ตอน หัวใจที่เหมือนกัน
"ผมหาคนให้คุณสัมภาษณ์ได้นะ"
ฉันยังจำได้ดีถึงค่ำคืนวันนั้น ที่ฉันโทรศัพท์ไปปรึกษาเขาเรื่องงานวิจัยก่อนจบชิ้นนี้ น่าแปลกนัก..ที่คนเกลียดผู้หญิงบริการอย่างเขา กลับยื่นข้อเสนอให้ฉันทำการวิจัยชิ้นนี้ พร้อมสนับสนุนเงินค่าใช้จ่ายในการ ซื้อบริการ สำหรับการสัมภาษณ์ครั้งนี้ด้วย
"ผมแค่อยากจะรู้นัก ว่าผู้หญิงพวกนี้หัวใจทำด้วยอะไร ถึงเอาแต่รักสนุกกันนัก"
น้ำเสียงเย็นชาของเขาตอบคำถามจากข้อสงสัยของฉัน โดยไม่ต้องถาม และไม่คิดจะถามต่อไป ถึงแม้จะมีคำถามมากมายไหลวนอยู่ในจิตใจของฉันก็ตามที
-----------------------------------------------------------------
ร่างผอมกระหร่องตรงหน้ายกไฟแช๊คขึ้นจุดบุหรี่ด้วยมืออันสั่นเทา บุหรี่หลายมวนกองอยู่ในที่เขี่ยบุหรี่หัวเตียง หญิงสาววัยกลางคนในชุดรัดรูปสีแดงเพลิงรับกับริมฝีปากนั่งนิ่งไปนานแสนนาน
"ทำไมพี่ถึงมาทำอาชีพนี้เหรอคะ"
ฉันกดเทปบันทึกเสียง ก่อนที่จะเริ่มต้นการสัมภาษณ์เพื่อนำไปประกอบงานวิจัยทำ thesis ในปีนี้
ดวงตากลมโตที่ตัดด้วยมาสคาร่าสีเข้มมองหน้าฉันนิ่งก่อนที่จะพ่นบุหรี่ออกมาอีกครั้ง
"น้องไปเรียกใครมาเอาพี่สักคน ยังสบายใจกว่ามานั่งตอบคำถามแบบนี้"
เสียงแหบแห้งพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์นัก พลางมองดูนาฬิกาบนหัวเตียงแล้วปรายหางตากลับมามองหน้าฉันอีกครั้ง
"สองชั่วโมงใช่มั๊ย?" คำถามนั้นถามย้ำ ซึ่งฉันก็ได้แต่พยักหน้าเบาๆ อย่างไม่รู้จะพูดอะไร
"สามพันที่น้องจ่ายมา คิดว่าแพงมั้ยล่ะ"
คำถามนี้ฉันก็ได้แต่พยักหน้าอีกครั้ง ถ้าเทียบกับการที่ฉันจะเอาเงินสามพันบาทไปใช้อย่างอื่นได้ล่ะก็... แต่เมื่อลองคิดคำนวณอีกครั้ง สามพันบาทที่ซื้อความเป็นมนุษย์ของผู้หญิงคนหนึ่ง... อาจจะเป็นหล่อนที่ประเมินราคาค่างวดของตัวเองน้อยเกินไปก็ได้
"เงินมันดี คืนไหนเฮงหน่อยก็ได้เป็นหมื่น ไม่ต้องทำอะไรมาก บางทีเจอแขกซาดิสต์ก็ซวยหนักหน่อยเท่านั้น แต่ก็คุ้มเงินดี"
หญิงสาวที่ไม่เชิงจะสาวตรงหน้าเล่าเรื่องของตัวเองมาเป็นฉาก สะกดจิตใจของฉันไว้จนแทบหายใจไม่ออกในตอนนี้ ฉันไม่รู้ว่าเธอไม่รู้สึกอะไรกับมันหรือเธอได้แต่บอกตัวเองไม่ให้รู้สึกกันแน่นะ
"พี่หาเงินมากๆ..เพื่อตัวเองเหรอคะ"
ฉันถามคำถามนี้ไปช้าๆ ใจหนึ่งก็ไม่อยากถาม แต่อีกใจก็กลับรู้สึกว่าถ้าไม่พยายามกระเทาะให้ถึงในจิตใจของเธอ เธอคงไม่ใส่ใจจะบอกอะไรให้ฉันฟังมากไปกว่าเรื่องที่เธอชินชาเหล่านี้
"ไม่ใช่วัยรุ่นนี่ที่จะได้ไปหลงกับไอ้ของมียี่ห้ออะไรนั่น แล้วมาทำงานแบบนี้ ลำพังตัวเองมีข้าวให้กินอิ่มไปวันๆก็พอแล้ว"
"แล้วทำไม.."
"ลูกไงล่ะ" เธอชิงตัดบทขึ้นมาก่อนที่ฉันจะจบคำถาม ดวงตาคู่นั้นมีร่องรอยแห่งความเจ็บปวดและความคิดคำนึงถึงความหลังอะไรหลายอย่าง
"พี่อยู่กับลูกเหรอคะ"
"เปล๊า" หญิงสาวตรงหน้าฉันส่ายศีรษะเบาๆ "มันเกลียดแม่มันจะตาย อย่างว่าล่ะนะ มีแม่เป็นกะหรี่จะให้มาภาคภูมิใจอวดชาวบ้านชาวช่องเขาได้เหรอ"
เมื่อเปลือกที่เข้มแข็งหลุดออกให้เห็นถึงแก่นภายใน..กลับกลายเป็นฉัน ที่ได้แต่รับฟัง..โดยไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดี
"แต่ที่พี่ทำงานทุกวันนี้ก็เพื่อเขาไม่ใช่เหรอคะ"
ฉันถามย้ำไปเบาๆ ซึ่งก็ได้รับคำตอบมาเป็นการพยักหน้าเบาๆ ก่อนที่หล่อนจะยกบุหรี่ขึ้นสูบอีกครั้ง ด้วยมืออันสั่นเทาเหลือเกิน
"คงจะฆ่าตัวตายไปนานแล้ว..ถ้าไม่มีเค้า ลำพังส่งไปอยู่กับยายมัน จะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าเรียน ค่าเสื้อผ้า ค่าหมอค่าหยูกค่ายาที่มันแพงขึ้นทุกวัน ถ้าไม่ใช่ไอ้เงินจากการหากินกับเซ็กส์แบบนี้"
หล่อนพูดจบก็ยกบุหรี่ขึ้นสูบอีกครั้ง อัดควัน..เข้าให้เต็มปอด เหมือนกับจะให้มันลบทุกรอยเจ็บปวดในจิตใจ
"พี่ไปหาเค้าบ่อยไหมคะ"
"ไม่ได้ไปมาจะสิบสามสิบสี่ปีได้แล้วมั้ง ยิ่งเด็กมันโต มันก็ยิ่งอายเพื่อน ตอนนี้คงอายุเท่าหนูนี่แหละ ตอนอายุได้สักสิบขวบมันชี้หน้าเลยนะ 'อีกะหรี่ มืงไม่ต้องมา กูไม่อยากมีแม่อย่างมืง' เด็กสิบขวบ ตะโกนด่าไป น้ำตานองหน้า ก็อย่างว่านะ..เด็กมันไม่อยากเจอไม่อยากเห็นหน้า จะไปหาทำไมให้มันยิ่งอับอาย ยิ่งรังเกียจ"
ฉันกลืนก้อนบางอย่างเข้าไปในลำคอ เจ็บยิ่งกว่า..ที่ผู้หญิงตรงหน้าใส่ใจกับความเจ็บปวดของลูกตัวน้อย มากไปกว่าความเจ็บปวดของตัวเอง
ความเป็นแม่..ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงที่สังคมให้ค่าแบบไหน ความรักของความเป็นแม่..ก็ยังมีไม่ต่างกันสักนิด
"แล้วทำไมพี่ไม่เปลี่ยนอาชีพล่ะคะ แกจะได้ไม่อับอาย..เอ่อ..เหมือนที่พี่พูด"
"เคยคิด" บุหรี่อีกมวนถูกจุดขึ้นอีกครั้งด้วยมืออันสั่นเทา
"แต่ด้วยหลายๆอย่างนี่แหละ กะหรี่ มันจะเป็นอยู่หรือเลิกเป็นแล้ว ในสายตาชาวบ้านชาวช่องก็ยังเป็นกะหรี่อยู่นั่นแหละ แล้วไหนจะเรียนมาแค่นี้ ทำงานที่ไหนเค้าจะไปรับเล่า ยิ่งไอ้งานเงินดีๆมากพอจะส่งให้ลูกได้เรียนสูงๆด้วยแล้ว ถึงจะรับมาสุดท้ายแม่งผู้ชายก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ หวังจะทำท่าเดียว บางที่ไม่เอาตัวแลกก็ไม่ให้เลื่อนขั้นบ้างล่ะ แล้วมันต่างอะไรกับเป็นกะหรี่ตรงไหน เราเถอะอยู่ในสังคมแบบนี้ ก็อย่าดำดิ่งไปกับมัน จนปีนขึ้นมาไม่ได้ก็แล้วกัน เป็นกะหรี่แบบนี้ มันเดินหน้าถอยหลังไม่ได้แล้ว ไม่ทำก็ไม่มีกิน ไม่มีที่จะให้ไปอีกแล้ว ใครมันจะอยากขายตัวไปตลอด ถ้ามันพลาดไปครั้ง ก็กลับตัวไม่ได้แล้ว เป็นกะหรี่ก็เหมือนนักโทษนั่นแหละ ออกมาก็โดนชาวบ้านเขาด่าเขาซ้ำ โลกนี้มันไม่ได้สวยงามเหมือนที่คิดหรอกหนูเอ๊ย"
คำตอบของหล่อนกรีดลงไปในจิตใจฉันได้ดีกว่ามีดเล่มไหนๆ สังคมอีกด้าน..ที่ฉันแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น.. บางทีมันอาจไม่ใช่หล่อนหรอกที่ประเมินราคาของตัวเองลงมาขนาดนี้ แต่อาจจะเป็นสังคมรอบข้างด้วยล่ะมั้ง...ที่ซ้ำเติม เหยียบย่ำให้ผู้หญิงตรงหน้า...และผู้หญิงหลายๆคน ต้องตีค่าตัวเองแบบนี้
สังคม..เคยให้โอกาสใครสักคนเหมือนที่พูดกันนักกันหนาบ้างไหม ซ้ำร้าย..ยังยิ่งซ้ำเติมความเจ็บปวดของผู้อื่นไปเปล่าๆ เสียอีก
"มีคนบอกว่า..ทำงานแบบนี้ เอ่อ..มันผิดศีลธรรม"
"ศีลธรรม? อะไรคือศิลธรรมที่น้องพูด ฟังยากไปนิดนะ แย่งผัวชาวบ้านเหรอ? ก็เหมือนกับการที่เราขายของนั่นแหละ เราจะรู้ได้ยังไงว่าไอ้เงินที่คนซื้อมันเอามาซื้อ มันไม่ได้จี้ปล้นใครเค้ามา เมื่อลูกค้ามา เราก็ทำได้แค่ขายให้..ก็เท่านั้น"
หล่อนแสยะริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนหันมาจ้องหน้าฉัน..ด้วยความรู้สึกที่ยากที่จะอธิบายยิ่งนัก
"แต่ถ้าไอ้ผิดสงผิดศีลที่พูด มันคือบาป พี่ก็ได้รับผลกรรมอยู่นี่ไง แย่งผัวเขามา ก็เลยต้องเสียลูกกลับคืนไปเหมือนกัน"
-------------------------------------------------------------------
"จะฝากอะไรให้ใครน่ะเหรอ..คำพูดของกะหรี่คนนึง มันคงเปลี่ยนสังคมไม่ได้หรอก คนเราทุกวันนี้ สนใจแค่ตัวเองก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว แต่ถ้าหนูถาม..ว่าต้องการอะไร ก็คงอยากจะพบหน้าลูกสักครั้ง คิดถึงเหลือเกินแล้ว"
เสียงเทปในเครื่องเล่นเทปดังก้องไปทั่วทั้งคันรถ ชายหนุ่มผู้นั่งเคียงข้างฉันได้แต่กำพวงมาลัยนิ่ง ก่อนที่น้ำตาจะไหลรินลงมาจากสองตาที่เคยแข็งกร้าวคู่นั้น เขานั่งนิ่งไปนานแสนนาน..ตั้งแต่ฉันเริ่มที่จะเปิดเทปบันทึกการสัมภาษณ์ม้วนนั้น
"คุณบอกฉันว่า คุณอยากรู้ว่าหัวใจผู้หญิงคนนี้ทำด้วยอะไร..ฉันคงตอบคุณได้ด้วยเทปม้วนนี้..ว่าหัวใจของเธอ ก็ไม่ต่างอะไรกับหัวใจของคุณ..หรือของฉันสักนิด เพียงแต่เรามีวิถีชีวิตที่ต่างกัน..ต่างกันเท่านั้นเอง"
ฉันเสออกไปมองนอกรถ ครวญคิด..ถึงแต่ภาพหญิงวัยกลางคน ที่คงเหนื่อยล้าเต็มที..ให้กับโลกแห่งคาวโลกีย์แห่งนั้น เพียงแต่หล่อนต้องกัดฟันทำ..เพื่อลูก ต้องบังคับใจให้รักงาน..เพื่อลูก ลูก..ที่ไม่เคยจะต้อนรับหล่อนเลยสักครั้ง และต้องกัดฟันทำมาจนถึงทุกวันนี้...เพราะไม่มีที่ใดอีกแล้วสำหรับหล่อนในโลกนี้ที่จะให้กลับไป
"คุณบอกฉันว่า..คุณแม่คุณเสียไปแล้ว"
ฉันเริ่มเรื่องด้วยน้ำเสียงนิ่งสนิท..เงียบ..จนได้ยินเสียงถอนลมหายใจของคนที่นั่งอยู่เคียงข้าง น่าแปลกนัก..ที่บางอย่างแม้ไม่ได้เฉลยออกมาเป็นคำพูด แต่ฉันกลับเข้าใจทุกอย่างได้มากมายแบบนี้
"ใช่..แม่ตายไปจากใจผม นานมากแล้ว" เขาแทรกคำพูดของฉัน ด้วยน้ำเสียงขมขื่นของตัวเอง "แม่..คำเชิดชูผู้หญิงบริสุทธิ์ที่ผมหลับตาทุกครั้ง ก็ไม่อยากให้เป็นภาพผู้หญิงคนนั้น แม่ที่น่าเคารพบูชา ไม่ใช่ผู้หญิงรักสนุกมั่วเซ็กส์แบบนั้น ไม่ใช่"
เสียงนั้นแข็งกร้าวขึ้นอีกครั้ง พร้อมๆกับมือแข็งกระด้างที่บีบพวงมาลัยรถแน่น..
เขาหันหน้ามาสบตาฉันช้าๆ..ดวงตาที่เคยแข็งกร้าว บัดนี้ เหลือเพียงเงาของเด็กผู้ชายที่มีอดีตอันเจ็บปวดเหลือเกิน
"มันเป็นทางออกที่ดีที่สุด ที่จะคิดว่าผู้หญิงบริสุทธิ์น่าเชิดชูคนนั้น ได้ตายไปแล้ว ผมเชื่ออย่างนั้นมาตลอดเวลา"
"ฉันกลับคิดว่าความบริสุทธิ์ที่ใช้วัดคนนั้น อยู่ที่ท่านรักคุณอย่างบริสุทธิ์ต่างหาก คุณเกลียดท่านที่ทำงานแบบนี้..แต่ทุกความเจ็บปวด ก็เพื่อคุณเท่านั้น คุณโกรธท่านที่ท่านไม่มาดูดำดูดีคุณ..แต่ทุกครั้งที่ท่านอยากจะกลับมาหาคุณ ท่านกลัวเหลือเกิน ว่าจะเป็นคุณที่จะเจ็บปวด..กลัว โดยไม่สนใจว่าตัวท่านเองจะเจ็บปวดมากแค่ไหน แม่ของคุณ..ไม่ได้ต่างจากคุณแม่ของคนอื่นเลยนะคะ เพราะท่าน..รักคุณมากเท่ากับแม่คนอื่นๆ ให้คุณ..หมดทั้งร่างกายและจิตใจท่าน ถึงมันจะไม่มากเป็นจำนวนเงิน แต่ฉันเชื่อ..ว่าตลอดเวลายี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา ที่คุณมีวันนี้..คุณรู้ดีที่สุด"
มือคู่นั้น..คลายออกอย่างอ่อนโยนที่สุด ฉันไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร..แต่ฉันได้แต่หวัง ว่ามือที่คลายออก..จะเหมือนปมในจิตใจของเขาที่ได้รับการคลายแล้วในวันนี้
"คุณเพียงแค่ต้องการท่าน..มากเท่าๆกับที่ท่านกำลังต้องการคุณ เงินสามพันนั่น อาจซื้อเวลาท่านได้สองชั่วโมง แต่ถ้าเป็นคุณ..ฉันเชื่อ ว่าคุณสามารถซื้อท่านได้ตลอดชีวิต..โดยไม่ต้องเสียอะไรสักนิดเดียว รับท่านกลับมาเถอะนะคะอย่าทำเหมือนคนอื่นบนโลกใบนี้ที่จะไม่ให้โอกาสท่าน ไม่ให้อภัยท่าน ฉันเชื่อว่ามีแค่คุณเท่านั้นท่านก็ไม่ต้องการให้ใครบนโลกนี้มาเข้าใจอีกแล้ว"
เทปสัมภาษณ์..ยังคงถูกกรอกลับไปกลับมาไม่มีที่สิ้นสุด...
การทำงานชิ้นหนึ่ง...บางครั้ง มันอาจไม่มีความหมายเลยในการเปลี่ยนสังคมใบนี้
แต่ฉันก็ยังเชื่อ..ว่าอย่างน้อยที่สุด...ถ้ามันสามารถจุดประกายให้ใครสักคนได้..ก็ถือว่ามันมีค่ามากมายที่สุดแล้ว
บางครั้ง..สังคมที่วุ่นวายต่างคนต่างอยู่บนโลกนี้...ทุกคนอาจต้องเลือกที่จะเดิน ยอมที่จะตกลงไปในหุบเหว..แต่เพียงผู้เดียว
ฉันรู้..ว่ามันคงเป็นการยาก หากจะให้คนในสังคม..ฉุดดึงคนทุกคนในเหวลึกนั้นขึ้นมาพร้อมกัน
แต่อย่างน้อย..ลองย้อนกลับมาดูที่มือของตัวเอง..ด้วยกำลังของคุณ..สามารถที่จะประคับประคองให้ใครสักคนให้ขึ้นมามีชีวิตใหม่..ได้ไหมนะ และคุณอาจได้เรียนรู้ว่าบางครั้ง..มันไม่ต้องอาศัยแรงกำลังมากมายเลยในการช่วยใครคนนั้น..
(จบค่ะ)
จากคุณ :
ฟองคลื่น คืนจันทร์ พันดาว
- [
24 พ.ค. 49 07:47:41
]