CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    บนเส้นทางนักอยากเขียน : จดหมายรักฉบับแรก

    ตอนที่น้องชายเราเกิดมา แม่เอาดวงเรา 2 คนไปปรึกษากับผู้ชำนาญเฉพาะการณ์ที่เรียกว่า "หมอดู"
    ผลที่ได้เหรอ เราน่ะเป็นคนดวงไม่ค่อยดี (เรียกว่าตัวซวยน่าจะเหมาะกว่า) เพราะมีโอกาสติดคุกติดตาราง ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ เรียนก็ไม่จบ คาดว่าไม่น่าเกินมัธยมต้น แล้วก็หาแต่เรื่องเดือดร้อนมาให้พ่อแม่เสมอ แถมหมอดูยังตบท้ายอีกนะว่า ถ้าเราเกิดช้ากว่านี้อีก 2 วัน ดวงจะกินพ่อแม่ ทำให้พ่อแม่อายุสั้น

    โอว! คนอะไรมันจะเกิดมาพร้อมกับความโชคร้ายยังงี้หนอ ตายแล้วไปเกิดใหม่จะดีกว่าหรือเปล่าฟ่ะ เราคิดแบบนั้นจริงๆ นะ แต่เป็นการคิดเมื่ออายุมากเกินไปถึงจะตายตอนนั้นมันก็คงจะสายเกินไปแล้วล่ะ ดังนั้นใช้ชีวิตอยู่ต่อไปดีกว่า

    ส่วนดวงชะตาของน้องชายเราน่ะเหรอ ดีสารพัด เป็นลูกแก้วลูกขวัญ เป็นพญางูขาวกลับชาติมาเกิด ชีวิตมีแต่ความเจริญก้าวหน้า ทำอะไรก็สำเร็จ

    พอดีตอนนั้นเราเป็นเด็กอะนะ เลยไม่ได้คิดอะไร ถ้าเป็นตอนนี้ พ่อหมอคงมีโอกาสโดนด่าจนหมาตายเป็นแน่ ขึ้นชื่อว่า "หมอ" มันน่าจะหาทางออกที่มันสร้างสรรค์หน่อย ไม่ใช่ทำนายอะไรที่ชวนให้เอาขี้เถ้ายัดปากเด็กยังงี้

    แต่เรื่องมันก็ผ่านไปนานแล้วหละ จะหาพ่อหมอคนนั้นก็ไม่รู้ว่าป่านนี้ไปอยู่ที่ไหนแล้ว

    หลังจากการทำนายในคราวนั้น เราก็กลับมาใช้ชีวิตกับครอบครัวตามปกติในฐานะ "ลูกชัง" ของแม่ แต่เป็น "ลูกรัก" ของพ่อ ส่วนน้องชายเราก็เป็นลูกรักของแม่ไปตามคุณนายระเบียบ

    ถ้าไม่นับเรื่องของการเจ็บไข้ได้ป่วยที่เราต้องไปหาหมอแทบจะทุกอาทิตย์ เพราะเป็นโรคประจำตัว ซึ่งหมอสมัยนั้นพยายามหาทางรักษาอยู่เป็นหลายปี ก็ไม่หาย เรียกได้ว่าศิริราชกับเราเนี่ยะ ใกล้ชิดสนิทแน่นกันเชียวแหละ

    คิดดูสิครับ ตั้งแต่จำความได้ ต้องไปหาหมอทุกวันจันทร์ เพื่อไปรักษาโรคที่หมอเองบอกว่า 3 เดือนก็หาย แต่ 10 ปีผ่านไปมันก็ยังอยู่ที่เดิม จนพ่อแม่เราท้อกับการพาเราไปหาหมอ เราเองก็ปลงๆ (แหนะ! ปลงตั้งแต่เด็ก) เพราะมันไม่มีอะไรดีขึ้น เลยเลิกไปหาหมอรอวันที่เนื้อร้ายนั้นจะลุกลามจนขาหลุดไปเอง น่าจะง่ายกว่า

    พอคิดแบบนี้ปุ๊บ มันหายเอง ไม่ทายา ไม่หาหมอ ไม่สนใจ สงสัยเชื้อโรคคงน้อยใจ หรือไม่มันก็คงเบื่อชีวิตพอๆ กับเรานั่นแหละ เลยอัตวินิบาตกรรมตัวเองซะเฉยเลย

    ทุกวันนี้รอยแผลที่เอ็นร้อยหวาย อันเกิดขึ้นจากโรคนั้นก็ยังอยู่แบบจางๆ ผ่านไปหลายทศวรรษ มันก็ไม่เคยแสดงอาการอีกเลย
    นี่ถ้าไม่สนใจมันตั้งแต่ก่อนหน้านั้นซัก 5 ปี มันคงไม่เป็นแผลแบบนี้หรอก

    เราพึ่งมารู้เมื่อไม่นานนี้เองว่า คนราศีมังกรมักมีปัญหากับเรื่องผิวหนัง เช่นแพ้ง่าย หรือไม่ก็เป็นโรคเกี่ยวกับผิวหนังได้ง่าย ก็เลยสรุปแบบเหมาเอาเองว่า โรคที่เราเป็นคงมาจากการที่เราเกิดราศีมังกรมั๊ง พอเราเลิกสนใจเจ้าโรคนี้มันก็เลยไปหาที่อื่นที่ทำให้เราสนใจในภายหลัง
    (จริงๆ นะ ไว้จะเล่าให้ฟังว่ามันย้ายไปหากินแถวไหน ให้เราตื่นเต้น)

    นอกจากการไปหาหมอเป็นรายสัปดาห์แล้ว เรายังมีรอบพิเศษอีกนะ เพราะเราเป็นหวัดบ่อยมาก อากาศเปลี่ยนนิดหน่อยก็ฟุตฟิตไม่มีฟอไฟ อันเนื่องจากอาการหวัดเริ่มสำแดง ทำให้เรามีหมอประจำที่คลีนิคปากซอยเป็นรายการเสริมแทบทุกเดือน

    มาคิดตอนนี้ สงสัยเราจะเกิดมาผลาญเงินพ่อแม่จริงๆ ด้วยล่ะ

    เรื่องเดือดร้อน เรื่องแรกผ่านไป

    เรื่องเดือดร้อนเรื่องที่ 2 อันนี้เกี่ยวกับเรื่องผู้หญิง ซึ่งจริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้ชายก็ต้องสนใจผู้หญิง จะให้ไปสนใจผู้ชายมันก็คงไม่ใช่เราหรอก
    ปัญหามันอยู่ตรงที่เราดันไปสนใจคนที่พ่อแม่หวงสุดๆ นี่สิ แถมตอนที่สนใจอายุแค่ 13 เองมั๊ง มันก็เลยเป็นเรื่อง

    สมัยเด็กๆ เราเป็นเด็กที่เรียนเก่งมาก ถึงแม้ตอนโตมันจะตรงข้ามกันก็เถอะ แต่ก็พอคุยได้แหละสมัยเด็กๆ ได้ที่ 1 ของโรงเรียนเป็นเรื่องปกติ จนเทอมไหนที่ไม่ได้เนี่ยะเป็นเรื่องแปลก

    ดังนั้นเราจึงเป็นที่รู้จักของใครต่อใครในโรงเรียนแล้วเราก็ดันไปปิ๊งกับเด็กคนนึงเข้า
    เรียกว่าเกือบครบสูตรเชียวแหละ เพราะเธอขาว เธอหมวย เธอสวย แต่เธอแห้งและหัวโตไปหน่อย โถ! ก็เด็ก 12-13 จะเอาอะไรมาอึ๋มล่ะ

    เราก็เลยเริ่มจีบเธอด้วยการร่ายเพลงยาว (แหม! มาคิดสมัยนี้มันเชยซะนี่กระไร) แต่การเริ่มร่ายเพลงยาวถึงเธอ ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเขียนอะไรต่อมิอะไรต่อมาจนถึงเดี๋ยวนี้

    เราจำไม่ได้หรอกว่าตอนนั้นเขียนอะไรให้เธอไปบ้าง แต่ก็คงประมาณ

    ยามหลับก็ฝันหา ตื่นขึ้นมาก็คิดถึง
    เธอคือห้วงคำนึง ร้อยเรียงฝันทุกวันวาร
    (กายพ์ยานี ๑๑)

    เมื่อมีเขียนให้ เธอก็เขียนกลับ โดยกลอนที่เธออุตส่าห์ไปหาจากไหนไม่รู้ เพื่อมาตอบเรานี่สิมันเด็ดยิ่งกว่าที่เราแต่งเองอีก
    ทุกวันนี้เรายังจำกลอนและกาพย์ที่เธอส่งกลับมาได้ทุกบาท ทุกบท แถมยังเอามาเป็นต้นแบบของการแต่งบทกวีของเราอีกด้วย

    เราคงไม่สามารถยกบทกวีของเธอมาลงที่นี่ได้เพราะเดี๋ยวเกิดเจ้าของตัวจริงเค้ามาอ่านเจอเข้าเราเองแหละจะโดนด่าเอา (อีกอย่างเราไม่อยากทำให้ครอบครัวใครแตกแยก เพราะป่านนี้เธอคงแต่งงานแต่งการไปเรียบร้อยแล้ว)

    แล้วก็เป็นไปตามธรรมดาโลกนี้ที่ไม่มีความลับ เพราะวันนึงแม่เธอเกิดจับได้ว่าเราเล่นเพลงยาวกับลูกสาวเค้า

    พวกเลยยกโขยงกันมาทั้งครอบครัว มาที่บ้านเราเพื่อจะเอาเรื่องเราให้ได้ ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายเพราะวันนั้นเราไปอยู่ที่บ้านเพื่อนอีกคนพอดี จนมืดค่ำถึงกลับมา พร้อมโดยตั้งคำถามจากแม่เราว่ารู้จักเด็กผู้หญิงคนนั้นมั๊ย เรางี้หนาวเลยว่าเกิดอะไรขึ้น ที่สุดเราถึงได้รู้ว่า พ่อแม่เค้ามาที่บ้านเราในวันนั้น เพื่อจะมาเอาเรื่องกะเราในฐานะที่ไปเล่นเพลงยาวกับลูกสาวเค้า

    เฮ้อ! ก็แค่เด็กเขียนกลอนหวานๆ ให้กัน ทำเรื่องราวซะใหญ่โต แถมสั่งห้ามลูกสาวเค้าคุยกะเรา ตบท้ายด้วยการตีลูกสาวเค้าต่อหน้าแม่เราอีก

    คนอะไรใจร้ายชะมัด

    และตั้งแต่นั้นมา เธอก็ไม่พูดกะเราอีกเลย ขนาดเดินผ่านเรา ยังทำเป็นมองไม่เห็นเราด้วยซ้ำ

    ความรักครั้งแรกของเราเลยจบลงเพราะผู้ใหญ่กีดกันนี่เอง

     
     

    จากคุณ : ปีกไม้หอม - [ 26 พ.ค. 49 22:36:47 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป