CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    พิราบ

    ไกลจากหมู่บ้านไร้นามลงทางทิศใต้ประมาณสองร้อยกิโลเมตร ณ ที่แห่งนั้นคือชุมชนขนาดกลาง กึ่งชนบทกึ่งเมือง มีชื่อว่าชุมชน? ‘สราญสุข’
             บ้านในชุมชนนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยปูนและกระจก ทุกหลังมีรูปแบบเดียวกันราวกับหล่อออกมาจากแม่แบบเดียว มองไปทางทิศใดก็เห็นแต่ความเหมือน
             และถ้าจะมีความต่างหลงเหลือสักนิดหนึ่ง ก็ไม่มีใครเห็นว่าความต่างนั้นจะดีเด่อะไร เพราะความต่างที่โดดเด่นท่ามกลางชุมชนสราญสุขคือบ้านเก่าๆสกปรกหลังหนึ่ง มองแต่ไกลยังเห็นรอยกระดำกระด่างอันเกิดจากฟ้าฝนหลายปี
             ที่นั่นถูกสร้างจากไม้ไผ่ทั้งหลัง มีเสาสี่ต้นตอกยึดเป็นเสาเข็ม ยกพื้นสูงมีบันไดขึ้น ไม่มีฝาบ้าน มีเพียงห้องนอนเล็กๆห้องหนึ่งท่ามกลางความโล่ง
             บ้านหลังนั้นมีหญิงวัยเข้าเลขสี่อาศัยอยู่คนเดียว นางไม่มีลูก ไม่มีสามี และพ่อแม่นางเพียงตายเมื่อปีกลาย
             นางมีชื่อว่าพิราบ!
             พิราบเป็นคนสวยทั้งนอกและใน ผู้คนชมเธอเช่นนั้น ชาวชุมชนดีใจที่นางสร้างประโยชน์มากมายให้พวกเขาแต่รังเกียจที่นางไม่มีเงิน
             มีหลายคนถามว่า ในเมื่อพิราบเป็นคนสวยทำไมพิราบจึงไม่แต่งงาน?
             คำตอบคือความเงียบ พิราบจะบอกความคิดร้ายๆออกมาได้อย่างไรว่า สมัยนี้ไม่ใช่แค่ผู้หญิงเท่านั้นที่ต้องการผู้ชายรวยๆ แต่ผู้ชายก็อยากแต่งงานกับผู้หญิงรวยๆเช่นกัน
             ความสวยกับความรวย ใครก็เลือกอย่างหลัง เพราะรวยแล้วราศีเงินมันจับให้ดูดีได้
             เมื่อสองวันที่แล้ว พิราบพบตาแก่คนหนึ่งนอนเป็นลมล้มพับกลางทาง พิราบจึงพามาที่บ้านของนางและเยียวยาแต่ดูทางคุณตาจะเป็นหนัก แกได้แต่ทำเสียงอือๆออๆเท่านั้น พิราบจึงพาแกไปหาคุณหมอที่คลินิกหน้าปากซอย
             “เสียใจด้วยนะครับ ถึงผมไม่เก็บค่าวิชา แต่ก็ต้องเก็บค่ายา”
             เมื่อคุณหมอเอ่ยปากเช่นนั้น พิราบจึงกลับบ้าน เปิดใต้หมอนดูเงินที่ซ่อนไว้ เงินไม่พอ นางต้องหางานทำ
             ทำทำไม? เพื่อใครก็ไม่รู้?
             พิราบเริ่มเดินตั้งแต่หน้าชุมชน บ้านแรกที่นางเข้าไปหาคือบ้านคุณนายสายสมร ครั้งหนึ่งนางเคยช่วยคุณนายสายสมรด้วยการให้ยืมเงินก้อนสุดท้ายในชีวิตเพื่อเป็นทุนให้คุณนายสายสมรตั้งตัวหลังจากสามีทิ้งซึ่งเป็นเวลานานกว่าสิบปีแล้ว และพิราบคิดว่า อย่างไรเสียคุณนายคงไม่คืน แต่บางทีคุณนายอาจให้งานได้
             “นังพิราบ แกนึกว่าตัวเองเป็นขอทานแล้วหรือไงถึงได้มาเรี่ยไรเงินแบบนี้ ฉันไม่มีเงินให้แกหรอกนะ ไปจากหน้าบ้านฉันเลย ชิ้ว!”
             นี่คือคำพูดของคุณนายที่กล่าวกับพิราบโดยที่พิราบยังไม่ทันพูดอะไรสักคำ
             พิราบเดินจากบ้านหลังดังกล่าว ยังมีเสียงคุณนายสั่งงานแจ้วๆ
             “เอาน้ำมาล้างด้วย สกปรก เหม็นสาบจน”
             ช่างเถอะ…พิราบใช้คำๆเดียวกับที่ใช้เมื่อคราวที่รู้แน่ว่าคุณนายไม่คืนเงิน
             ....มีให้เขาโกงดีกว่าโกงเขา
             บาป... บาป... บาป...
             พิราบหยุดหน้าบ้านดวงศรี ดวงศรีเคยมาขอร้องให้พิราบช่วยเลี้ยงลูกที่ตนเองท้องก่อนแต่งด้วยไม่อยากให้ใครรู้ พิราบจึงนำเด็กไปฝากเลี้ยงที่มูลนิธิมุกดา
             ยังไม่ที่พิราบจะได้เอ่ยปากอีกตามเคย เสียงแว้ดลั่นของดวงศรีก็ดังขึ้น
             “จะมาขอเงินให้เด็กหรือ อย่างนี้แหละน้า ไม่พร้อมแล้วริจะมีลูก เห็นแก่ความสนุกแล้วเป็นไง สุดท้ายผู้ชายเขาก็ไม่เอา ผู้หญิงอย่างแกฉันเดาไว้ไม่มีผิด”
             …ผู้หญิงอย่างแก …ผู้หญิงอย่างเธอ …ผู้หญิงอย่างดวงศรี คนด่าๆใคร
             บ้านหลังถัดมาก็เป็นคล้ายๆบ้านหลังแรกๆที่หล่อนเดินผ่าน ไม่มีบ้านไหนต้องการให้งานให้เงินหล่อน ทั้งที่รู้ว่าเงินนั้นจะนำไปช่วยชีวิตคน
             “ชีวิตใครชีวิตมันฉันไม่เกี่ยว”
             มุกดาได้งานทำเมื่อบ่ายแก่แดดร้อน ท่ามกลางเปลวระอุจากดวงอาทิตย์ พ่อม่ายลูกติดให้หล่อนขุดหลุม ทำแปลงปลูกต้นไม้หลายสิบหลุม เสร็จงานเหงื่อย้อยไคลไหล พิราบแบมือขอเงินค่าจ้าง
             “ต้นไม้โตเมื่อไหร่จะจ่ายค่าจ้าง”
             พิราบเดินออกมาหน้าตาเฉย ไม่มีรอยแห่งความเกลียดชังใดปรากฏในใจ เขาโกงแล้วเขามีความสุขก็ปล่อยเขาไป นางดีใจที่อย่างน้อยก็ได้ทำให้ใครบางคนมีความสุข
             “แม่จ๋า… ทำไมไม่มีใครรักเราเลยจ้ะ” พิราบเคยถามแม่เมื่อยังเล็ก
             “เราไม่ได้เกิดมาเพื่อให้คนอื่นรักนะลูก แต่เราเกิดมาเพื่อรักคนอื่น” เสียงแม่ปราณี อ่อนโยน
             “หนูสงสารตัวเองจังที่ไม่มีเงินเหมือนคนอื่นเขา”
             “คนไม่มีเงินไม่ใช่คนที่น่าสงสารหรอกลูก” แม่ยังยิ้มละมุนภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องแยงตามช่องโหว่ของหลังคาสังกะสี “จำไว้นะพิราบ ถ้าเราเอาตัวเงินเป็นเครื่องวัดความสุข คนไม่มีเงินคือคนที่น่าสงสาร แต่ถ้าเราเอาจิตใจที่ดีงามเป็นเครื่องตั้ง ทำรักเพื่อรัก คนที่ไม่เคยรักคนอื่นเพื่อรักเลยนั้นน่าสงสารที่สุด”
             วันนั้นเด็กหญิงพิราบทำหน้ามุ่ย ไม่เข้าใจในสิ่งที่มารดาอธิบาย แต่วันนี้ พิราบคิดว่าตนเองเข้าใจทุกสิ่งที่มารดาบอก
              ผู้หญิงสวยมักอาภัพ… เคยมีคนกล่าวเช่นนี้กับพิราบ แต่พิราบคิดว่าตนเองไม่อาภัพ คนอื่นต่างหากที่อาภัพ
             เงินจากการขายผักหมดไปกับค่าทำศพคุณตาผู้พเนจร พิราบอาจต้องอดข้าวไปอีกเป็นเดือน
             เอาเถอะ… ผู้ให้ยังไงก็ไม่อดตายง่ายๆหรอก
    ...........................................................................

    จากคุณ : คายตรี - [ 18 พ.ค. 49 09:29:46 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป