เข็มนาฬิกาชี้บอกเวลาสี่ทุ่มเศษ ผมนั่งดูทีวีอย่างสบายอารมณ์ในห้องคนเดียว ละครหลังข่าวเพิ่งอวสานไปเมื่อครู่ ทิ้งไว้แค่รอยยิ้มกรุ้มกริ่มของคอละครหลายคน ซึ่งจะว่าไปแล้วก็คงพอจะเดาตอนจบได้ไม่ยาก พระเอกกับนางเอกก็กลับมาคืนดีกันได้ และแน่นอนนางตัวอิจฉาถ้าไม่สำนึกได้ก็กลายเป็นคนเสียสติไปเลย แต่ผมคิดว่าคนไทยหลายล้านคนคงดูอยู่ กระทั่งรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าตอนจบจะเป็นยังไง ถึงกระนั้นก็ยังต้องดูให้ได้ ไม่เข้าใจพวกเขาเหมือนกัน
ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น...
ความจริงวันนี้ผมตั้งใจเช่าหนังมาดู หน้าปกอันสยดสยองของมันยังวางอยู่บนโต๊ะทำงานตั้งแต่สองทุ่ม ถ้าไม่ติดว่าวันนี้เป็นตอนอวสานของละครผมก็คงดูเกือบจะจบแล้ว ทั้งที่ตั้งแต่ละครเล่นมาผมไม่เคยคิดจะดูมันเลยสักนิด แต่พอละครจะอวสานผมดันทะลึ่งมาดู เพราะอยากจะรู้ว่ามันจะจบแบบสูตรสำเร็จอย่างที่เราคิดไว้หรือเปล่า แล้วผมก็ดูมันจนจบ จบแบบที่เราคิด
เดินไปที่โต๊ะทำงาน หนังแผ่นนั้นวางหราอยู่บนโต๊ะ ข้าง ๆ กันเป็นต้นฉบับที่เพิ่งเขียนเสร็จ รอส่งแฟ็กซ์เพียงอย่างเดียวไม่ต้องรีบร้อนอะไร ผมจะดูหนังให้หายอยาก หยิบมันขึ้นมาดู หน้าปกเป็นรูปผีผู้หญิงผมยาวหน้าตาน่าเกลียด นัยตาสีแดงเลือดเกือบถลนออกมาจากเบ้า เอาแผ่นเข้าหัวอ่านเครื่องเล่น แล้วกลับมานั่งดูอย่างลุ้นระทึก ผมเป็นคนกลัวผี แต่ชอบดูหนังผี ทั้งผีไทยผีเทศผมดูมาหมด และเพื่อให้ได้อรรถรสในการชม
ผมปิดไฟ....
แสงสว่างพอสลัว ๆ ดนตรีประกอบที่โหยหวนชวนขนลุก ตัวหนังสือสีเลือดลอยผ่านหน้าจอไป เสียงหมาเริ่มหอนรับกันเป็นทอด ๆ ตามสูตร แล้วฉากการฆาตกรรมก็เกิดขึ้น แต่ผู้ตายเป็นชายวัยกลางคนท่าทางมีฐานะ ผมเดาไม่ออกว่าหนังเรื่องนี้เป็นผีผู้ชายได้อย่างไร ทั้งที่หน้าปกเป็นผีผู้หญิง แต่นั่นมันแค่ฉากเริ่มต้นมันอาจจะมีการหักมุมในตอนจบก็ได้ ใครจะรู้?
ผมดูไปได้สักพักเหตุการณ์ฆาตกรรมก็เกิดขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นผู้หญิงบ้าง เห็นไหมผมบอกแล้ว ผมเริ่มเอาหมอนมาวางไว้ที่หน้าตัก นั่นเพราะจากประสบการณ์การดูหนังผีหลาย ๆ เรื่องมันใกล้จะถึงจุดไคลแมกซ์ ถึงเวลาหลอนคนดูแล้ว เสียงหมาเริ่มหอนอีกครั้ง บรรยากาศอย่างนี้ แน่นอนใช่เลย ในอีกไม่ช้านี่แหละ สองมือของผมจับหมอนไว้แน่นเตรียมพร้อม ผมดูด้วยใจระทึก กล้องจับไปที่แมวดำตัวใหญ่ตัวนั้น ผมเริ่มไม่ไว้ใจกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นข้างหน้า เอาหมอนมาปิดหน้าไว้ก่อน พร้อมกับเอาแขนแนบหูทั้งสองข้าง...แล้วหลับตา
จะกลัวมันทำไมแค่แมว? เสียงตัวแสดงในเรื่องดังแว่ว ๆ
คุณ คุณ คุณ! เสียงเรียกในหนัง ผมยังคงปิดหูปิดตาเหมือนเดิม
คุณ! คุณ! เฮ้ย!
ผมชักไม่แน่ใจว่าเป็นเป็นเสียงที่ผ่านจากลำโพงหรือว่าเสียงนั้นมันอยู่ข้าง ๆ ผม ค่อย ๆ เปิดหน้า มองไปที่จอโทรทัศน์รู้สึกแสบตานิดหนึ่ง
ผมอยู่ทางนี้ ชัดเลยเสียงมันดังมาจากข้างหลังผมนี่เอง
ผมหันกลับไปทันที
เฮ้ย! ผมสะดุ้งโหยงกระโดดหนีอย่างไม่คิดชีวิต ขนลุกซู่ ภาพเบื้องหน้าที่ผมเห็นเป็นชายวัยกลางคนสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวอาบไปด้วยเลือด ข้างแก้มมีเลือดสีแดงเข้มไหลออกมาเป็นทาง ริมฝีปากซีดขาว และที่น่าสยดสยองก็คือเขาเป็นผู้ชายที่ถูกฆาตกรรมในหนังเมื่อครู่นี่เอง
ไม่ต้องกลัวผมหรอก ผมไม่ทำอะไรคุณ เขาเอ่ยน้ำเสียงเรียบ ๆ
คุณเป็นใคร? ผมพยายามตั้งสติ
ผมเป็นผี
ผี! ผมตาค้าง
เขาพยักหน้า ใช่
นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นมาผมกำลังคุยกับผีหรือนี่ หรือว่าผมฝัน มันต้องเป็นความฝัน ผมฝันไป มันน่าตลกไหมผีในหนังออกมาคุยทักทายกับคนดู มีที่ไหน? ทำยังกะแสดงคอนเสิร์ตไปได้ เกิดมาไม่เคยพบไม่เคยเห็น
คุณไม่ได้ฝันหรอก
นี่ผมคุยกับผีจริง ๆ เลยใช่ไหม? เสียงผมเริ่มสั่น
แทบไม่อยากเชื่อ ผีจริง ๆ หรือนี่ ผีไม่มีในโลกไม่ใช่หรือ? ไม่มีวิทยาศาสตร์แขนงใดยืนยันว่ามีผีในโลกจริง ในทางฟิสิกส์มันก็แค่สสารหรือพลังงานอะไรบางอย่างที่พิสูจน์ไม่ได้ก็เท่านั้น มันไม่ใช่ผีหรอก ผมบอกกับตัวเอง
มันคือพลังงานชนิดหนึ่งเท่านั้น....
ผมมีเรื่องอยากจะขอร้องคุณ เขาเอ่ย
ขอร้องผม? ผมชี้นิ้วมาที่ตัวเองด้วยความงุนงง
ใช่.. คุณ
ผมช่วยอะไรคุณได้หรือ ถ้ากวาดน้ำอุทิศส่วนกุศลไปให้ผมจะไม่รีรอเลย
เขาส่ายหน้า ไม่ใช่เรื่องนั้น
คุณดูหนังจบหรือยังล่ะ? เขาถาม
ถ้าคุณไม่รีบมาซะก่อนบางทีผมอาจจะดูจบแล้วก็ได้
งั้นคุณดูให้จบก่อนเถอะแล้วค่อยคุยกัน เดี๋ยวผมจะนั่งดูเป็นเพื่อน
โอย....นี้ถ้าไม่เจอกับตัวเองคงไม่มีใครเชื่อ จะบ้าหรือไง นั่งดูหนังผีกับผี เล่าให้ใครฟังคงหัวเราะจนฟันร่วง มีผีตัวจริงให้ดูแล้วจะไปดูผีในหนังอีกทำไม
ผีตัวนี้ท่าจะบ้า.....
ผมไม่ได้บ้า
คุณรู้หรือว่าผมคิดอะไร?
ผมเป็นผี
เรื่องหนังเอาไว้ก่อนก็ได้ เดี๋ยวผมจะเปิดดูตอนบ่าย ๆ ก็แล้วกัน จะได้มีแดดส่องหน่อย คุณจะให้ผมช่วยอะไร
เขาเริ่ม ก่อนอื่นผมต้องแนะนำตัวก่อน ผมชื่อพิเชษฐ์ ทำธุรกิจส่งออก ฐานะปานกลาง ผมอยู่กับภรรยาแต่ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรส และยังไม่มีลูก ผมรู้ว่าคุณคิดว่าผมไม่มีน้ำยา นั่นคือคุณคิดผิดถนัด เรายังไม่พร้อมต่างหาก เราอยู่กันมาเกือบสองปี แล้ววันนั้นหลังจากผมเลิกงาน ผมก็โดนฆ่า คุณจำได้มั้ย?
แล้วไงต่อ?
ผมขอนั่งก่อนได้ไหม ผมเหนื่อย
ตามสบายเถอะ ผมไม่ได้คิดอะไรอีกแล้ว
ผู้มาเยือนหย่อนกายลงบนโซฟานุ่ม แล้วพูดต่อ พอไอ้โจรสามคนนั้น ฆ่าผมแล้วมันก็ปลดของมีค่าในตัวผมไปหมดรวมทั้งรถของผมด้วย พวกเขาก็ขับรถไปที่บ้านของผม ข่มขืนเมียผม แล้วฆ่าปิดปาก ตายสยอง คุณลองรีเพลย์กลับไปดูสิ
ไม่ต้องหรอกผมดูมาถึงตรงนั้นแล้วล่ะ แต่นั่นมันเป็นบทของคุณไม่ใช่รึ
บทห่าเหวอะไร ไอ้แค่ให้ผมตายคนเดียวผมจะไม่ออกมาโวยวายเลย แต่นี่คุณคิดดูสิ ไอ้คนเขียนบทมันยังให้ครอบครัวของผมตายด้วย
ครอบครัว?
เขาเอามือกุมหน้า ภรรยาผมท้องได้สองเดือนแล้ว
คุณรู้เมื่อไหร่?
ตอนหมอผีจะไปเอาน้ำมันพรายที่หลุมศพภรรยาผม คุณคงยังดูไม่ถึงตรงนั้น
คนเขียนเขาเพียงเพื่อต้องการให้เรื่องราวมันบีบคั้นหัวใจคนดูเท่านั้น
คุณอย่ามาอ้างเลย คุณมันพวกเดียวกันนี่ คุณรู้จักคนเขียนบททุกคน พวกคุณไม่รู้ถึงความรู้สึกของผมหรอกว่ามันเป็นยังไง เพียงเพื่อให้คนดูสนุกตื่นเต้นอย่างเดียวจนครอบครัวของผมต้องพังพินาศ คนที่มีความสุขก็คือพวกคุณ คนที่รวยก็คือคนทำหนัง คนเขียนบท น้ำเสียงของเขาเริ่มไต่ระดับ
มันไม่เหมือนละครน้ำเน่าที่คุณดูเมื่อครู่นี้หรอก พอตอนจะจบแฮปปี้ เอนด์ดิ้ง นางเอกคืนดีกับพระเอกหรือได้แต่งงานอะไรเทือกนั้น เขาไม่ได้เสียหายอะไรนี่เขาก็เลยไม่ออกมาเรียกร้อง ถ้าคุณไม่เชื่อ คุณลองทำให้พระเอกตายตอนจบทุกเรื่องดูสิ ยังไงซะนางเอกก็ต้องออกมาเรียกร้อง เพราะมันหมายถึงเธอจะไม่มีผัวไปตลอดชีวิต
จริงอยู่ว่าภรรยาผมได้ฆ่าไอ้โจรสามคนนั้นตาย แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อตอนจบเราก็หนีไม่พ้นต้องตายอยู่ดี หรือถ้าจะกรุณาลูกและภรรยาผม พวกคุณให้ผมตายคนเดียวก็ได้ พอผมตายก็ตามไปหลอก ไปหักคอไอ้พวกนั้นได้เหมือนกัน เท่านี้เรื่องมันก็จบ คุณจะให้ผมฆ่าพวกมันแบบไหนผมทำได้ทั้งนั้น
ผมว่า แต่ถ้าผีตายท้องกลมไปหลอกมันจะเฮี้ยน และคนดูจะกลัวมากกว่านะ
เขาเหยียดยิ้ม หึ..นั่นไงเห็นไหม พวกคุณก็เอาแต่ความสนุกของพวกคุณเป็นหลัก โดยที่ไม่ได้คิดถึงหัวอกของพวกเราเลย คุณคิดดูสิ เมียผมกำลังท้องกำลังไส้ แทนที่จะได้นอนพักผ่อนอยู่กับบ้าน ยังต้องมาวิ่งไล่กับพวกนั้นอีก แล้วคุณคิดว่ามันปัญญาอ่อนไหมล่ะ เขาเอนหลัง พรูลมหายใจแรง สีหน้าและแววตาของเขาดูเหนื่อยล้าเต็มทน
ผมนั่งคุยกับผีอยู่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าตลกพอแล้ว นี่ผมยังต้องมารับฟังเรื่องราวชีวิตของเขาอีก ทั้งที่เรื่องราวนั้นมนุษย์เป็นผู้สร้างเรื่องขึ้นทั้งนั้น เรื่องมันชักจะไปกันใหญ่แล้ว
คุณจะให้ผมช่วยยังไง? ผมถาม
คุณเป็นคอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์ใช่ไหม?
ผมพยักหน้า ใช่
คุณช่วยเขียนไปตามที่ผมบอกกับคุณนี่แหละ ในคอลัมน์ของคุณ
คุณไม่กลัวยอดขายของเขาจะตกหรือ?
ฮึ...พุ่งสิไม่ว่า ถ้าลองคอลัมน์ของคุณได้ลง
แล้วคุณ ภรรยาคุณ ลูกคุณ ก็เป็นดาราที่ใคร ๆ ก็รู้จัก คุณนี่หัวการตลาดเหมือนกันนี่
ผมเป็นนักธุรกิจ
ผมจะลงให้ฉบับหน้า ฉบับวันนี้ผมเขียนเสร็จแล้วกำลังจะส่งแฟ็กซ์
ลงฉบับนี้ เขาทำเสียงแข็ง
คุณกำลังขู่บังคับผม
เขายิ้มเยาะ ไม่มีกฎหมายระหว่างคนกับผีไม่ใช่รึ?
พรุ่งนี้ต้องเห็นบทความเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ ในคอลัมน์ของคุณ ผมต้องไปแล้ว เจอกันอีกในเรื่องต่อไป
ผมจะไม่ดูหนังผีอีก
ถ้าไม่ได้มาหาคุณ ผมคงคิดถึงแย่
ผมนั่งเคาะแป้นพิมพ์ดีดอีกครั้งอย่างไม่ค่อยจะยินยอมนัก น่าจะเป็นครั้งแรกที่คอลัมน์ผมออกแนวผี ๆ ทุกครั้งผมอาจจะเขียนเชียร์แนววิทยาศาสตร์ หรือกำลังภายในจากต่างประเทศของค่ายใหญ่ ๆ ซึ่งผลตอบแทนมันสูงกว่าหลายเท่า มันก็เหมือนการโปรโมทต์ทางอ้อม เป็นการโฆษณา เพียงแต่มันเป็นโฆษณาแฝง แต่ว่าโฆษณาแฝงชิ้นนี้ผมไม่ได้ค่าตอบแทนเท่านั้นเอง
กว่าผมจะรู้สึกตัวอีกทีก็ตะวันสายโด่งแล้ว สะบัดศีรษะไล่ความง่วงงุน ลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทุกอย่างเหมือนกับความฝัน บางทีมันอาจจะเป็นแค่ความฝัน กวาดสายตามองไปรอบห้อง ดูที่โซฟาไม่มีรอยเลือด เครื่องเล่นซีดีมีแผ่นค้างอยู่ข้างใน หยิบรีโมทต์เปิดทีวีเปิดเครื่องเล่น หน้าจอปรากฏชายสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวอาบเลือด กำลังสแหยะยิ้มมาที่ผม มือรีบคว้าไปกดปุ่มเพาเวอร์ปิดทันที
ผมถอนใจแรง บอกกับตัวเอง -กูจะไม่ดูหนังผีอีกเด็ดขาด-
********************
จากคุณ :
คุยไป กินไป
- [
21 พ.ค. 49 04:35:39
]