ที่เป็นคำผสมกันระหว่างตัว สํ (ส มีจุดแบบบาลี) กับคำว่า มติ
สํ (ส มีจุดแบบบาลี) แปลว่า ร่วมกัน มติ แปลว่า เห็นพ้อง
แค่เห็นพ้องกัน ไม่จำเป็นที่จะต้องเห็นด้วยทุกคน ก็เป็นมติที่ใช้กันได้แล้วในหมู่ชนกลุ่มนั้น
ในรัฐสภาที่ใช้ออกกฎหมายบังคับคนภายในประเทศ เมื่อฝ่ายรัฐบาลยกมือหนึ่งร้อยเสียง ฝ่ายค้านยกมือห้าสิบเสียง เขาก็ประกาศว่ารัฐสภามีมติ 100:50 กฎหมายนั้นก็เป็นกฎหมายที่ใช้บังคับคนในประเทศนั้นได้แล้ว ถือว่าทุกคนต้อง เห็นพ้อง กับเสียงที่ออกมานี้แล้ว
สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้จึงเป็นเรื่องของสมมติ ที่มีหมายความว่า เห็นพ้องร่วมกัน
เรื่องของสมมตินี้ ท่านว่าถ้าจะศึกษาเพื่อให้ได้จุดสูงสุด หรือไปให้ถึงจุดสูงสุด หรือเพื่อที่จะได้ความจริงสูงสุด จะได้เพียงความจริงในระดับ สมมติสัจจะ
สัจจะ แปลว่าความจริง สมมติสัจจะ ก็คือ ความจริงตามที่เห็นพ้องร่วมกันในหมู่ชนใดหมู่ชนหนึ่ง
เรื่องชื่อของข้าวฟ่างก็เหมือนกัน หม่าม้า เห็นเด็กตัวเล็กๆ คลานต้วมเตี้ยม ต้วมเตี้ยม ไปมาอยู่ในบ้าน ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรดี ก็เลยเรียกตัวที่คลานๆ นี้ว่า ข้าวฟ่าง พอข้าวฟ่างได้ยินเสียงเข้า ก็หันมายิ้มมม...
คนในบ้านเห็นยิ้ม ก็เลยเห็นพ้องร่วมกันเรียกตัวที่ยิ้มๆนี้ว่า ข้าวฟ่าง
ข้าวฟ่างจึงเป็นนามสมมติที่คนในบ้านตั้งให้ เพื่อเรียกเด็กตัวเล็กกระจิดริดที่คลานต้วมเตี้ยมเตาะแตะอยู่ภายในบ้าน
พอไปโรงเรียน ชื่อจริงของข้าวฟ่างมันยาวเรียกไม่ถนัด เพื่อนก็เลยเรียกว่า ข้าวฟ่าง ตามสมมติของคนที่บ้าน ซึ่งข้าวฟ่างก็ยอมตาม เห็นพ้องด้วยกับสมมติที่เพื่อนให้
ส่วนคำว่า ข้าวฟ่างที่เพื่อนตะโกนขึ้นมาก็เป็นนามสมมติ ที่เราให้กับธัญพืชชนิดหนึ่ง ซึ่งก็คือธัญพืชที่ข้าวฟ่างชอบกินนี่แหละ
ธัญพืชชนิดนี้ประเทศไทยเรียกกันว่าข้าวฟ่าง เป็นนามสมมติที่คนในประเทศไทยตั้งให้ แต่พอไปประเทศอื่น เมืองอื่น คนเขาไม่รู้จักแล้ว
ถ้าไปเมืองฝรั่ง คนเขาจะเรียกธัญพืชชนิดนี้ว่า Sorghum ถ้าไปเมืองจีน เขาก็จะเรียกว่า Kouling ถ้าเมืองอินเดียเขาจะเรียกกันหลายชื่อ ขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นท้องถิ่นไหน บางท้องถิ่นเขาเรียกว่า Cholam
ทั้งหมดนี้เป็นสมมติที่เกิดขึ้นในกลุ่มคนต่างๆ ที่มองเห็นวัตถุภายนอกกาย ในสิ่งสิ่งเดียวกัน แต่สื่อให้ผู้อื่นทราบด้วยการพูดหรือการเขียน ไม่เหมือนกัน
นี่เป็นการมองในภาพกว้าง ถ้ามองในภาพลึก หรือแยกแยะให้ละเอียดลงไปอีก ข้าวฟ่างยังอาจจะแบ่งเป็นหลายชนิดหรือหลายประเภท ข้าวฟ่างประเภทที่ข้าวฟ่างชอบกินนี้เรียกกันว่า ข้าวฟ่างเมล็ด (Grain sorghum) เป็นข้าวฟ่างที่นำเมล็ดไปเป็นอาหารคนและสัตว์ นอกจากนี้ยังมีข้าวฟ่างไม้กวาด (Broom corn) ที่ใช้ทำไม้กวาด พืชชนิดนี้ ไทยกับฝรั่งก็ยังตั้งชื่อไม่เหมือนกัน ไทยเห็นเป็นข้าวฟ่าง สมมติเป็นข้าวฟ่าง ฝรั่งเห็นเป็นข้าวโพด ยกให้เป็นตระกูลข้าวโพด แต่ถ้าให้ไปชี้แล้ว ก็ชี้ต้นเดียวกันนี่แหละ ส่วนอีกสองประเภทก็คือ ข้าวฟ่างหญ้า (Grass sorghum) ที่ใช้ปลูกในทุ่งหญ้าเพื่อเลี้ยงสัตว์ แล้วก็ข้าวฟ่างหวาน (Sweet sorghum) ที่ใช้ลำต้นเลี้ยงสัตว์
แต่ทั้งสามชนิดหลังนี้ ข้าวฟ่างยังไม่เคยเห็นของจริงต้นจริงเลย เคยเห็นแต่ในตำรา ความรู้ของข้าวฟ่างยังมีน้อยนัก เมื่อเทียบกับความรู้ตามสมมติอันมีมากมายในโลกใบนี้
โลกใบนี้คือโรงละครโรงใหญ่ มีตัวละครที่หลากหลาย ที่แสดงออกในบทบาทหน้าที่ที่ต่างกัน ข้าวฟ่างก็เป็นตัวละครตัวเล็กๆตัวหนึ่ง ในโลกแห่งละครใบนี้
ข้าวฟ่างจะต้องเรียนรู้อีกมาก หรือพูดให้ชัดๆ ก็คือ ข้าวฟ่างจะต้องเรียน เพื่อให้รู้อีกมาก เพื่อที่จะได้นำเอาความรู้ที่ได้มาไปปรับใช้ เพื่อทำความรู้จักกับโลกแห่งสมมติใบนี้ให้เพิ่มขึ้นให้ได้
แล้วข้าวฟ่างจะดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไม่มีความทุกข์ ไม่ถูกเพื่อนโห่เอา อีกต่อไป
จากคุณ :
abcz
- [
15 พ.ค. 49 23:45:41
]