CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    สามก๊ก ศึกกัวต๋อ

    http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=kazama&date=05-05-2006&group=15&blog=1

    ศึกกัวต๋อ(官渡之戰)Battle of Guandu เกิดขึ้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเหลืองในปี 200 AD เป็นศึกที่โจโฉได้ชัยชนะต่ออ้วนเสี้ยว เขาโจมตีคลังเสบียงและกองทัพของอ้วนเสี้ยว ภายหลังศึกนี้ อ้วนเสี้ยวเสียชีวิตในเวลาต่อมาใม่นาน ผลของการศึกครั้งนี้ทำให้โจโฉกลายเป็นผู้นำดินแดนภาคเหนือของเมืองจีน

    ตั้งแต่ปี 196 AD โจโฉและอ้วนเสี้ยวนั้นเกิดบาดหมาง ไม่ลงรอยกัน สงครามระหว่างสองฝ่ายนั้นเพียงรอเวลาเท่านั้นว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ พื้นที่ของกัวต๋อนั้นกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เพราะว่าใกล้กับที่ลุ่มเอี๋ยนและแม่น้ำเหลือง และยังเป็นทางที่มุ่งไปสู่เมืองฮูโต๋ โจโฉเป็นคนแรกที่คำนึงถึงความสำคัญของพื้นที่นี้ ในปี 199 เขาเคลื่อนทัพไปสร้างป้อมปราการที่นั่น ปี 200 โจโฉโจมตีเล่าปี่ จนเล่าปี่พ่ายแพ้ต้องหนีไปหาอ้วนเสี้ยว ในปีนั้นเอง อ้วนเสี้ยวได้ประกาศสงครามกับโจโฉ นำทัพมุ่งลงใต้ ทัพหน้าของอ้วนเสี้ยวโจมตีป้อมรักษาการณ์ที่ลิหยงทางเหนือของแม่น้ำเหลือง อิกิ๋มแม่ทัพที่รักษาการที่ลิหยงได้ส่งสารแจ้งการโจมตีของอ้วนเสี้ยว โจโฉจึงระดมทัพสองหมื่นคนเข้ารักษาการณ์ที่กัวต๋อในทันที เตรียมพร้อมป้องกันการโจมตีของอ้วนเสี้ยว

    ในไม่ช้ากองทัพใหญ่ของอ้วนเสี้ยวก็มาถึง ทหารของอ้วนเสี้ยวมีพลเดินเท้าหนึ่งแสนคนและทหารม้าอีกหนึ่งหมื่นคน อ้วนเสี้ยวส่งงันเหลียงไปโจมตีเล่าเอี๋ยนเจ้าเมืองตองกุ๋น ที่แปะแบ๊ ชีสิวพูดว่า งันเหลียงนั้นไม่ใส่ใจและไม่มีความอดทน แม้ว่าเขาจะอาจหาญ แต่เขาไม่สามารถจัดการกองทัพด้วยตัวคนเดียวได้ อ้วนเสี้ยวไม่เห็นด้วยกับชีสิว

    ในฤดูร้อน เดือนที่สี่ โจโฉยกทัพขึ้นเหนือไปช่วยเล่าเอี๋ยน ซุนฮิวแนะว่า กองทัพของเรานั้นมีขนาดเล็กเกินกว่าจะไปสู้กับศัตรู เพื่อที่จะเอาชัยชนะ ท่านต้องแบ่งแยกกองทัพศัตรู เมื่อท่านยกทัพไปถึง ที่ลุ่มเอี๋ยน แกล้งทำเป็นส่งทหารข้ามแม่น้ำเข้าโจมตีด้านหลังพวกเขา อ้วนเสี้ยวต้องมุ่งหน้าไปตะวันตกเพื่อรับมือ ถ้าท่านส่งทหารอย่างรวดเร็วไปที่แปะแบ๊และโจมตีอย่างฉับพลัน ท่านจะปราบงันเหลียงได้แน่ โจโฉทำตามแผนการของเขา ทันทีที่อ้วนเสี้ยวรู้ว่าศัตรูข้ามแม่น้ำเหลืองมา เขาส่งกองทหารย่อยไปตะวันตกเพื่อรับมือ โจโฉก็ถอยทัพมุ่งหน้าไปตะวันออกเพื่อช่วยเหลือเมืองแปะเบ๊ พวกเขายังอยู่ห่างจากทัพงันเหลียงมากกว่าสิบลี้ แต่งันเหลียงตื่นตระหนกยกทัพออกมาต่อสู้ด้วย

    โจโฉส่งเตียวเลี้ยวและกวนอูนำทัพไปสู้ กวนอูมองเห็นธงประจำตัวของงันเหลียง เขาลงแส้ม้าของเขา ควบม้าถึงตัวงันเหลียงท่ามกลางทหารกว่าหมื่นคนของงันเหลียง กวนอูตัดหัวงันเหลียงแล้วควบม้ากลับมา ไม่มีทหารงันเหลียงคนไหนกล้าขัดขวางกวนอู การปิดล้อมที่แปะแบ๊จึงถูกทำลาย ผลจากการสู้รบที่แปะเบ๊นั้น หลังจากนั้นโจโฉก็เตรียมการที่จะทิ้งเมืองและอพยพชาวบ้านไปตะวันตกทางแม่น้ำเหลือง

    อ้วนเสี้ยวข้ามแม่น้ำเหลืองมาติดตามพวกเขา แต่ชีสิวแย้ง บอกว่า เมื่อท่านทำศึกสงคราม ท่านต้องใส่ใจในเหตุการณ์ที่เป็นไปได้ทุกอย่าง แผนที่ดีที่สุดตอนนี้คือการรักษาค่ายที่ที่ลุ่มเอี๋ยน และส่งทัพหน้าไปที่ กัวต๋อ ถ้าพวกเขาสามารถยึดเมืองได้ ท่านก็ยังมีเวลาพอที่จะยกทัพตามทัพหน้าไปได้ แต่ถ้าท่านนำทัพทั้งหมดไปและเกิดสถานการณ์เลวร้ายขึ้นมา ทหารซักคนก็ไม่สามารถเอาชีวิตรอดกลับมาได้ แต่อ้วนเสี้ยวไม่เห็นด้วยกับเขา

    ชีสิวมาถึงที่ทางแยกและถอนใจพูดว่า นายท่านมั่นใจมากเกินไป ขุนนางแต่ละคนก็ทะเยอทะยานสูง แม่น้ำเหลืองช่างกว้างใหญ่นัก ใยข้าต้องข้ามไป ชีสิวจึงอ้างว่าตัวเองป่าวยและขออนุญาตกลับเมือง แต่อ้วนเสี้ยวไม่อนุญาตและโกรธเคืองเขา อ้วนเสี้ยวยึดอำนาจสั่งการกองทัพของเขาและมอบให้กัวเต๋า

    เมื่ออ้วนเสี้ยวนำทัพมุ่งใต้จากที่ลุ่มเอี๋ยน โจโฉให้ทหารของเขาตั้งค่ายที่เชิงเขาทางใต้ โจโฉส่งคนไปสอดแนม พวกเขากลับมารายงานว่า มีทหารม้าห้าพันถึงหกพันนาย ไม่นานพวกเขาก็กลับมารายงานอีกว่า ทหารม้าของอ้วนเสี้ยวเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และพลเดินเท้านั้นมีมากเกินกว่าจะนับได้หมด โจโฉจึงสั่งพวกเขาไม่ต้องสอดแนมอีก

    โจโฉให้ทหารม้าของพวกเขาลงจากอานม้าและปล่อยม้าไป สัมภาระต่าง ๆ ที่ขนจากแปะเบ๊ถูกวางไว้ตามหนทาง ขุนนางต่าง ๆ คิดว่าในเมื่อข้าศึกมีทหารม้าจำนวนมาก พวกเขาควรที่จะกลับไปป้องกันค่ายให้แข้มแข็ง แต่ซุนฮิวกลับพูดว่า นี่คือกับดักสำหรับศัตรู แล้วเราจะหนีไปได้อย่างไร โจโฉมองเขาแล้วก็ยิ้ม

    บุนทิวและเล่าปี่ แม่ทัพทหารม้าของอ้วนเสี้ยวนำทหารม้าห้าหกพันนายมุ่งหน้ามา เหล่าขุนนางของโจโฉต่างพูดว่า เราควรให้ทหารขึ้นบนหลังม้าเตรียมพร้อม แต่โจโฉพูดว่า ยังก่อน ทหารอ้วนเสี้ยวหยุดนิ่งไปชั่วครู่ แล้วก็เดินทัพต่อและแยกย้ายไปเก็บสัมภาระ โจโฉจึงบอกว่า ตอนนี้แหล่ะ แล้วพวกเขาก็กระโดดขึ้นหลังม้า

    ทหารโจโฉมีจำนวนน้อยกว่าหกร้อยนาย แต่พวกเขาพุ่งเข้าโจมตีอย่างรวดเร็ว และได้ชัยชนะเด็ดขาดเหนือศัตรู พวกเขายังสามารถตัดหัวของบุนทิวได้อีกด้วย

    บุนทิวและงันเหลียงเป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียงของอ้วนเสี้ยว แต่ในการรบแค่สองครั้ง พวกเขาทั้งสองก็ถูกสังหาร กองทัพของอ้วนเสี้ยวจึงสูญเสียขวัญกำลังใจในการต่อสู้อย่างมาก

    หลังจากการต่อสู้ครั้งนั้น อ้วนเสี้ยวได้จัดกองทัพใหม่และส่งเล่าปี่ให้ไปโจมตีโจโฉอีกทาง โจโฉนั้นเป็นนักยุทธศาสตร์ที่เก่งกาจ เขารู้ถึงการต่อสู้โดยอยู่ในฐานะที่ด้อยกว่า เขาสั่งให้แม่ทัพต่าง ๆ ถอยกลับไปที่กัวต๋อ

    ในเวลาเดียวกันเล่าปี่ได้ปล้นสดมภ์ใน Ru และ Ying ผู้คนทางตอนใต้ของเมืองฮูโต๋ต่างเดือดร้อน โจโฉวิตกกังวลเรื่องนี้ โจหยินจึงว่า ตำบลทางใต้นั้นรู้ดีว่ากองทัพของเรากำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์ และพวกเขาต่างเชื่อว่าเราไม่สามารถส่งกองหนุนไปช่วยเขา ถ้าเล่าปี่นำทัพใหญ่มา ก็เป็นไปได้ที่พวกเขาจะทรยศต่อเรา แต่เล่าปี่นั้นเพิ่งจะมาบัญชาทหารอ้วนเสี้ยวได้ไม่นาน เขาไม่มีเวลาทำความคุ้นเคยกับทหารอ้วนเสี้ยว ถ้าเราโจมตีเขาตอนนี้เขาสามารถมีชัยเหนือเขาได้

    ดังนั้นโจโฉเลยส่งโจหยินและอิกิ๋มพร้อมทหารม้าเข้าโจมตีเล่าปี่ โจหยินเอาชนะเล่าปี่และไล่เล่าปี่ไป และยึดหัวเมืองที่ก่อกบฏต่าง ๆ กลับคืนมา โจโฉก็ออกคำสั่งให้ปกครองเมืองพวกนั้นอย่างปราณี

    เล่าปี่กลับไปหากองทัพอ้วนเสี้ยว แต่เขาต้องการจากไปอย่างลับ ๆ ดังนั้นเขาจึงเสนอให้อ้วนเสี้ยวเป็นพันธมิตรกับเล่าเปียวทางตอนใต้ อ้วนเสี้ยวส่งเล่าปี่กลับไป ยีหลำ พร้อมคนของเขา ที่นั่นเล่าปี่ได้กลุ่มโจรของ Gong Du มาเพิ่มได้ทหารหลายพันคน โจโฉส่ง ซัวหยง เข้าโจมตีเล่าปี่ แต่เล่าปี่เอาชนะและฆ่าซัวหยงได้

    กองทัพอ้วนเสี้ยวมาถึง Yangwu ซึ่งอยู่ทางเหนือของกัวต๋อ ชีสิวพูดกับเขาว่า แม้ว่ากองทัพเหนือของเราจะมีจำนวนมาก แต่ความแข็งแกร่งและจิตใจนั้นไม่เทียบเท่ากับคนทางใต้ เสบียงอาหารของชาวใต้นั้นมีจำนวนน้อยและคลังเสบียงก็ไม่สมบูรณ์เท่าของเราทางภาคเหนือ ดังนั้นชาวใต้ต้องการที่จะสู้รบรู้ผลอย่างรวดเร็ว การรบที่ยืดเยื้อจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเรา ท่านควรจะรอคอยและไม่ต้องทำอะไรสองสามสัปดาห์ อ้วนเสี้ยวไม่เห็นด้วยกับเขา

    ในเดือนที่แปด อ้วนเสี้ยวนำทัพทั้งหมดไปตั้งค่ายบนเนินทราย ขยายปีกของค่ายไปหลายสิบลี้ทางตะวันตกและตะวันออก โจโฉกระจายค่ายของเขาเพื่อเผชิญหน้ากับอ้วนเสี้ยว

    โจโฉนำทัพฝ่าวงล้อมของอ้วนเสี้ยว แต่ไม่สามารถฝ่าไปได้และถูกบังคับให้กลับไปป้องกันค่าย อ้วนเสี้ยวสร้างหอคอยสูงและเพิ่มความสูงของเนินเพื่อที่จะยิงธนูเข้าไปในค่ายโจโฉ ทุกคนในค่ายโจโฉต้องสวมเกราะป้องกันตัวเอง โจโฉจึงสร้างรถสายฟ้าเพื่อยิงหินเข้าใส่หอคอยอ้วนเสี้ยวและสามารถทำลายหอคอยได้ทั้งหมด (**รถสายฟ้าเป็นชื่อที่ทางฝั่งอ้วนเสี้ยวใช้เรียกเครื่องมือนี้ของโจโฉ รถสายฟ้าเป็นเครื่องยิงหินชนิดหนึ่งที่สามารถเคลื่อนที่ได้ คำว่าสายฟ้าอาจจะหมายถึงเสียงดังตอนที่ยิงหินออกไปหรือเสียงดังเวลาที่ก้อนหินกระทบจุดหมาย**) อ้วนเสี้ยวสั่งให้ขุดอุโมงค์เพื่อมุดไปในค่ายโจโฉ แต่โจโฉได้ขุดคูลึกในกำแพงค่ายเพื่อป้องกัน

    กองทัพโจโฉนั้นเล็กกว่า เสบียงอาหารก็หมด กองทัพของเขาเหนื่อยล้าและล้มป่วย ผู้คนของเขาที่ประสบปัญหาจากการจัดเก็บภาษีก็หันไปร่วมกับอ้วนเสี้ยวหลายคน โจโฉกังวลมาก เขาเขียนจดหมายไปหาซุนฮกเรื่องการถอยทัพกลับไปฮูโต๋ เพื่อที่อ้วนเสี้ยวจะถูกบังคับให้ไปสู้กับเขาที่นั่น

    ซุนฮกตอบว่า อ้วนเสี้ยวนำกำลังทั้งหมดมาที่ กัวต๋อ ถ้าเขาได้ชัยชนะและทำให้ท่านพ่ายแพ้ที่นั่น ท่านเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งด้วยความอ่อนแอ และถ้าท่านไม่สามารถจัดการเขาได้ ท่านจะถูกกำจัด นี่ถือเป็นหายนะของแผ่นดิน

    ยิ่งกว่านั้น อ้วนเสี้ยวเป็นเพียงผู้นำธรรมดาทั่วไป เขาสามารถรวบรวมผู้คนแต่เขาไม่รู้ว่าจะใช้พวกเขาอย่างไร ด้วยพรสวรรค์ด้านการศึกของท่าน การเข้าใจสถานการณ์การรบ และด้วยลิขิตสวรรค์ ท่านจะแพ้ได้อย่างไร

    เสบียงอาหารท่านอาจจะน้อย แต่ท่านไม่ได้อยู่ในช่องแคบของ Chu และ Han ระหว่าง Rongyang และ Chenggao ในตอนนั้น หลิวปังและเซี่ยงหวี่ต่างก็ไม่เต็มใจถอยทัพ เพราะพวกเขารู้ดีว่าใครถอยทัพก่อนคนแรกจะสูญสิ้นทุกอย่าง

    กองทัพของท่านอาจน้อยกว่าของอ้วนเสี้ยวถึงสิบเท่า แต่ท่านก็สามารถยึดที่มั่นและสามารถรักษาไว้ได้ ท่านรั้งเขาไว้ทำให้เขาไม่สามารถไปไหนได้ ถ้าท่านยังสามารถยึดที่นั้นได้อีกครึ่งปี ความเข้มแข็งของทัพเขาต้องหมดลง นี่เป็นเวลาตัดสินแพ้ชนะ และเป็นโอกาสที่จะทำให้เขาประหลาดใจ แล้วท่านจะทิ้งโอกาสนี้ไปหรือ

    เมื่อได้รู้ถึงความจริงพวกนี้ โจโฉเพิ่มความแข็งแกร่งให้แนวป้องกันของเขาและยึดที่นั่นเป็นที่มั่น

    โจโฉไปต้อนรับคนที่มาส่งเสบียงแล้วพูดว่า ภายในสองอาทิตย์ ข้าจะปราบอ้วนเสี้ยวเพื่อพวกท่าน แล้วข้าก็จะไม่ทำให้พวกท่านลำบากอีก

    ขบวนเสบียงของอ้วนเสี้ยวเดินทางมุ่งหน้ามา กัวต๋อ มีเกวียนขนส่งหลายพัน ซุนฮิวพูดกับโจโฉว่า เสบียงอาหารของอ้วนเสี้ยวอยู่ระหว่างขนส่ง ฮันเบ๋ง คนที่คุมเสบียงมานั้นกล้าหาญ แต่เขาดูจะประเมินคู่ต่อสู้ต่ำไป ถ้าเราโจมตีเขา เขาต้องพ่ายแพ้

    โจโฉถามว่าใครที่เราควรจะส่งไป ซุนฮิวจึงว่า ซิหลงมีความสามารถจะทำได้ ดังนั้นพวกเขาจึงส่งแม่ทัพซิหลงและ สูหวน ไปโจมตีฮันเบ๋ง ฮันเบ๋งพ่ายแพ้หลบหนีไป ซิหลงเผาเสบียงอาหารที่ขนส่งมา

    การที่โจโฉทำลายเสบียงที่ขนมา ทำให้อ้วนเสี้ยวต้องส่งคนออกไปนำเสบียงมาเพิ่ม ในฤดูหนาวเดือนที่สิบ อ้วนเสี้ยวนำเสบียงอาหารมาเพิ่ม เขาส่ง อิเขง และแม่ทัพคนอื่นนำทหารมากกว่าหมื่นคนไปคุ้มกันขบวนเสบียง พวกเขาหยุดพักตอนกลางคืนห่างไปจากค่ายอ้วนเสี้ยวสี่สิบลี้ทางเหนือ ชีสิวพูดกับอ้วนเสี้ยวว่ากำลังทหารที่คุ้มกันเสบียงอาหารนั้นน้อยเกินไป ท่านควรจะส่ง เจียวกี๋ ออกไปสกัดทัพของโจโฉ อ้วนเสี้ยวไม่เห็นด้วย

     
     

    จากคุณ : kazama - [ 19 พ.ค. 49 19:09:16 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป