แพมกำลังจะแต่งงาน!! แค่ 6 เดือนหลังจากหมั้น ซึ่งมันเร็วกว่าที่แพมคิดไว้ตั้ง 6 เดือน
ความจริง แพมอาจจะต้องแต่งก่อนหน้านี้ 3 เดือนด้วยซ้ำ ถ้าไม่บังเอิญเกิดเรื่องใหญ่ในแวดวงศาคณาญาติของเราขึ้นมาเสียก่อน
ช่วงเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา แพมทั้งได้รู้ว่า การมีความสุขมากที่สุดในโลกนั้นเป็นอย่างไร แต่ขณะเดียวกันก็เป็นครั้งแรก ที่ได้เริ่มสัมผัสความจริงของชีวิตคู่ ที่อาจไม่ใช่เป็นฝันดีตลอดไป
3 เดือนหลังจากหมั้น เป็นช่วงเวลาที่แพมมีความสุขมากที่สุด พี่ภูคู่หมั้นของแพม เป็นผู้ชายที่ดีทั้งนิสัยใจคอ ความคิด และการกระทำ เป็นคนที่แพมคิดว่า จะสามารถนับถือศรัทธาไปได้ชั่วชีวิต ขณะที่พี่ภูเองก็มองเห็นคุณค่าของแพม
ไม่แต่เรื่องหลักๆ ที่สำคัญ ที่เราเข้ากันได้ดี และทำให้รู้สึกรักนับถือซึ่งกันและกันเท่านั้น แม้แต่เรื่องปลีกย่อย อย่างการเข้าครัว การชอบอ่านหนังสือ เราก็ไปกันได้ดี จนแพมอดนึกแปลกใจไม่ได้
แต่ไม่ได้หมายความว่า เขาจะชอบทุกอย่างเหมือนแพมนะคะ เราชอบทำกับข้าวเหมือนกันก็จริง แต่อาหารที่ชอบก็มีเหมือนกันบ้าง ไม่เหมือนบ้าง หนังสือก็ชอบคนละสไตล์ แต่ต่างก็ชอบเรียนรู้ชีวิตผ่านหนังสือ และเป็นคนช่างคิดช่างวิเคราะห์เหมือนกัน เราคุยกันสนุกได้ทั้งวัน ทั้งเรื่องหนังสือ และเรื่องอาหาร รวมทั้งเรื่องอื่นๆ
เรายังคุยกันถึงข้อดีข้อด้อยของแต่ละฝ่าย เช่น พี่ภูว่าเขาเป็นคนยอมตามใจคนอื่นมากเกินไป แต่แพมกลับเห็นเป็นข้อดี เพราะคนที่พี่ภูยอม คือคนที่อ่อนแอกว่า แพมว่า คำว่าสุภาพบุรุษก็หมายถึง ผู้ชายที่ยอมผู้หญิง ยอมคนแก่ และเด็ก ผู้ชายที่ชอบเอาชนะคะคาน แม้แต่กับคนที่อ่อนแอกว่าต่างหาก ที่ไม่น่ารัก
แต่จู่ๆ วันนึง หลังจากที่เราเพิ่งหมั้นกันได้แค่ 3 เดือน อย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย พี่ภูก็พูดขึ้นว่า เราควรจะแต่งงานกันได้แล้ว
แพมเครียดขึ้นมาทันที ในความคิดยังไม่เคยคิดถึงเรื่องแต่งงานเลย เพราะคิดว่ายังอีกนาน แถมยังแอบคิดด้วยว่า ถ้าครบ 1 ปีตามที่เราตกลงกันไว้เมื่อไหร่ แพมจะคิดอุบายยืดวันแต่งงานออกไปอีกหน่อย ยังไม่นึกอยากแต่งงานเลยจริงๆ
พี่ภูพูดต่อไปว่า ปีนึงที่เขาบอก ไม่ใช่เป็นการกำหนดระยะเวลาที่แน่นอน แต่เป็นการคิดกะเวลาของเขาเอง ว่าไม่ควรจะใช้เวลาเกินปีนึง ที่จะสร้างความมั่นใจให้แก่แพม
เสียงพี่ภูพูดต่อมาอีกว่า ถึงเราจะเพิ่งหมั้นกันไม่นาน แต่ความจริงเราทั้งสองคนรู้จักกันมาหลายสิบปีแล้ว ส่วนตอนที่เขาพูดว่าขอเวลาแพม 1 ปีนั้น เขาไม่ได้พูดเพื่อหลอกให้แพมยอมหมั้นกับเขา แต่เพราะคิดว่า ถ้าภายใน 1 ปี เขายังไม่สามารถพิสูจน์ให้แพมได้เห็นว่า เขาจะไม่มีวันทำให้ชีวิตของแพมต้องตกต่ำ หรือเป็นสุขน้อยกว่าที่เป็นอยู่ เขาก็จะไม่เห็นแก่ตัวรั้งแพมไว้ แม้ว่าเขาจะรักแพมมาก อย่างที่ไม่เคยรักใครมาก่อนก็ตาม
แพมคิดว่า เหตุผลทั้งหมดที่พี่ภูพูดมานั้น สมเหตุสมผลและรับฟังได้ แต่แพมก็ยังคิดว่ามันเร็วไปอยู่ดี
พี่ภูรู้สึกได้ถึงอาการเครียดของแพม ทำให้เขาก็เครียดตามไปด้วย บรรยากาศที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขอยู่เพียงเมื่อไม่กี่นาทีก่อน กลับกลายเป็นความตึงเครียดไปหมด
แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 49 19:11:06
แก้ไขเมื่อ 25 พ.ค. 49 17:46:30
แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 49 19:25:06
แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 49 18:56:30
แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 49 18:55:57
จากคุณ :
galdewis
- [
24 พ.ค. 49 16:43:34
]