CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    เพลงของพ่อ

    -1-

    เสียงเพลงไทยลูกทุ่งแว่วหวานกังวานดังไปทั่วบ้าน ทำให้ผมที่กำลังนอนหลับฝันหวานต้องสะดุ้ง พลิกตัวไปมาเอามือปิดหู กระสับกระส่าย จริงอยู่มันไม่ใช่ครั้งแรก ทุก ๆ เช้าผมต้องตื่นเพราะไอ้เสียงเพลงบ้าๆ อะไรพวกนี้ ซึ่งผมไม่ชอบมันเอาเสียเลย คนเปิดนั่นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก ก็พ่อผมเองนั่นแหละเปิดเป็นประจำทุกวัน ทั้งเสียงนักร้องจากเทปทั้งเสียงนักร้องจำเป็นอย่างพ่อที่ร้องคลอตาม แล้วเสียงของแกก็ใช่ว่าจะเพราะพริ้งอะไร แต่รู้สึกว่าพ่อจะสวมวิญญาณนักร้องลูกทุ่งเต็มตัว และทุกทีที่พ่อเปิดเพลงลูกทุ่งเสียงดัง ผมมักจะตื่นเสมอเพราะไม่อาจข่มตาให้หลับอีกต่อไป

    แต่ใช่ว่าผมจะยอมแพ้พ่อหรอก ผมก็มีเพลงที่ผมชื่นชอบอยู่เหมือนกัน ทั้งร็อคจากไทยทั้งวงร็อคจากเทศ มารวมตัวกันอยู่ที่ห้องของผมหมด และเมื่อใดที่พ่อเปิดเพลงลูกทุ่งเสียงดังมาจากข้างล่าง ชั้นบนที่เป็นห้องนอนของผมก็เหมือนกับการเปิดคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบของวงร็อคชั้นนำ เสียงกรีดสายกีต้าร์บาดลึกเข้าไปถึงขั้วหัวใจ เขย่าโสตประสาทด้วยเสียงรัวกลองอย่างเมามัน แต่ผมรู้ว่าเปิดยังไม่ทันจบเพลงหรอก เชื่อสิ!

    “ไอ้อ้น! หูหนวกรึไงเปิดเพลงซะดัง” น่าน!.เห็นไหมผมคาดไว้ไม่มีผิด และทุกทีที่พ่อตะโกนขึ้นมาอย่างนี้ ผมก็ต้องยอมพ่อตลอด เดินไปหรี่เพลงลงฟังคนเดียวอย่างอึดอัดใจ จนบางครั้งอยากจะปิดให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย แต่ผมไม่อยากจะได้ยินเพลงลูกทุ่งเชย ๆ ที่พ่อเปิดมาจากข้างล่าง

    ถ้าเป็นช่วงเปิดเทอมผมคงต้องรีบแต่งตัวไปโรงเรียนแต่เช้าแล้ว แต่นี่มันเป็นช่วงปิดเทอมยาวถ้าผมไม่ออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อน ๆ ผมคงต้องบ้าตายกับเพลงพวกนี้ เคยสัญญากับตัวเองไว้ว่า ชีวิตนี้ยังไงซะก็คงไม่คิดอยากจะฟังเพลงพวกนี้หรอก ไม่เห็นมันจะเร้าใจตรงไหน เพื่อน ๆ ที่โรงเรียนก็ไม่เห็นว่าจะมีใครชอบเพลงพรรณนี้กันสักคน มองไปรอบห้อง นั่นไงล่ะ! นักร้องในดวงใจของผมกำลังโซโลกีต้าร์อย่างเมามัน ผมเคยคิดอยากจะเป็นอย่างนั้นบ้าง แต่ว่ากีต้าร์ผมจะหามันได้ที่ไหนล่ะ ผมไม่ใช่ลูกคนร่ำคนรวยที่จะขอพ่อแม่ซื้อให้ หรือถ้าพ่อรวยจริง ๆ ก็อย่าหวังว่าจะซื้อให้ผมเลย มันไม่มีทางเป็นไปได้

    “โตขึ้นเป็นแพทย์นะลูก อย่าไปเป็นเลยตำรวจนิด ๆ หน่อย ๆ ก็จับ” มันเป็นคำพูดของแม่ ผมไม่รู้ว่าผมได้ยินคำนี้มากี่ร้อยครั้งแล้ว ผมจำไม่ได้และไม่อยากจะจำอะไรทั้งนั้น เพราะผมอยากเป็นนักดนตรี!

    จนกระทั่งวันหนึ่งผมหิ้วกีต้าร์ตัวใหม่เข้ามาที่บ้าน มันเป็นกีต้าร์ถูก ๆ ตัวละไม่กี่ร้อยบาทผมเก็บเงินที่เหลือจากแม่ให้ไปโรงเรียน ผมเก็บมันมาหลายปีจนตอนนี้ผมจะขึ้นชั้น ป.6 อยู่แล้ว รู้สึกหวาดหวั่นกับสิ่งต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น ผมยืนอยู่หน้าบ้านไม่กล้าเดินเข้าไป พ่อจะว่าไหมนะ? ผมเคยเห็นในหนังมาหลายต่อหลายเรื่องที่พระเอกมักจะโดนพ่อว่าเมื่อจะหัดเล่นกีต้าร์ ซึ่งถ้าดูผมกับพ่อแล้วเราสองคนไม่น่าจะได้รับความไว้วางใจจากผู้กำกับฯ ให้รับบทบาทนี้ ถ้าพ่อของผมเป็นเหมือนกับพ่อพระเอกในหนังจริง ๆ ล่ะก็ แล้วผมจะเป็นอะไรได้อีกเล่า นอกจากพระเอก ผมคิดดูกี่ที กี่ที มันไม่ใช่ ยังไงมันก็ไม่ใช่! จึงตัดสินใจหิ้วกีต้าร์เดินเข้าไปในบ้านโดยไม่สนใจสายตาของพ่อกับแม่ที่นั่งดูทีวีอยู่ชั้นล่าง



    ผมหัดเล่นกีต้าร์คนเดียวไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่เกือบเดือนฝีมือไม่ไปไหนเลย จนบางครั้งเริ่มหงุดหงิด ไม่ใช่ว่าเพราะกีต้าร์หรอก หงุดหงิดเพราะเสียงเพลงของพ่อนั่นแหละ ทุกทีที่ผมเริ่มดีดต๊องแต๊ง ๆ นั่น!..มาอีกแล้วนักร้องลูกทุ่งลูกคอเก้าชั้นสิบชั้นของพ่อ บางทีก็เหมือนกับว่าพ่อตั้งใจแกล้งผมยังไงยังงั้น ผมเคยเห็นเทปเพลงลูกทุ่งของพ่อมีเป็นร้อย ๆ ตลับ ทั้งเก่าทั้งใหม่แล้วแต่ละวันพ่อเปิดไม่ซ้ำกันเลย

    จนวันหนึ่งมีงานเลี้ยงสังสรรค์ที่บ้าน ไม่ใช่งานเลี้ยงหรูหราอะไรมากหรอก มันก็แค่เพื่อน ๆ ของพ่อมาตั้งวงกินเหล้าที่บ้านก็เท่านั้นเอง มากันหลายคน แม่ไม่อยู่บ้านออกไปข้างนอก ปกติแล้วแม่ก็ไม่ค่อยจะอยู่บ้านสักเท่าไหร่ ธุระของแม่ก็ไม่มีอะไรมาก เพื่อนขาดขา ถ้าแม่ว่างแม่จะไปขลุกที่บ้านป้ายุพากลางซอย ผมเคยแอบไปดูกับไอ้จ้อนลูกชายป้ายุพานั่นแหละ เห็นบางครั้งแม่ก็เป็นเจ้ามือไพ่ป๊อก บางทีก็แล้วแต่ลูกขาที่น่ารักของแม่จะอยากเล่นอะไรกัน แม่จะเป็นคนจัดให้ รู้ว่าแม่ชอบและเล่นเพื่อสนุกแต่ผมก็ไม่อยากให้แม่เล่น ครูบอกว่าเล่นการพนันมันไม่ดี ส่วนไม่ดียังไงนั้นผมเองก็ไม่รู้

    ผมหัดเล่นกีต้าร์ไปก็พะวงไปว่าเมื่อไหร่พ่อจะเรียกผม เรียกไปทำอะไรน่ะรึ ก็เหมือน ๆ กับทุกทีนั่นแหละ

    “อ้น อ้น ไอ้อ้น!”

    “ครับ ลงไปแล้วพ่อ”

    “ออกไปซื้อเหล้าให้พ่อหน่อยซิวะ” เห็นไหมถ้าผมซื้อหวยป่านนี้คงรวยไปนานแล้ว

    ผมวิ่งลงไปทันที เพื่อน ๆ ของพ่อนั่งกันอยู่หลายคน สงสัยว่าคงเป็นคอเพลงเดียวกัน เพราะเพลงที่ฟังมันเป็นเพลงลูกทุ่งที่พ่อชอบเปิดเป็นประจำ

    “ไปซื้อที่ไหนล่ะพ่อ เขาไม่ขายให้เด็กพ่อก็รู้นี่”

    “ก็ร้านที่เอ็งเคยไปซื้อนั่นแหละ”

    “แล้วร้านไหนล่ะ ผมจำไม่ได้ ก็พ่อให้ไปซื้อไม่เคยซ้ำร้านสักที” ผมแกล้งถามไปอย่างนั้นเอง

    “ร้านป้าแช่มกลางซอยนั่นไงเล่า เอ็งรู้จักไม่ใช่รึ?”

    “ตังค์ล่ะพ่อ” ผมแบมือ

    “เอ้านี่..อย่าบอกแม่เอ็งนะ”

    “ไม่บอกก็ได้ แต่ตังค์ไม่ทอนนะพ่อ” ผมวิ่งแจ้นออกไปคว้าจักรยานทันที มันเป็นประจำอยู่อย่างนี้ที่มีงานสังสรรค์ของพ่อ

    กลับจากซื้อของแล้วผมก็เริ่มสวมวิญญาณนักดนตรี แต่ทว่ามันไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยเพราะเสียงเพลงของพ่อกับเพื่อน ๆ ของพ่อดังกลบไปหมด ผมต้องเอาสำลีอุดหูไม่อยากได้ยินเพลงของพ่อ จนเผลอหลับไป

    มารู้สึกตัวอีกทีก็ไม่ได้ยินเสียงเพลงแล้ว เดินลงไปดูข้างล่างเพื่อน ๆ ของพ่อก็กลับกันหมด ไม่เห็นใคร พ่อก็ไม่อยู่ เดินวนไปมาอยู่หลายรอบ มองออกไปหน้าบ้านพ่อกับแม่เดินคุยกันเข้ามาผมเลยเดินออกไปดู

    “เห็นไหมฉันเตือนเธอแล้ว ว่าไม่ให้ไปเล่นแล้วเป็นไงโดนตำรวจสอยเอา”

    “ก็ใครจะไปรู้เล่าว่าตำรวจมันจะหูตาไวขนาดนั้น”

    “ถ้าคราวหน้าโดนจับอีกฉันไม่ไปประกันตัวเธออีกแล้วนะ”

    “ฉันว่าต้องมีใครโทรไปแจ้งตำรวจแน่ พ่อว่าไหม?”

    ผมฟังก็พอจะจับใจความได้ว่าแม่โดนตำรวจจับอีกแล้ว ทุกทีที่แม่โดนจับพ่อต้องต้องไปประกันตัวมาทุกครั้ง ดูเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องปกติของผม และครอบครัวของผมบางทีก็อยากจะให้แม่เลิกเล่น แต่แม่ก็ยังแอบไปเล่นอยู่เช่นเดิม

    เมื่อถึงวันเปิดเทอมผมก็ต้องไปโรงเรียนตามเดิม แต่ที่แปลกไปกว่าทุกครั้งคือไม่ได้ยินเสียงเพลงลูกทุ่งของพ่ออีกในตอนเช้า เมื่อพ่อไม่เปิดเพลง เข้าทางผมล่ะทีนี้ ทั้งร็อคจากเมืองไทยและเมืองนอกผลัดกันมาเขย่าโสตประสาทอย่างเมามัน รู้สึกชุ่มชื้นหัวใจเมื่อได้ฟัง อาบน้ำแต่งตัวอย่างอารมณ์ดีวิ่งลงบันได เห็นพ่อนั่งหน้าหงอยอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ชั้นล่าง

    “พ่อ พ่อ” นั่งนิ่งไม่หัน

    “พ่อ!” ผมเรียกดังขึ้นอีก พ่อหันมามอง

    “ไปโรงเรียนแล้วรึ?”

    “ครับ”ผมพยักหน้า

    “ทำไมพ่อไม่เปิดเพลง?”

    พ่อทำหน้าเศร้า ๆ “ก็ตั้งแต่ที่เพื่อนมาวันนั้น ไม่รู้ว่าใครเก็บเอาเทปไปหมดเลย ไม่เหลือไว้ให้ฟังสักตลับ โทรไปถามก็บอกว่าไม่มีใครเอาไป”

    “งั้นพ่อก็เหงาแย่เลยสิ ถ้าพ่อเหงาจริง ๆ เพลงร็อคที่ห้องผมก็มีนะพ่อ ไปล่ะ” ผมแกล้งพูดไปอย่างนั้น แล้วก็วิ่งออกไป คิด ๆ แล้วก็สงสารพ่ออยู่เหมือนกัน

                                                                       
                                                                         -2-

    วันเวลาผ่านล่วงเลยไป นึกถึงคืนวันเก่า ๆ ทีไรรู้สึกอบอุ่น จนบางครั้งอยากจะกลับไปเป็นอย่างเดิม แต่ว่าอะไรก็ตามที่ผ่านพ้นไปแล้วมันคงยากที่จะหวนกลับคืนได้ อดีตมันก็คืออดีตวันยังค่ำ เพียงแต่ว่าเราทำอดีตไว้ให้น่าจดจำเพียงใด?

    ผมจะคิดถึงสมัยตอนเป็นเด็กทุกครั้งเมื่อได้ยินเพลงไทยลูกทุ่งเหล่านี้ แน่นอน! ผมคิดถึงพ่อของผม พ่อของผมที่ชอบเปิดเพลงลูกทุ่งเสียงดังในตอนเช้า พ่อของผมที่ชอบร้องเพลงลูกทุ่งโดยไม่สงสารคนฟังเลยสักนิด พ่อของผมที่เดินเข้าออกโรงพักอยู่สม่ำเสมอเมื่อแม่โดนตำรวจจับ ผมไม่ได้เป็นแพทย์เหมือนกับที่แม่อยากให้เป็น ไม่ได้เป็นนักดนตรีดังที่ตนใฝ่ฝัน แต่ผมเป็นตำรวจ ผมคิดว่านัยลึก ๆ พ่อคงอยากให้ผมเป็นตำรวจก็ได้

    ผมขับรถอย่างเย็นใจ เสียงเพลงลูกทุ่งดัวแว่วหวานในรถ ผมละมือจากพวงมาลัยไปปรับเสียงขึ้นอีก รู้สึกดีเมื่อได้ฟังเพลงพวกนี้ อีกอย่างฟังแล้วผมคิดถึงสมัยตอนเป็นเด็ก และคิดถึงพ่อ ผมไม่รู้ว่าผมแอบชอบฟังเพลงพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ที่ห้องและรถของผมมันไม่มีเพลงร็อคที่ผมเคยชื่นชอบแม้แต่แผ่นเดียว

    พรุ่งนี้เช้าผมก็จะได้เจอพ่อและแม่ ผมขอลาพักหลายวัน นาน ๆ จะได้กลับบ้านสักครั้ง รู้สึกตื่นเต้นทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะซื้อของอะไรไปฝากพวกเขา รู้ว่าพ่อชอบฟังเพลงลูกทุ่งเลยซื้อเทปเพลงลูกทุ่งมาฝากพ่อเยอะแยะ เพื่อเป็นการไถ่โทษ ซึ่งบางทีพ่อคงไม่โกรธผมเท่าไหร่ถ้าผมจะบอกไปว่าเทปเพลงที่หายไปทั้งหมดในครั้งนั้น จริง ๆ แล้วมันไม่ได้หายไปไหนหรอก มันยังอยู่ที่ใต้เตียงห้องนอนของผมเอง แต่แม่ของผมนี่สิไม่รู้จะซื้ออะไรไปฝาก นี่ถ้าแม่รู้ว่าทุกครั้งที่แม่ไปเล่นไพ่ที่บ้านป้ายุพาแล้วโดนตำรวจจับ ก็เพราะผมนี่แหละโทรไปแจ้งตำรวจ แม่จะโกรธผมไหมนะ?

               
                               ****************************

    จากคุณ : คุยไป กินไป - [ 26 พ.ค. 49 09:43:28 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป