CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    >>>>>_____________โทรสาป____________<<<<<

    โทรสาป
    ความตายที่ปลายสาย...กำลังจะเล่นงานคุณ!
    -๑-

    ‘ตื๊ด...ตื๊ด...!’

    เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นเป็นจังหวะ  หวีดแทรกทำนองของสายฝนที่เริ่มกระหน่ำมาตั้งแต่ย่ำค่ำ  และกระทั่งยามนี้เป็นเวลาเกือบตีสองเข้าไปแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะหยุดตก

    ‘ตื๊ด...ตื๊ด...!’

    จังหวะเดิมยังคงดังต่อเนื่อง  รบกวนเข้าไปในโสตประสาท  ที่ยิ่งเนิ่นนานก็ยิ่งขมวดเกลียวเครียดขมิง

    “โทรศัพท์ของคุณน่ะ” น้ำเสียงหงุดหงิดดังขึ้นจากหญิงสาวผู้นั่งอยู่ข้างกาย  แววตาที่ส่งมาตำหนิคล้าย ‘ทำไมไม่รับเสียที?!’

    “ผมได้ยินแล้ว”

    ‘ตื๊ด...ตื๊ด...!’

    “แล้วทำไมไม่รับซะทีล่ะ?!”

    ฝ่ายชายยังคงนิ่งขึงคล้ายหูทวนลม  ในที่สุดผู้นั่งอยู่ข้างกายจึงเป็นฝ่ายทนไม่ได้  หญิงสาวยื่นมือตรงมากระชากโทรศัพท์มือถือเครื่องจิ๋วที่ถูกเหน็บไว้ในกระเป๋ากางเกงของเขา  ความรวดเร็วนั้นทำให้เจ้าของเครื่องถึงกับสะดุ้งตระหนกในกิริยาเกินคาด  ชายหนุ่มละสายตาจากภาพหนทางพร่ามัวเบื้องหน้าพวงมาลัยมาด้วยดวงตาเบิกกว้าง  และก่อนที่จะทันทำอะไรได้มากไปกว่านั้น  โทรศัพท์เจ้ากรรมถูกเรียวนิ้วประดับแหวนเพชรกดรับ  ยื่นมาประกบใส่ใบหู  เสียงซ่าๆ คล้ายสัญญาณขาดหายดังขึ้นเป็นพื้นชั่วอึดใจ  ก่อนที่เสียงใครบางคนอันเย็นเยียบจะส่งกระแสแผ่วเบามาสู่จนทำให้ขนลุกซู่ได้ทั้งร่าง

    “ช่...ช่วยด้วย...!”

    วินาทีต่อมาเสียงกรีดร้องก้องขึ้นจากหญิงสาวคนข้างกาย  ชายหนุ่มทันเห็นเพียงนิ้วชี้ที่พุ่งนำสายตาไปยังภาพเบื้องหน้ารถซึ่งยังคงแล่นด้วยความเร็วสูง  

    แสงไฟหน้าสาดเป็นลำจับร่างในชุดแส็คสีฟ้าอ่อน  ที่หันผงะและขยายขนาดขึ้นมาตามระยะทางที่ลดลงชิดใกล้  เพียงอึดใจเดียวเสียง ‘ตุ๊บ!’ สนั่นขึ้นพร้อมอาการสั่นสะท้านทั้งตัวรถ

    ร่างกลมกลึงกลิ้งจากกระโปรงหน้าขึ้นปะทะกระจก  สายฝนเลียบไหลกลายเป็นสีเลือด  วินาทีสุดท้ายชายหนุ่มยังทันเห็นริมฝีปากแดงฉานนั้นขยับสั่น  ลมหายใจเฮือกสุดท้ายแห่งชีวิตอ่านได้เป็นคำ...ที่กลับดังขึ้นจากโทรศัพท์ข้างหู

    “ช่...ช่วยด้วย...!”

    ......................................................


    17 มิถุนายน  เวลา 2:05 น.  

    อังกุรสะดุ้งเฮือกสุดตัว  หน้าแทบคว่ำหากเข็มขัดนิรภัยจะไม่ทำหน้าที่ของมันอย่างมีประสิทธิภาพเสียก่อน  ดวงตาเบิกกว้างเช่นเดียวกับประสาททั้งร่างที่เครียดเกร็ง  กำมือแน่นบนพวงมาลัยสั่นกรึงจนทั้งรถสะท้าน

    “นี่คุณ!”

    เสียงตวาดดังขึ้นจากภรรยาสาวข้างกาย  ดูเหมือนว่าเวลานอนที่ถูกรบกวนจะยิ่งทำให้นุชนรีเพิ่มดีกรีเจ้าอารมณ์ได้ยิ่งขึ้น

    “เป็นบ้าอะไรเนี่ย?!  เสียงโทรศัพท์ก็ดังตั้งนานแล้วไม่ยอมรับซะที  หนวกหูคนจะนอน!”

    เสียงแหลมหวีดหูนั้นนั่นเองที่เป็นตัวการเรียกสติที่หายลับลอยกลับมา วินาทีแรกที่รู้สึกตัว...อังกุรพบว่าทั้งร่างของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ  ทั้งที่อากาศภายในรถเย็นเฉียบเทียบขั้นหนาว  เสียงสาดซ่าของเม็ดฝนดังแข่งกับเสียง  ‘ตื๊ด...ตื๊ด...!’ เป็นจังหวะของโทรศัพท์มือถือที่ถูกซ่อนตัวอยู่ที่ใดซักแห่ง  ภาพตรงหน้าคือลำแสงเหลืองสว่างที่จับวงส่องทางบนถนนอันเรียบลื่น

    ให้ตาย...นี่เขาเผลอหลับในหรือนี่...

    “เมื่อไหร่จะรับซะทีนะ?!”

    เสียงเอ็ดดังขึ้นอีกครั้ง  หากคราวนี้ใช่เพียงทำหน้านิ่วนิ่งเฉย  นุชนรีโน้มตัวเข้ามากระชากโทรศัพท์เอาจากกระเป๋ากางเกงของเขารวดเร็วราวสายฟ้าแลบ

    “อย่า!”

    ทันเพียงร้องขึ้น  หัวใจของอังกุรกระตุกวาบเมื่อภาพความจริงถูกภาพฝันอันแจ่มชัดสะท้อนทับ  นุชนรีกำลังกดรับสาย  กลิ่นไอบางอย่างแผ่ซ่านให้รับรู้ถึงสังหรณ์อันตรายร้ายกาจ  

    อย่างรวดเร็ว  ชายหนุ่มกระชากเอาโทรศัพท์จากเรียวมือสวยของภรรยาที่คงมีใบหน้ายู่ยี่ และโดยอัตโนมัติ  ครั้นสิ่งของถูกครอบครองอยู่ในกำมือ  กระจกหน้าต่างด้านข้างถูกกดเปิดว่องไว  ชายหนุ่มโยนสื่ออันตรายทิ้งหายในฉับพลัน

    ความเงียบคงก่อตัวท่ามกลางความอึกทึกของสายฝนอยู่ไม่ถึงนาที  เสียงหวีดแหลมของภรรยาสาวก็ดังขึ้นอีกราวจะถล่มฟ้า

    “หมายความว่ายังไงกันเนี่ย?!  ที่แท้...ที่แท้...” เสียงทอดยาวละล่ำละลัก  และแม้จะไม่ได้หันไปมอง  อังกุรยังแทบจะเห็นภาพเจ้าตัวเบิกตากว้างชี้นิ้วกราดผ่านเข้ามาในหัว

    “ไอ้ผู้ชายเฮงซวย!” เมื่อสรุปความเอาเองเสร็จสรรพ  นุชนรีก็โถมกำปั้นประเคนกระหน่ำสามีหนุ่ม

    “แอบนอกใจฉันอีกแล้วใช่มั้ย?!  อีหน้าไหนโทรมาล่ะถึงไม่กล้ารับต่อหน้าฉันแบบนี้น่ะ  เลว!  ไอ้ผัวเลว!”

    “นี่!” ในที่สุดความอดทนก็สิ้นสุด  อังกุรใช้มือข้างหนึ่งรวบข้อมือทั้งสองข้างของภรรยา  ออกแรงผลักจนร่างนั้นกระเด็นปะทะประตูรถด้านข้างอย่างแรง  ปฏิกิริยาเกินคาดของสามีทำให้นุชนรีถึงกับเบิกตาอ้าปากอึ้ง

    “หยุดทำตัวน่ารำคาญแบบนี้ซะที!”
    เสียงตวาดก้องทำเอาร่างบางที่ยังอยู่ในชุดนอนผ้าเนื้อบางโปร่งสั่นสะท้าน

    “จะตายกันทั้งคู่อยู่แล้วยังไม่รู้ตัว!”

    หลายนาทีต่อมาหลังจากจบประโยคนั้น  ท่ามกลางเสียงฟ้าพิโรธ  และพายุฝนวิปริต  นุชนรีฝังใบหน้าร้องไห้กระซิกซ่านกับบานกระจก

    .........................................................

    จากคุณ : งี่เง่าบอย - [ 17 พ.ค. 49 22:12:03 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป