CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ชาติหน้าก็แล้วกัน

    เบนซ์สีบรอนซ์คันหรูจากยุโรปกำลังเคลื่อนตัวออกจากคฤหาสน์หลังงามราคาหลายสิบล้าน ที่ตั้งเด่นตะหง่านอยู่ในเนื้อที่หลายสิบไร่ แล่นผ่านสระว่ายน้ำขนาดใหญ่โค้งวนก่อนจะถึงประตู ระบบรีโมทคอลโทรลเริ่มทำงาน ประตูค่อย ๆ เปิดออก รถเลี้ยวพ้นผ่านประตูคฤหาสน์กำลังจะทะยานตัวออกไปพลันต้องหยุดชะงัก คนใช้ในบ้านกำลังวิ่งหน้าตั้งมา

    รถหยุดนิ่ง...

    ชายวัยกลางคนผมเกรียนถือกระเป๋าสีดำเดินเข้ามา กระจกติดฟิล์มกรองแสงค่อย ๆ เลื่อนต่ำลง

    “เจ้านายลืมกระเป๋าเอกสารครับ”

    “อ้อ...ขอบใจมาก เอกสารสำคัญด้วย”

    “แม่บ้านฝากถามว่า เย็นนี้เจ้านายจะกลับมาทานอาหารที่บ้านไหมครับ”

    “ทำไมรึ?”

    ชายผมเกรียนเกาหัวเบา ๆ

    “ไม่มีอะไรครับ คือแม่บ้านจะได้จัดเตรียมอาหารไว้ครับ”

    “ฉันยังไม่รู้เลย ไม่ต้องเตรียมไว้ให้ฉันหรอก เตรียมให้คุณผู้หญิงก็พอ” สิ้นเสียง กระจกค่อย ๆ เลื่อนขึ้น ชายผมเกรียมยืนโค้งนอบน้อม



    รถเคลื่อนตัวออกสู่ถนนใหญ่ วันนี้เขาออกสายกว่าทุกวันเพราะไม่มีประชุมด่วน เหลือบมองดูนาฬิกาที่ข้อมือ เกือบ ๆ จะ 11 โมง วันนี้มีประชุมตอนบ่ายสองคงไม่ต้องขับรถเร่งรีบอะไรมากมาย เพราะยังเหลือเวลาอีกเกือบสามชั่วโมงในการเดินทาง สัญญาณไฟแดงสว่างขึ้นตรงแยกข้างหน้า เขาค่อย ๆ ผ่อนคันเร่งลง หยุดรถเป็นคันแรกถ้าไม่นับมอเตอร์ไซด์สามสี่คันที่เพิ่งแทรกเบียดรถเขาไป รถบีเอ็มฯสีเลือดหมูแล่นมาจอดแนบข้าง ๆ คนขับเป็นชายหนุ่มหน้าตาตี๋นั่งคู่มากับหญิงสาวเสื้อสีฟ้ารัดรูป ผมของหล่อนสีดำขลับปกไหล่ขาว อกอวบอิ่มของหล่อนเบียดกับเสื้อแน่นเหมือนจะล้นทะลักออกมา ปากเล็กเรียวได้รูปแต่งแต้มด้วยลิปสติกบาง ๆ เขาและเธอกอดจูบกันนัวเนียโดยที่ไม่อายสายตาของใครหลาย ๆ คน เขาต้องหันหน้ากลับ เพราะมันจะเป็นการเสียมารยาทเกินไป

    สัญญาณไฟเขียวสว่างโร่รถเคลื่อนตัวออกไป เขาตัดสินใจเลี้ยวขวาแทนที่จะตรงไปเหมือนเช่นทุกวัน นั่นเพราะไม่ได้ตามรถบีเอ็มฯ สวาทคันนั้น เพราะเขารู้สภาพการจราจรข้างหน้าเป็นอย่างดี เลี้ยวขวาแม้ว่ามันจะอ้อมไกลแต่ก็ยังดีกว่ารถไม่เคลื่อนที่ไปไหนเลย เขาขับรถเรื่อย ๆ ยังไม่ลืมภาพหญิงสาวในรถคันเมื่อครู่ เขาอาจจะเคยผ่านผู้หญิงมาบ้าง หรือเคยทำกับผู้หญิงอย่างนั้นบ้าง แต่ว่าเขาไม่เคยเปิดเผยขนาดนั้น มันคงเป็นรสนิยมของคนรุ่นใหม่ กล้าพูด กล้าคิด กล้าทำ

    เขาถอนใจ หรือว่าเขามันคนรุ่นเก่าไปแล้ว....

    รถวิ่งผ่านตลาดสด คนขายล็อตเตอรี่เดินย่ำต๊อก ๆ อยู่ริมฟุตบาท ชายชราขอทานนั่งทำมือเงอะงะของเศษเงินจากผู้คนที่เดินผ่านไปมา แผงลอยข้างถนนยังเกลื่อนด้วยข้าวของ เครื่องใช้ มองเข้าไปในตลาดร้านขายปาท่องโก๋ร้านนั้นก็ยังอยู่เหมือนเดิม ติดกันไปเป็นร้านป้าเยาว์ขายปลา ถัดกันมาเป็นร้านยายพาขายผัก แวบหนึ่งเขาคิดถึงสมัยตอนเป็นเด็ก นานมากทีเดียวที่เขาไม่ได้แวะผ่านเข้ามาที่ตลาดสดแห่งนี้ เขาคิดไม่ผิดที่เลี้ยวรถเข้ามาที่นี่อีกครั้ง

    ชายหนุ่มถอนใจ...

    นึกถึงตอนเป็นเด็กทุกซอกซอยในตลาดแห่งนี้ตรงไหนบ้างที่เขาไม่เคยเข้าไป ตรงไหนบ้างที่เวลาเล่นซ่อนหากับเพื่อน ๆ แล้วหาไม่เจอ บอกได้ว่าเขาแทบจะหลับตาเดินก็ยังได้ นึกถึงเพื่อน ๆ หลายคน ไอ้จ้อน ไอ้น้อย เจ๋งอ้วน แขกดำ เจ้าขนุน แล้วก็มะลิ นึกถึงหน้าเจ้าขนุนเวลาโดนเพื่อนแกล้งก็อดขำไม่ได้ ไอ้จ้อน ไอ้น้อย กับแขกดำชอบล้อว่าเป็นกระเทย พอเผลอก็ดึงกางเกงเจ้าขนุนลง มันอายหน้าแดงเหมือนผู้หญิง แล้วนั่งร้องไห้ คิดแล้วยังขำไม่หาย ส่วนเจ๋งอ้วนลูกเจ้าของร้านขายหมู เพื่อน ๆ จะเรียกไอ้หมูตอน เวลามันโกรธหน้าจะแดง หูจะแดง พวกเราหัวเราะชอบใจ โดนพ่อไล่ตีทุกวัน มันไม่กล้าไปช่วยพ่อขายหมู เพราะพวกเราชอบล้อมันว่า 'หมูตอนขายหมูสับ'

    มะลิเด็กหญิงร่างผอม เป็นหญิงเดียวในก๊วนอยากเล่นอะไรเธอเล่นได้หมด ยิงปืน ตำรวจจับโจร เล่นซ่อนหา เธอเล่นได้โดยไม่บ่นสักคำแต่มีข้อแม้ว่าทุกวันเสาร์ตลอดทั้งวันต้องเล่นกระโดดยางกับเธอ ไม่งั้นเธอจะงอนไม่ยอมพูดกับใคร บางครั้งก็ทำเป็นไม่สนใจเธอ แต่ก็ทำได้ไม่นาน สุดท้ายต้องไปเล่นกระโดดยางอยู่ดี

    ชายหนุ่มยิ้มกว้างเมื่อนึกถึงอดีต สายตาเหลือบไปริมฟุตบาทข้างโรงจำนำ เขานึกถึงใครบางคนที่เคยอยู่แถว ๆนี้ บางทีอาจจะเจอเขาอีกครั้ง

    “ลุงหนวด” เขาเผลอเรียกชื่อชายชราคนนั้นออกมาเบา ๆ

    เขาชะลอรถ มองดูชายชราผิวคล้ำ หนวดสีดำแซมเทากำลังนั่งดูดวงให้เด็กชายสองสามคน เด็กหัวเราะชอบใจ แกยังยิ้มง่ายเช่นเดิม เป็นที่รักของเด็ก ๆ เหมือนเดิม

    ทว่าดูแกแก่ลงไปมาก...

    “ใช่สินะ..นั่นมันยี่สิบปีก่อน” ชายหนุ่มคิดในใจ

    ตอนเป็นเด็กเขาก็เคยมาดูดวงกับลุงหนวดคนนี้ แกดูให้ฟรีไม่คิดเงิน แถมยังได้ฟังเรื่องตลก ๆ จากแกอีกเป็นของแถม ลุงหนวดแกดูดวงให้เฉพาะเด็ก ๆ ส่วนผู้ใหญ่แกจะไม่ดูให้ หรือว่าพวกผู้ใหญ่เขาไม่อยากจะให้แกดูก็ไม่รู้ บางทีเขายังเคยคิดว่าแกคงดูไม่แม่น เขากับเพื่อน ๆ เคยรวบรวมเงินกันไปซื้อปาท๋องโก๋มาให้แกกิน เพื่อตอบแทนการที่แกดูดวงให้ ถ้าเขาจอดรถลงไปหาแกตอนนี้แกจะจำเด็กชายตัวดำ ๆ ผมสั้นเกรียนคนนั้นได้ไหม? เด็กชายที่ถูกพ่อแม่เอามาปล่อยทิ้งไว้ในตลาดตั้งแต่สี่ขวบ เด็กชายที่มีตลาดเป็นบ้าน และมีลุงหนวดคนนั้นเป็นเพื่อนบ้าน

    บางทีแกอาจจะจำไม่ได้แล้ว......เขาคิด

    แต่เขายังจำคำที่แกพูดไว้ครั้งนั้นได้แม่นยำ

    “เอ็งนี่สงสัยจะไม่ได้เป็นเจ้าเป็นนายใครหรอกว่ะ” แกพูดพลางพลิกฝ่ามือไปมา

    “ฮ้า..ทำไมล่ะลุง”

    “ไม่ต้องฮ้า...ข้าว่าไปตามลายมือเอ็ง”

    “ทีเพื่อน ๆ ผมทำไมลุงทำนายได้ดิบได้ดีกันหมดล่ะ”

    “นี่ไงเส้นวาสนาของเอ็ง แค่เนี้ย” แกเอานิ้วจิ้มลงกลางฝ่ามือ

    “ลุงมั่วหรือเปล่า?”

    “บ๊ะ! ไอ้นี่ข้าดูมาอายุปูนนี้แล้ว”

    “แล้วจะต้องทำไงล่ะลุง?”

    ชายชราลูบหนวดเบา ๆ “ต้องแก้เคล็ด”

    “เคล็ดขัดยอกน่ะเรอะลุง”

    “เหอ ๆๆ ฮ่า ๆๆ ตลกคาเฟ่ว่ะ หรือว่าเอ็งจะลองไปเป็นตลกคาเฟ่ดู มีแวว ๆ”

    “แววรุ่ง"

    “แวว อดอยากน่ะสิ เฮ้อ...ข้าล่ะเหนื่อยที่จะพูดกับเอ็ง ในบรรดาเพื่อนเอ็งทั้งหมดก็มีเอ็งนี่แหละที่ข้าเป็นห่วง เอางี้เอ็งจำคำพูดของข้าไว้ ข้าดูให้ใครไม่เคยพลาด ชะตาของเอ็งมันขึ้น ๆ ลง ๆ ว่ะเอ็งไม่ได้เรียนหนังสือมาใช่ไหม?”

    เด็กชายพยักหน้า หมอดูว่าต่อ “ถ้าเอ็งไม่ได้เรียนหนังสือ อืมห์...เส้นนี้ผ่านเส้นนี้ ไปตัดเส้นนั้น แล้วกลับมาเส้นนี้อีก อืมห์..อืมห์....”

    “ถึงเส้นที่จะไปสนามหลวงหรือยังลุง?”

    “อย่าเพิ่งขัดสิวะ”

    ชายชราทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ “เหมือนเดิมอย่างที่ข้าบอก ถ้าเอ็งไม่แบกข้าวสารอยู่ท่าเรือฯ เอ็งก็ไปเป็นตังเกออกทะเลไปโน้นแหละ หรือบางทีนะเอ็งอาจจะมาขายปาท๋องโก๋อยู่ในตลาดนี้แหละว่ะ”

    “ฮ้า...ไม่มีอาชีพที่ดีไปกว่านี้หรือลุง”

    “ไม่ต้องฮ้า ต้อง เฮ้อหรอก”

    “ใจคอลุงจะไม่ให้ผมร่ำรวยบ้างเลยหรือ?”

    หมอดูโคลงศรีษะ “ข้ามองไม่เห็นหนทางเลยจริง ๆ เอ็งไม่มีความรู้เลือกงานได้รึ เขาไม่รับคนไม่ได้เรียนหนังสือไปทำงาน ตำแหน่งใหญ่ ๆ โต ๆ หรอก”

    “เอางี้ ผมให้ลุงดูฟรีอีกรอบ” เด็กชายแบมือ

    แต่ชายชราส่ายหน้า “ข้าดูกี่รอบก็เหมือนเดิมแหละ”

    “โธ่..ลุง”

    “ชาตินี้เอ็งคงได้แค่นี้แหละว่ะ แต่ชาติหน้าเอ็งต้องได้เป็นเจ้าคนนายคนแน่นอน”

    “ลุงดูดวงได้ถึงชาติหน้าเลยหรือ?”

    หมอดูยิ้มกริ่ม “พูดแล้วจะหาว่าคุย เอ็งไม่เชื่อรึ”

    เด็กชายนิ่งไปครู่เม้มปาก“เมื่อคืนผมฝันว่ามีรถคันใหญ่ ๆ ขับ มีบ้านหลังเบ้อเริ้มอยู่” เด็กชายกางแขนทำท่าทาง

    “วาสนาของเอ็งก็พอมีอยู่ แต่มันไม่ปรากฏในชาตินี้ มันไปปรากฏในชาติหน้า”

    เด็กชายทำหน้าเศร้าเสียงอ่อย “แล้วถ้าชาติหน้าไม่มีจริงล่ะลุง”

    “เอ็งก็ต้องทำชาตินี้แหละให้ดีที่สุด รู้ไหม?”

    เด็กชายยิ้ม ก้มหน้า คอตก......

    รอยยิ้มยังฉายอยู่เต็มใบหน้า เขาเกือบจะจอดรถลงไปแล้ว แต่มันคงไม่เหมาะสำหรับวันนี้ เขาค่อย ๆ ขับรถผ่านชายชรากับเด็กกลุ่มนั้นไป เหลือบมองกระจกหลัง เขาบอกกับตัวเองไม่ได้ว่ารู้สึกอย่างไร มันดีใจระคนสะเทือนใจ เขาน่าจะมาหาลุงหนวดตั้งนานแล้ว น่าจะมาหาเพื่อนบ้านที่แสนดีกับเขา น่าจะรับลุงหนวดไปอยู่ด้วย หรือบางทีแกคงไม่อยากจากที่นั่นไปไหน แกคงอยากจะเป็นหมอดูใจดี ที่ดูดวงให้เด็ก ๆ เป็นที่รักให้เด็ก ๆ ซึ่งจะว่าไปแล้วแกก็ดูดวงแม่นเหมือนกัน แต่ยังไงซะถ้าเสร็จงานวันนี้เขาจะมาหาลุงหนวดแน่นอน

    รถเลยตลาดแห่งนั้นมาไกล ก่อนที่จะเลี้ยวเข้าตึกสูงเกือบสามสิบชั้นย่านใจกลางเมือง รปภ.สองนายยืนตรง รถแล่นเข้ามาจอดนิ่งในอาคาร ประตูรถถูกเปิดออกเขาเดินอ้อมมาเปิดประตูเบาะหลัง ชายใส่สูทเข้ม พับหนังสือพิมพ์ ขยับแว่นนิดหนึ่ง ก้าวออกมา

    “พงษ์กลับก่อนเลยนะ เย็นนี้ไม่ต้องมารับ ฉันนัดกับเพื่อนไว้ ไม่รู้จะกลับกี่โมง”

    “วันนี้ดูท่านนั่งอ่านหนังสือพิมพ์เงียบเลยนะครับ”

    ชายใส่สูทยิ้ม “ก็วันนี้มีประชุมตอนบ่ายสองเลยต้องดูประกอบข้อมูลไว้ ไปได้แล้วดูแลรถให้ดีล่ะ”

    “ครับ”



    **********************************

    จากคุณ : คุยไป กินไป - [ 22 พ.ค. 49 01:59:53 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป